ปัจจุบันคนไทยและคนทั่วโลก หลายคนอยู่ในภาวะการมีบุตรยาก เพราะด้วยภาระหน้าที่ และความพร้อมของแต่ละคนไม่เท่ากัน ในช่วงเวลาที่สามารถมีบุตรได้ ก็ไม่พร้อมจะมี แต่พอเวลาล่วงเลยไป การมีบุตรก็ยากมากขึ้น บวกกับภาวะความเครียดการตรากตรำ จากการทำงานอย่างหนัก หลายปัจจัยส่งผลให้การมีบุตรยากขึ้น
เจาะกลยุทธ์ “เบบี้แอนด์มัมฯ” บุกเบิกตลาดเตรียมพร้อมตั้งครรภ์มีบุตรยากรายแรกไทย
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้คลินิก หรือ สถานพยาบาลสำหรับผู้มีบุตรยาก จึงถือกำเนิดเยอะขึ้น แต่ความรู้เตรียมตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยากยังไม่เป็นที่แพร่หลาย ในรูปแบบการเตรียมความพร้อม ทั้ง การสร้างความเข้าใจ การดูแลสุขภาพร่างกาย ยังไม่เคยเกิดขึ้น จนกระทั่ง เมื่อ “ครูก้อย” “นัชชา ลอยชูศักดิ์” ภรรยานักร้องและนักแสดงชื่อดัง อย่าง “เจมส์” เรืองศักด์ ลอยชูศักดิ์ ได้เปิดคอร์สให้ความรู้ คำปรึกษา การมีบุตรยาก จนทำให้ดารานักแสดง เช่น “จุ้ย วรัทยา” หรือ ล่าสุด “คุณตู่ ปิยวดี” ที่ประสบปัญหาการมีบุตรยาก ก็ประสบความสำเร็จสามารถมีบุตรได้ หลังจากได้ศึกษาความรู้เตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ ตามที่ครูก้อยแนะนำ
จนเป็นที่มา ของธุรกืจเบบี้แอนด์มัม ซึ่งกลายเป็นธุรกิจหลัก ของสองสามีภรรยา ครูก้อย และ คุณเจมส์ มาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งคู่ทำเบบี้แอนด์มัม มาได้กว่า 8 ปีแล้ว ถือได้ว่าเป็นรายแรกที่บุกเบิกธุรกิจเตรียมตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยากในประเทศไทย โดยชูกลยุทธ์ “ให้องค์ความรู้เตรียมตั้งครรภ์” และเข้าใจ pain point ของผู้มีบุตรยาก สู่การพัฒนาแบรนด์บนพื้นฐานหลักวิทยาศาสตร์และงานวิจัย ดันธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
เนื่องมาจากภาวะการมีบุตรยากในคนไทย และคนทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ปีละหลายแสนคน และที่สาเหตุทำให้เบบี้แอนด์มัม เติบโตมาตลอด เพราะได้ศึกษาความรู้เตรียมตั้งครรภ์ กับครูก้อย และนำไปดูแลตัวเองเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่กระบวนการแพทย์ เพราะหลายคนที่มารับการปรึกษา ตามแบบครูก้อย ส่วนใหญ่ก็ผ่านการรับบริการจากทางคลินิก หรือ สถานพยาบาล มาแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถมีบุตรได้ เนื่องจากขาดความรู้ในการเตรียมร่างกายก่อนตั้งครรภ์
ถ่ายทอดความรู้จากประสบการณ์ตรงตัวเอง
“นัชชา ลอยชูศักดิ์” หรือ หลายคนรู้จักเธอในชื่อ “ครูก้อย” กรรมการบริหาร บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด และครูวิทยาศาสตร์ผู้ก่อตั้งเพจ BabyAndMom.co.th เพจให้ความรู้เตรียมตั้งครรภ์ยืนหนึ่งในใจผู้มีบุตรยาก เล่าว่า บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งจากจุดเริ่มต้นของครูก้อย ที่เคยประสบกับปัญหาภาวะมีบุตรยาก จากประสบการณ์ตรงและเข้าใจ pain point ของผู้มีบุตรยากที่ผิดหวังหลายครั้งจากการขาดความรู้ในการเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ และการบำรุงอย่างถูกวิธี
