xs
xsm
sm
md
lg

ตำนานกว่า 100 ปี ซอสพริกศรีราชา “ตราเกาะลอย” แบรนด์เดียวที่ยังคงอยู่ “ศรีราชา”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ซอสพริกศรีราชา ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ เชื่อว่าใครได้ชิมซอสพริก ต้นกำเนิด จากศรีราชา ต่างก็ชื่นชอบในรสชาติ ชื่อเสียงของซอสพริกศรีราชา โด่งดังไปไกลไม่ได้อยู่แค่ในประเทศไทย ต่างชาติเองก็ชื่นชอบในรสชาติของซอสพริกศรีราชา


ประวัติ ซอสพริกศรีราชา

ครั้งนี้ หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ประวัติของซอสพริกศรีราชา เริ่มต้นมาอย่างไร วันนี้ มีโอกาสได้พูดคุยกับทางทีมงาน ชมรมคนรักศรีราชา เจ้าของเวบไซต์ konruksriracha.in.th โดยทาง “คุณสมวุติ” ประธาน ชมรมคนรักศรีราชา ได้เล่าเรื่องของซอสพริกศรีราชา ในอดีตว่า เริ่มมาจากคนในพื้นที่ทำซอสพริกซอสจิ้ม ออกมากินกับหอยทอด ขนมจีบ ฯลฯ รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ หลายคนติดใจในรสชาติของซอสพริก ชาวบ้านก็ทำขายกันในชุมชน

ส่วนที่มาที่ทำให้ซอสพริกศรีราชาโด่งดัง มาจากมีผู้ผลิตซอสพริก 2 แห่ง คือ แบรนด์ “ศรีราชาพานิช” และ “ศรีราชาตราเกาะลอย” ซึ่งเป็นต้นกำเนิดโรงงานผลิตซอสพริกศรีราชา ที่ส่งขายไปทั่วประเทศ ส่วนสาเหตุทำให้ซอสพริกศรีราชาโด่งดังในประเทศสหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศ มาจาก เมื่อครั้ง สงครามเวียดนาม ทหารสหรัฐที่เข้ามารบในสงครามเวียดนาม และมีแคมป์จีไออยู่เมืองไทยได้กิน ซอสพริกศรีราชา ที่ทางศรีราชาพานิช นำเข้าไปจำหน่าย ก็เลยติดใจในรสชาติ และทางทหารสหรัฐ นำไปเผยแพร่ในเวียดนาม อาจจะเป็นที่มาของ “ซอสพริกศรีราชาตราไก่” ของ David Tran ที่อพยพจากเวียดนามไปสหรัฐอเมริกา และได้ทำซอสพริกศรีราชา ออกมาวางขายในหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ ก่อนที่จะวางขายไปทั่วสหรัฐอเมริกาและอีกหลายประเทศในปัจจุบัน


มารู้จักตำนานกว่า 100 ปี ซอสพริกศรีราชา ตราเกาะลอย

วันนี้ ทางชมรมคนรักศรีราชา ออกมาเล่าเรื่องซอสพริกศรีราชา ตราเกาะลอย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีประวัติยาวนาน และถือว่าเป็นโรงงานซอสพริกศรีราชา เพียงแห่งเดียวที่ยังผลิตอยู่ในพื้นที่ศรีราชา เพราะปัจจุบันโรงงานผลิตซอสพริกศรีราชาพานิช ไม่ได้ผลิตอยู่ที่ ศรีราชาแล้ว หลังจากทางเจ้าของได้ขายกิจการไปกับทางผู้ผลิตซอสภูเขาทอง เป็นผู้ผลิตและทำตลาด ทำให้ซอสพริกศรีราชา ตราเกาะลอย จึงเป็นซอสพริกศรีราชา แบรนด์เดียวที่ทำในรูปแบบของโรงงานและยังอยู่ในศรีราชา

