ที่ผ่านมา ภาครัฐพยายามส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทย หันมาผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นเทรนด์ของตลาโลก โดยหลายประเทศทั่วโลกได้มีมาตราการการนำเข้าสินค้าเฉพาะโรงงานที่มีฉลากคาร์บอนฟรุตปริ้น เท่านั้น การที่ผู้ประกอบการไทย สามารถผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม โอกาสในเวทีตลาดโลกมีมากกว่าคู่แข่ง
19 ปี ชีววิถี เส้นทางสร้างสมุนไพรไทยสู่ตลาดโลก
นางอรประภา พรมรังฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก กล่าวว่า เซนต์บิวตี้ คอสเมติก ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามจากสมุนไพร ในรูปแบบของงานวิจัย โดยเปิดดำเนินกิจการมาถึงตอนนี้ผ่านมา กว่า 19 ปี มีสินค้าที่ผลิตออกมาจำหน่ายกว่า 300 ชนิด และ ส่งออกไปขายต่างประเทศกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ซึ่งสินค้ามีทั้งที่ผลิตภายใต้แบรนด์ของบริษัท คือ ชีววิถี Sense Sens’e และสินค้าที่รับจ้างผลิต OEM
“ที่ผ่านมา บริษัทฯ ผลิตสินค้าออกสู่ตลาดกว่า 300 ผลิตภัณฑ์ ที่ใช้สมุนไพรธรรมชาติ ลดการใช้สารเคมีและสารแต่งต่างๆ ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดได้ผ่านการวิจัยพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ โดยมีมาตรฐานรับรอง อาทิ มาตรฐาน อย., OTOP 5 ดาว, Halal และมาตรฐานการผลิต GMP, ระบบมาตรฐานบริหารงานคุณภาพระดับสากล ISO 9001 : 2015 และตราสัญลักษณ์รับรองคุณภาพมาตรฐาน Thailand Trusted Mark (T MARK ) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ”
เพิ่มมูลค่าของเหลือทิ้ง คว้ารางวัลนวัตกรรมระดับโลก
นางอรประภา กล่าวว่า ที่ผ่านมา บริษัทได้ทำวิจัยร่วมกับหน่วยงาน ต่างๆ มากมาย จนได้สินค้าออกมาจำหน่ายมากกว่า 300 รายการ และหนึ่งในนั้น คือ ครีมทาส้นเท้าแตก ที่ทำจากเปลือกกล้วยหอม และได้ส่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปประกวดสินค้านวัตกรรมและจัดแสดงสินค้าระดับนานาชาติ ที่ประเทศอังกฤษ และได้ไปคว้ารางวัลเหรียญทองในประกวดดังกล่าว ซึ่งรางวัลดังกล่าว ช่วยผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ครีมทาส้นเท้าแตกของเราได้รับการยอมรับ และส่งผลให้มีออเดอร์เข้ามาจากหลายประเทศ
การได้รับรางวัลดังกล่าว ส่วนหนึ่งมาจากการที่เราเลือกใช้วัตถุดิบที่เป็นของเหลือใช้ อย่างเปลือกกล้วยหอม ที่เป็นสินค้าที่ต้องถูกนำไปกำจัดทิ้ง แต่เราสามารถนำมาสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยผ่านงานวิจัย และนวัตกรรม และยังพิสูจน์ได้ว่า สามารถช่วยดูแลเท้า และส้นเท้าให้มีความชุ่มชื้น แก้ปัญหาส้นเท้าแตกได้ ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ครีมทาส้นเท้าแตก ยังเป็นสินค้าที่ทำรายได้ให้กับเราเป็นอันดับต้นๆ ด้วย
เทรนด์ตลาดโลก “สุขภาพและสิ่งแวดล้อม”
ทางรอดทางเลือกผปก.ด้านส่งออก
“ปัจจุบันทั่วโลก หันมาสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม ทางบริษัทฯ ทำมาตลอด เนื่องจากเป็นสินค้าเพื่อสุขภาพที่ผลิตมาจากสมุนไพร ดังนั้น กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของเราจึงเป็นกลุ่มคนที่สนใจเรื่องสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม การทำสินค้าออกมาจะต้องสามารถตอบโจทย์ทั้งสองด้าน ไปพร้อมๆ กัน วันนี้ ถ้าเราจะทำเรื่องสุขภาพอย่างเดียว โดยไม่สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมขายยาก เราจึงจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับทั้งทั้งสองอย่างจึงจะขายสินค้าและแข่งขันในเวทีระดับโลกได้”