ทั้งนี้ ด้วยความเป็นครูวิทยาศาสตร์จึงทุ่มเทค้นคว้าศึกษาข้อมูลงานวิจัยด้านโภชนาการเสริมภาวะเจริญพันธุ์ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกายก่อนเข้าสู่กระบวนการทางการแพทย์ ทั้งการบำรุงไข่ มดลูก และฮอร์โมน รวมถึงการบำรุงของฝ่ายชาย เพื่อปรับปรุงคุณภาพสเปิร์ม เพื่อเตรียมวัตถุดิบตั้งต้นให้ดี ก่อนเข้าสู่กระบวนการรักษาทางการแพทย์ จนประสบความสำเร็จตั้งครรภ์ พร้อมแบ่งปันประสบการณ์จริงและความรู้ผ่านทางเพจ BabyandMom.co.th เพื่อมุ่งเน้นให้ความรู้ที่ถูกต้องในการเตรียมตั้งครรภ์ให้กับผู้มีบุตรยากให้เข้าใจง่ายและนำไปปฏิบัติอย่างถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์
เข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องการจะมีบุตร
“จากประสบการณ์ตรงในฐานะผู้มีบุตรยาก ทำให้เข้าใจถึงความเจ็บปวดและความหวังของผู้หญิงที่ต้องเผชิญกับความล้มเหลวซ้ำซาก แม้พยายามด้วยวิธีทางการแพทย์หลายครั้ง หลายคนอาจคิดว่าการมีลูกเป็นเรื่องง่าย เพียงแค่ใช้เงินก็สามารถเลือกได้ว่าจะมีแฝดกี่คน แต่ความจริงแล้ว ผู้ที่มีบุตรยากต้องผ่านทั้งความเจ็บปวด ความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางคนพยายามทำเด็กหลอดแก้วถึง 10 ครั้งก็ยังไม่สำเร็จ และในทุกความล้มเหลวนั้น ทิ้งบาดแผลทางใจที่ลึกซึ้งจนบางครั้งนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า สิ้นหวัง กระทบต่อครอบครัว หน้าที่การงาน และชีวิตโดยรวม”
ที่มาขององค์ความรู้ กว่าจะมาเป็น “ครูก้อย เบบี้แอนด์มัม”
ครูก้อย เล่าวว่า ที่มาขององค์ความรู้ต่างๆ มาจากการศึกษา และค้นคว้า ตรงนี้มาจากตนเองเป็นครูวิทยาศาสตร์ จะเข้าใจเรื่องการศึกษาวิจัยเป็นพื้นฐานอยู่ แหล่งความรู้มาจากองค์ความรู้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ที่ต้องเดินทางไปร่วมอบรม ตามสถานที่ต่างๆ ที่เปิดให้อบรม หรือ ให้ความรู้ จนสามารถนำมาปรับใช้ กับตัวเองและทำให้เราสามารถมีบุตรได้อย่างที่ต้องการ และที่สำคัญคือ สามารถที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆ ที่ถูกต้อง และช่วยเหล่าบรรดา คุณแม่ที่มีบุตรยากได้ลูกสมความปราถนา
ครองตลาดอันดับ 1 สำหรับคนที่เตรียมความพร้อมตั้งครรภ์
นายเรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ (คุณเจมส์) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นของแบรนด์ที่ครองใจกลุ่มผู้มีบุตรยากมายาวนานกว่า 8 ปีว่า ปัจจุบันกว่า 80–90% ของผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากและกำลังเตรียมเข้าสู่กระบวนการรักษาภาวะมีบุตรยาก มักเริ่มต้นด้วยการศึกษาความรู้จากเพจ BabyAndMom.co.th ที่ “ครูก้อย” ถ่ายทอดข้อมูลผ่านหลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์และงานวิจัย เพื่อเสริมโอกาสสำเร็จในการตั้งครรภ์
ทั้งนี้ เมื่อ 8 ปีก่อน ผู้ติดตามจำนวนมากเผชิญกับอุปสรรคในการเข้าถึงวิตามินและอาหารเสริมที่ออกแบบเฉพาะสำหรับผู้เตรียมตั้งครรภ์ เพราะในขณะนั้นยังไม่มีผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่มในตลาด หลายคนจึงจำเป็นต้องนำเข้าวิตามินจากต่างประเทศเอง ทั้งที่ความต้องการและขนาดปริมาณสารอาหารของชาวเอเชียและชาวยุโรปแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ช่องว่างดังกล่าวจึงนำไปสู่จุดเริ่มต้นของผลิตภัณฑ์ตัวแรกของบริษัทฯ คือ “เฟอร์ตี้ (Ferty)” โปรตีนเจ้าแรกของตลาดที่ออกแบบเพื่อบำรุงร่างกายของผู้หญิงที่กำลังเตรียมตัวมีบุตร โดยควบคู่ไปกับการให้องค์ความรู้เตรียมตั้งครรภ์ และได้ต่อยอดสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงแบบองค์รวม โปรตีนเฟอร์ตี (Ferty) สำหรับบำรุงฝ่ายหญิง และ เฟอร์ต้า (Ferta) สำหรับบำรุงฝ่ายชาย รวมถึง เครื่องดื่มสุขภาพ (น้ำมะกรูดครูก้อย) และ วิตามิน OvaAll รวมถึงหมวดหมู่บำรุงเตรียมตั้งครรภ์อื่นๆ