ประวัติความเป็นมาของซอสพริกศรีราชาเกาะลอย ถือกำเนิดมายาวนาน น่าจะเป็น 100 ปี ซึ่ง “คุณรัศมี วิพิศมากูล” เจ้าของซอสพริกศรีราชาเกาะลอย เล่าให้ฟังว่า ตนเองเป็น ทายาท รุ่นที่ 3 ที่เข้ามาดูแลกิจการ จุดเริ่มต้นของซอสพริกศรีราชา เกาะลอย เริ่มมาตั้งแต่ยังไม่มีแบรนด์เกาะลอย

สูตรซอสพริกศรีราชา ต้นกำเนิดมาจากแรงงานชาวพม่า

โดยจุดเริ่มต้นมาจาก “นางจินดา (แซ่ลิ้ม) เจริญชัย” (ยายทวด) ทำซอสพริกกินกันในครอบครัว และทำขายยังไม่มีแบรนด์ ทำใส่โหลตักขายใส่ในภาชนะทั่วๆไป ที่พอจะหาได้ ซึ่งคุณยายทวดจินดา ได้สูตรมาจากคนงานชาวพม่ามาทำงานโรงเลื่อยศรีราชา ในสมัยนั้น ยายทวดเปิดร้านขายของชำ และคนงานพม่า ทำงานโรงเลื่อยศรีราชา ได้มาซื้อพริกจากที่ร้านคุณยายมีการพูดคุยกัน คนงานพม่าก็เลยบอกสูตรการทำซอสพริกแบบพม่าให้ยายทวด สุดท้ายยายทวดก็เลยลองทำกิน และดัดแปลงออกมาเป็นสูตรของตนเอง ทำกินกันในบ้าน ก่อนที่ยายทวดจะทำขาย คนที่มาซื้อก็ติดใจ ก็เลยทำขายเรื่อยมา และขายดีมาก มีร้านอาหารซื้อไปเป็นซอสจิ้มภายในร้านด้วย


ชื่อตราเกาะลอย พร้อมโลโก้ เริ่มขึ้นปี 2488

แต่มาเป็นแบรนด์เกาะลอย เกิดขึ้นในยุคหลังเมื่อปี พ.ศ. 2488 เมื่อ “นายธวัช วิพิศมากูล” (อาแปะ) หลานชายยายทวดจินดาได้เขามาดูแลกิจการและได้มีการจดทะเบียนการค้า เป็นซอสพริกศรีราชา “ตราเกาะลอย” รุ่นที่ 2 “อาแปะธวัช” ได้ให้สัมภาษณ์ กับทางคุณสมวุติ ชมรมคนรักศรีราชา ว่า ตอนสมัยเด็ก ตนเองช่วยยายโม่น้ำพริกที่ละมากๆ ห่วงกลัวยายทำไม่ไหว เพราะยายต้องโม่พริกในแต่ละวันเยอะมาก แต่ต่อมาก็ขยายเป็นเครื่องโม่ขนาดใหญ่ 2 โม่ ทำในร้านขายยาของพ่ออาแปะธวัช ซึ่งเป็นหมอจีนแผนโบราณ เจ้าของร้านยาศิริสุข ศรีราชา ปัจจุบันเลิกกิจการไปแล้ว

ในแต่ละวันต้องโม่พริกเยอะมาก ตอนหลังคนในครอบครัวก็มาช่วยกันทำ ลูกๆ หลาน แต่พอลูกหลานโตไปก็ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ เลยต้องหยุด เพราะครอบครัวไม่ได้คิดว่าจะทำกิจการใหญ่โตอะไร และก็ได้ขายเครื่องโม่ให้กับ “แม่ถนอม ทิมกระจ่าง (จักกะพาก)” ซึ่งเป็นญาติกับนายกิมซัว เจ้าของซอสพริกตราศรีราชาพานิช