นางอรประภา กล่าวถึงการทำตลาดในต่างประเทศกว่า ปัจจุบัน ส่งออกกว่า 20 ประเทศ ซึ่งตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศกว่า 20 ประเทศ ตลาดในอาเซียน อาทิ กัมพูชา พม่า ลาว มาเลเซีย ฮ่องกง จีน เป็นต้น ในแถบยุโรป อาทิ เดนมาร์ก เยอรมัน เป็นต้น ในแถบตะวันออกกลาง อาทิ ดูไบ ซาอุดิอาระเบีย เยเมน เป็นต้น
ผลกระทบจากส่งออก กัมพูชา
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน การส่งสินค้าออกไปขายยังต่างประเทศเจอปัญหามากมาย เช่น การส่งออกสินค้าไปประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ประเทศกัมพูชา นั้น เจอปัญหาการปิดด่านชายแดน ทำให้ในช่วงก่อนปิดด่าน ทางบริษัทฯได้รับออเดอร์ มากกว่าปกติถึง 5 เท่า ทำให้การส่งออกสินค้าไปกัมพูชาในเบื้องต้นยังไม่ได้รับผลกระทบ แต่ถ้าในอนาคต สถานการณ์ ยังไม่ดีขึ้น ก็คงจะต้องมีการแก้ไขปัญหาต่างๆ ต่อไป
ส่วนตลาดในประเทศ ปัจจุบัน มีวางจำหน่ายสินค้าครอบคลุม ในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการวางจำหน่ายในโมเดิร์นเทรด ร้านสะดวกซื้อชื่อดัง เช่น บิ๊กซี, เทสโก้โลตัส, ท๊อปส์ มาร์เก็ต, เดอะมอลล์, แม็กซ์แวลู, แม็คโคร และร้านเซเว่น อีเลฟเว่น , ร้านซีเจ และร้านค้าสมุนไพร ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังมีร้านจำหน่ายสินค้าของบริษัทเอง 4 สาขา ได้แก่ ตลาดนัดจตุจักร ศูนย์การค้าแพลตินั่ม ห้างโกรเซอรี่ จังหวัดภูเก็ต และที่ศูนย์เรียนรู้สวนสมุนไพรชีววิถีท่าม่วง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในพื้นที่และนักท่องเที่ยวได้อย่างครบวงจร นอกจากนี้บริษัทยังรองรับการรับจ้างผลิตแบบ OEM ด้วย และในปี 2568 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 270 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นจากปี 2567 ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ เพราะ ในปี 2568 บริษัทมุ่งพัฒนาสินค้าและการรับจ้างผลิต (OEM) ให้มากขึ้น
จากผลิตน้ำมันมะพร้าว สู่ วิสาหกิจชุมชนเบอร์หนึ่งประเทศ
นางอรประภา กล่าวว่า ตนเองเริ่มต้น ชีววิถี มาจากกิจการเล็กๆ ในการผลิตน้ำมันมะพร้าว เพื่อส่งให้กับผู้ประกอบการ นำไปเป็นส่วนผสมในการผลิตสินค้าต่างๆ เดิมตนเองเป็นคนภาคเหนือ เป็นคนจังหวัดน่าน แต่พอวันหนึ่ง อยากจะมีสินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเอง เราก็ได้ร่วมกับชุมชน ก่อตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านน้ำเกี๋ยน จังหวัดน่าน ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 600 ราย สินค้าตัวแรกของเราคือ แชมพูใบหมี่อัญชัน ได้รับการตอบรับดีมาก และปัจจุบันชีววิถี เป็นวิสาหกิจชุมชนเบอร์หนึ่งของประเทศไทย
นางอรประภา กล่าวถึง เทรนด์สมุนไพรไทยในต่างประเทศ ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะคนหันมารักสุขภาพมากขึ้น และเรื่องราวของสมุนไพรไทยมีการถูกนำไปบอกกล่าวให้ทั่วโลกได้รู้จักผ่านผู้ประกอบการที่ส่งออก มานานกว่า 10 ปี รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเยือนประเทศไทย ปัจจุบันสิ่งที่เค้าจะนึกถึงผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย และซื้อกลับประเทศ ทำให้เรามั่นใจว่า การนำผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ไปเปิดตลาดในต่างประเทศ จะยังคงมีโอกาสมากกว่าสินค้าอื่นๆ เนื่องจากเป็นสินค้าอัตถลักษณ์เรายังมีคู่แข่งไม่เยอะ เหมือนสินค้าอื่นๆ ยิ่งทำไปพร้อมกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ยิ่งได้รับการตอบรักจากคนรักสุขภาพที่นับวันเพิ่มมากขึ้น
ติดต่อโทร.08-2714-108