ครูก้อย กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของบริษัทฯ ได้รับการพัฒนาจากองค์ความรู้และงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ เบื้องหลังแนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ จึงเน้นการบำรุง “วัตถุดิบตั้งต้น” ให้พร้อมที่สุดก่อนเข้าสู่กระบวนการทางการแพทย์ เพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จ และลดค่าใช้จ่ายไม่ต้องทำหลายครั้งหากวัตถุดิบตั้งต้นดี ซึ่งค่าใช้จ่ายอาจสูงถึงหลักล้านซึ่งเกิดขึ้นจริงในกลุ่มของผู้มีบุตรยากที่วัตถุดิบตั้งต้นคุณภาพไม่ดี เบบี้แอนด์มัมฯจึงไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ แต่ยังเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมโภชนาการเฉพาะทาง ที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์อย่างมีคุณภาพและยั่งยืน
เติบโตจากการให้ความรู้ ไม่ใช่แค่ขายสินค้า
นายเรืองศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องหลังความสำเร็จทำให้เบบี้แอนด์มัม ครองใจคนที่มีบุตรยากมาตลอด 8 ปี นั่นคือ
เริ่มต้นมาจากการ “ให้ความรู้ (Educate)” ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าการตลาดที่ดีที่สุด คือ การตลาดที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจในสิ่งนั้นและให้องค์ความรู้กับผู้บริโภค เมื่อผู้บริโภคมีความรู้ที่ถูกต้อง เขาก็จะบริโภคสินค้านั้นอย่างถูกต้องและอย่างมีวินัย ผมตั้งเป้าว่า 1.เราจะไม่ใช่แบรนด์ที่ Motivate คน โดยการดึงดารามาถือ บางทีก็กินไม่จริงบ้าง แล้วก็ฉกฉวยโอกาสตอนที่เขาตั้งครรภ์มาให้โพสต์รีวิว ซึ่งด้านนี้เราจะไม่ทำเด็ดขาด 2.เราจะไม่พูดอะไรที่ไม่เป็นความจริง จะไม่ให้ความหวังเพื่อต้องการขายสินค้า นี่คือเหตุผลที่คนรักและไว้วางใจเบบี้แอนด์มัมฯมาก
ส่วนในแง่ธุรกิจ ไม่ต้องแข่งขันด้วยโปรโมชั่น ลดแลกแจกแถม หรือแย่งพรีเซ็นเตอร์เหมือนในตลาดทั่วไป แม้จะมีแคมเปญส่งเสริมการขายบ้างเพราะลูกค้าเป็นผู้หญิง แต่หัวใจของการเติบโตมาจาก “ผลลัพธ์จริง” ที่ผู้มีบุตรยากประสบความสำเร็จ บอกต่อด้วยความเชื่อมั่น ลูกค้าที่ประสบความสำเร็จจากการเตรียมตัวกับเบบี้แอนด์มัมฯ มักจะกลับไปเล่าต่อให้คนรอบตัว ส่วนรายอื่นๆ ที่กำลังเข้ามาในตลาด หลังจากเห็นความสำเร็จเบบี้แอนด์มัมฯ ก็เริ่มมีเข้ามาให้เห็นบ้าง แต่สุดท้าย เชื่อว่า เราขายคุณภาพลูกค้าพึ่งพอใจ ไม่ได้กังวลถึงคู่แข่ง
ตลาดผู้มีบุตรยากโตสวนกระแส แม้แนวโน้มคนมีลูกน้อยลง
นายเรืองศักดิ์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ที่ประสบภาวะมีบุตรยากราว 200,000–300,000 ราย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ปัจจัยหลักมาจากโครงสร้างสังคมที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะเรื่อง “อายุ” ซึ่งถือเป็นตัวแปรสำคัญที่สุดของภาวะมีบุตรยากในผู้หญิง สมัยก่อนผู้หญิงมักแต่งงานในช่วงอายุ 20 ต้นๆ แต่ปัจจุบันบางคนอายุ 35 แล้วยังไม่เริ่มต้นสร้างครอบครัว ทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์ลดลง อีกทั้งยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น ความเครียด สภาพเศรษฐกิจ โภชนาการ มลภาวะ และสิ่งแวดล้อม ที่ล้วนส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ แม้สังคมในยุคใหม่จะมีค่านิยมที่เปลี่ยนไป โดยบางครอบครัวเลือกที่จะไม่มีบุตร หรือมีเพียงคนเดียว แต่ในทางกลับกัน “ตลาดผู้มีบุตรยากกลับเติบโตสวนกระแส” เพราะกลุ่มคนที่ต้องการมีลูกยังคงมุ่งมั่นในการรักษา