เสน่ห์ บ่งบอกถึงความเก่าแก่
มาจากโลโก้ภาพวาดใช้ถึงปัจจุบัน

และเมื่อปี 2488 ทาง “คุณธวัข” หรือ “อาแปะ” ได้กลับมาทำซอสพริกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ได้จดทะเบียน และใช้คำว่า “ซอสพริกศรีราชา ตราเกาะลอย” โดยมีเครื่องหมายการค้าที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าเกิดมาจากอาแปะเป็นคนคิด และวาดเอง ออกแบบเองทั้งหมด การผลิตในช่วงนั้น ก็ยังคงทำกันในครอบครัวไม่ได้จ้างแรงงาน แต่ต่อมีคนรู้ว่า ซอสพริกศรีราชาเจ้าเก่ากลับมาผลิตอีก ก็มีคนมาสั่งซื้อมากขึ้น ไม่เฉพาะในอำเภอศรีราชา มีคนนอกพื้นที่ อย่างตลาดสี่มุมเมือง แหลมฉบัง ต่างก็มาซื้อกันเยอะมาก จนต้องขยายพื้นที่ ย้ายตั้งโรงงาน หลังวัดประทานพร เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว


เคล็ดลับในการทำซอสพริกศรีราชา ตราเกาะลอย

คุณสมวุฒิ ประธานชมรมคนรักศรีราชา เล่าว่า การทำซอสพริกศรีราชา มีการทำแพร่หลายคนในพื้นที่ส่วนใหญ่ก็ทำกันได้ เพราะไม่ได้ มีขั้นตอนอะไรเยอะ ซึ่งคุณสมวุฒิ บอกว่า ทางอาแปะ เล่าให้ฟังว่า เคล็ดลับที่ทำให้ซอสพริกศรีราชาเกาะลอย ยังคงครองใจคนที่ชอบซอสพริกสูตรศรีราชา มาจากความพิถีพิถันในการทำ เพราะการทำซอสพริกศรีราชาต้องใช้เวลา วัตถุดิบต้องใช้วัตถุดิบคุณภาพ

โดยพริกที่ใช้ต้องสั่งซื้อมาจากท่าเตียน ปีหนึ่งใช้พริกประมาณ 30-40 ตัน มาส่งสัปดาห์ละครั้ง และพริกที่ใช้ต้องสดเก็บจากต้นไม่เกิน 3 วัน พริกต้องสะอาดไม่มีขั้วปนและต้องคัดอย่างดี ใช้พริกแดงล้วน สีที่ได้จึงเป็นสีจากพริกแท้ๆ ไม่ส่วนผสมของสีผสมอาหาร นำพริกไปต้มให้สุกเพื่อฆ่าเชื้อโรค ก่อนนำมาบด และหมักต่อกับส่วนผสมอื่นๆ อย่างน้อย 3-4 เดือน กว่าจะได้ออกมาเป็นซอสพริกศรีราชา

สำหรับในส่วนของสวนผสมอื่น ได้แก่ กระเทียม ต้องเป็นกระเทียมไทยหัวเล็ก สั่งจากเชียงใหม่ และน้ำส้มใช้หัวน้ำส้มจากเมืองนอก ซื้อมาจากเยาวราช ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายขาว และเกลือ ซึ่งส่วนผสมเท่าไหร่ก็แล้วแต่สูตรของใครก็กำหนดกันเอาเองตามชอบ

ทั้งนี้ ด้วยขั้นตอนการทำที่สะอาด และใช้วัตถุดิบคุณภาพ ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้วัตถุกันเสีย ก็สามารถเก็บได้นานเป็นปี โดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น แต่ถ้าเก็บไว้นานก็อาจจะมีการแยกชั้น ทำให้ดูเหมือนมีน้ำก้นขวด แต่เมื่อเขย่านำกลับมาใช้ได้อีก แต่ผู้ผลิตบางรายใส่มะละกอ หรือ มะเขือเทศ เพื่อให้ซอสพริกมีความเข้มข้น ไม่ลอยตัวขึ้นมาเมื่อเก็บไว้นานๆ แต่รสชาติไม่เหมือนซอสพริกแท้ๆ


ชื่อซอสพริกศรีราชา ตราเกาะลอย
จะยังคงอยู่หรือหยุดแค่ทายาทรุ่นที่ 3

สำหรับซอสพริกศรีราชาตราเกาะลอย ปัจจุบัน อยู่ในการดูแลทายาทรุ่นที่ 3 ซึ่งด้วยอายุที่มากขึ้น ทำให้ไม่ได้มีการทำการตลาดอย่างจริงจัง ในขณะที่คนที่มาสานต่อกิจการ ยังเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่เข้าใจเรื่องการทำธุรกิจมากนัก ทำให้ ซอสพริกศรีราชา ตราเกาะลอย อาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก สำหรับคนรุ่นใหม่ แต่คนที่เคยกินและชื่นชอบซอสพริกศรีราชา หนึ่งในนั้น เชื่อว่าจะต้องมีแบรนด์ ตราเกาะลอย

ส่วนการทำตลาด ส่งขายให้กับขาประจำในตลาดศรีราชา ส่งยี่ปั๊ว ครั้งละ 200-300 โหล สัญลักษณ์ที่ทำให้หลายคนจำ ซอสพริกศรีราชา ตราเกาะลอยได้ นั่นก็ คือ บรรจุภัณฑ์ที่เป็นขวดแบน ซึ่งเดิมในอดีต นำขวดเหล้าที่เป็นขวดแบน มารีไซเคิล ใหม่ แต่พอหลังทำเยอะขึ้นไม่ได้ใช้การรีไซเคิล แต่สั่งทำขวดแบนขึ้นมาสำหรับใส่โดยเฉพาะ ส่วนราคาย้อนไปสักรุ่นอาแปะ ขวดแบน ขายขวดละ 8 บาท


ปัจจุบันราคาขึ้นไปตามต้นทุนค่าแรง วัตถุดิบที่สูงขึ้น ราคาปรับขึ้นอยู่ที่ขวดละ 25 บาท และ 30 บาท ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก็ยังคงทำในบรรจุภัณฑ์ แบบเดิม มีให้เลือก 4ขนาด คือ ขวดแบนเล็ก ขวดแบนกลาง ขวดกลมใหญ่ เดิมใช้ขวดเหล้านำมารีไซเคิล เช่นเดียวกับโลโก้ที่ยังคงใช้ภาพวาดที่มาจากอาแปะ ที่วาดไว้ตั้งแต่เริ่มทำแบรนด์ ส่วนรสชาติมีรสชาติเดียว คือ เผ็ดกลาง ๆ

หลังจากนี้ไป ไม่รู้ว่าจะยังได้เห็นซอสพริกศรีราชา ตราเกาะลอย ได้โลดแล่นอยุ่บนตลาดหรือไม่ เพราะทายาทรุ่นที่ 3 เริ่มอายุมากขึ้น ทายาท รุ่นที่ 4 ดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้ให้ความสำคัญ หรือ การทำตลาดอย่างจริงจัง แม้ว่าวันนี้ จะได้เห็น ซอสพริกศรีราชา ตราเกาะลอย บนโลกออนไลน์ ในหลายแพลตฟอร์ม ด้วยการแข่งขันที่รุนแรง บวกกับต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น

ทั้งนี้ ถ้าบริหารต้นทุนไม่ดี มีโอกาสที่จะขาดทุน หรือได้กำไรน้อยลงได้ ซึ่งทางเจ้าของเกาะลอย อย่าง “คุณรัศมี” เองก็พูดว่า แม้จะขายได้แต่กำไรที่ได้ไม่ได้เยอะอะไร ทำให้แบรนด์ไหนที่อ่อนแอ ก็ต้องยอมแพ้ ใครอยากจะลิ้มลองรสชาติ ซอสพริกต้นตำรับศรีราชา สามารถเข้าไปซื้อได้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ชอปปี้ และ ลาซาด้า

ติดต่อ โทร.08-5090-7526
Facebook : ซอสพริกศรีราชา ตราเกาะลอย

คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น