กลุ่มผู้ติดตามหลักเพจ และแบรนด์
ด้าน ครูก้อย กล่าวเสริมว่า ความต้องการมีบุตรไม่ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจหรือสถานการณ์ภายนอก แต่เป็นเรื่องของ “ใจ” ล้วนๆ ต่อให้เกิดโควิด ธุรกิจจะชะลอตัว หรือเศรษฐกิจไม่ดี แต่ถ้าใครอยากมีลูก...เขาก็ยังอยากมีอยู่ดี เพราะลูกคือดวงใจ คนที่อยากมีจะสู้จนกว่าจะสำเร็จ แม้หลายครอบครัวจะตัดสินใจมีเพียงคนเดียว แต่ความตั้งใจนั้นยังชัดเจน
โดยมีผู้มาปรึกษาและขอความรู้เตรียมตั้งครรภ์เฉลี่ยราว 30,000 รายต่อปี โดยกลุ่มผู้ติดตามหลักของเพจและแบรนด์ แบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1) กลุ่มที่ประสบภาวะมีบุตรยากอย่างชัดเจน เคยผ่านการ0รักษาด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์มาแล้วหลายครั้งจากหลายโรงพยาบาลแต่ยังไม่สำเร็จ 2) กลุ่มที่เริ่มตระหนักว่าตนอาจเข้าข่ายผู้มีบุตรยากหลังจากปล่อยธรรมชาติมาระยะหนึ่ง และ 3) กลุ่มที่ต้องการวางแผนตั้งครรภ์อย่างมีคุณภาพ แม้ยังไม่มีภาวะมีบุตรยากแต่ต้องการบำรุงร่างกายให้พร้อม โดยภาพรวมกลุ่มผู้ขอคำปรึกษาส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ยตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปจนถึง 50 ปี ซึ่งสะท้อนถึงเทรนด์ของสังคมยุคใหม่ที่ผู้หญิงวางแผนครอบครัวช้าลง
“อย่างไรก็ตาม โภชนาการเป็นเพียงหนึ่งในหลายปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการตั้งครรภ์ ยังต้องควบคู่ไปกับการพักผ่อนที่เพียงพอ การลดความเครียด การเลือกเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เหมาะสม และการตรวจหาภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจแฝงอยู่โดยไม่รู้ตัว ด้วยประสบการณ์ตรงและฐานข้อมูลจากผู้มีบุตรยาก ที่เข้ามาปรึกษาหลายแสนรายและแชร์ประสบการณ์ผ่านทางเพจ ครูก้อยนำปัญหาเหล่านี้มาเป็นกรณีศึกษา ค้นคว้าข้อมูลงานวิจัยตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างลึกซึ้ง และถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่านเพจ BabyAndMom.co.th ที่เปรียบเสมือน Community และศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลของผู้มีบุตรยาก” ครูก้อยกล่าว
สำหรับผู้ที่สนใจความรู้เตรียมตั้งครรภ์ สามารถติดตามองค์ความรู้เรื่องการเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยากได้ผ่าน Facebook Page: BabyAndMom.co.th ซึ่งครูก้อยได้จัดทำความรู้เผยแพร่ผ่านรายการต่างๆ เช่น รายการ“ครูก้อยพบแพทย์” ที่พูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับภาวะมีบุตรยาก, รายการ “สักวันฉันจะเป็นแม่” ถ่ายทอดเรื่องราวของผู้หญิงที่เคยประสบปัญหามีบุตรยากแต่สามารถตั้งครรภ์ได้สำเร็จ หลังจากศึกษาความรู้และแนวทางปฏิบัติตามคำแนะนำของครูก้อย และรายการ “Research Talk” ที่นำงานวิจัยด้านภาวะมีบุตรยากและโภชนาการเสริมภาวะเจริญพันธุ์ทั้งในและต่างประเทศมาสรุปให้เข้าใจง่าย สำหรับผู้ที่ชอบเนื้อหากระชับรวดเร็ว สามารถติดตามคลิปสั้นทาง TikTok: @babyandmom.co.th หรืออ่านบทความเชิงลึกได้ที่เว็บไซต์ www.babyandmom.co.th และหากต้องการพูดคุยกับครูก้อยและขอความรู้เตรียมตั้งครรภ์ สามารถแอดไลน์ Line Official: @babyandmom.co.th