xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป)13 ปีกระท่อมเห็ดฟาร์มจาก “เกษตรกรเสาร์-อาทิตย์” สู่ธุรกิจเกษตรท่องเที่ยวเชิงสุขภาพครบวงจร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ตอนนั้นที่จุ๊บทำงานประจำควบคู่กับฟาร์มเห็ด 10 ปี พร้อมแล้วเราถามตัวเองแล้วว่าชอบจริง ๆ ไหมถ้าฉันมาอยู่ตรงนี้มันสามารถอยู่ได้จริง ๆ หรือเปล่า ซึ่งพอเราได้เข้ามาสัมผัสจริง ๆ เป็นเวลา 10 ปีนี่ถือว่าไม่น้อยเราถือว่านี่คือสิ่งที่เรารักสิ่งที่เราชอบเราอยู่ตรงนี้ได้แน่นอน


และก็เลี้ยงตัวเองได้แน่นอน ถ้าเราเปิดหาความรู้เพิ่มเติมไปเรื่อย ๆ คือเราต้องไม่ตันในเรื่องขององค์ความรู้ ต้องปรับตัว สิ่งสำคัญคือเกษตรกรต้องมีการปรับตัวแล้วก็ต้องเปิดรับอะไรใหม่ ๆ เหมือนกับว่าต้องเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ คือหยุดนิ่งไม่ได้ และก็ต้องเรียนรู้เรื่องสายพันธุ์เห็ดว่าตอนนี้มันมีสายพันธุ์อะไรใหม่ ๆ คนอื่นเขาทำยังไงแต่ว่าไม่ได้แข่งขันกับใคร แข่งขันกับตัวเองสำคัญที่สุด ในการที่จะต้องทำยังไงให้เราพัฒนาต่อไปได้เรื่อย ๆ” คุณจุ๊บ-นัยนา ยังเกิด ผู้ก่อตั้ง Mushroom Cottage Farm หรือกระท่อมเห็ดฟาร์ม@ไทรน้อย จากแรกเริ่มเดิมทีตั้งใจไว้ว่าจะหาอาชีพรองรับหลังเกษียณกอปรกับในห้วงเวลานั้นงานประจำที่ทำอยู่ก็เริ่มส่อแววว่าชักจะไม่มั่นคงสำหรับตัวเองอีกต่อไปแล้ว ความวิตกกังวลในวันนั้นสู่การค้นหาอาชีพที่เหมาะกับตนเอง“เราเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่ในสถาบันการเงินแห่งหนึ่งซึ่งตอนนั้นมันก็มีเรื่องของ(ย้อนไปสิบกว่าปีที่แล้ว) มันก็มีการควบรวมของสถาบันการเงินซึ่ง ณ ตอนนั้นเราก็มีความกลัวเกิดขึ้นว่า ถ้าเกิดเราโดนออกจากงานแล้วเราจะทำอาชีพอะไร? เพราะว่าชีวิตของเราก็คือเป็นมนุษย์เงินเดือนมาโดยตลอดนะ”เราก็เลยมองว่าแล้วเราจะทำอาชีพอะไรดีล่ะ ที่เหมาะกับผู้หญิงอย่างเรา ตอนนั้นมีเรื่องของ “เศรษฐกิจพอเพียง”ของในหลวงรัชกาลที่ 9 บูมมาก ๆ เพราะท่านมองว่าประเทศไทยของเราเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ ท่านก็จะให้ความสำคัญเรื่องของ “เกษตร” เราก็เลยมองว่าในเมื่อท่านเป็นผู้นำประเทศท่านก็เห็นแล้วว่าประเทศไทยเรามีความมั่นคงในเรื่องแหล่งอาหาร แต่ถ้าเราทำเกษตรแล้วเราเป็นผู้หญิงแล้วเราก็ไม่ชอบร้อน ๆ “จนมีอยู่วันหนึ่งก็ทางคุณยายที่เชียงใหม่ก็บอกว่าลองทำ “เพาะเห็ด”ไหม? เพราะที่ฟาร์มที่เชียงใหม่เขามีฟาร์มเห็ด เป็นครั้งแรกที่เราได้ยินว่ามันมีการเพาะเห็ดเกิดขึ้น! ก็เลยเข้าไป search ทางอินเตอร์เน็ตก็เลยลองดูเปิด ๆ ดูปรากฏว่า มีฟาร์มอยู่ที่ชลบุรีขับรถไปเลยค่ะไปดูก่อน แล้วก็ลองซื้อก้อนเห็ดมาลองเพาะ”ประมาณแค่10 ก้อนข้างบ้านและก็ลองทำตามที่เขาแนะนำ ปรากฏว่าออกดอก! สวยมากก็เลยมองว่ามันน่าจะเหมาะกับเราเพราะมันไม่เห็นดูแลเยอะเลย ปกติเป็นคนที่ปลูกดอกไม้หรือปลูกต้นไม้ไม่เคยได้กินผลไม่เคยเห็นดอกไม้เลย แต่เพาะเห็ดแล้วมันออกดอกก็เลยกลายเป็นว่าสนใจมากขึ้น ก็เลยหาข้อมูลจนได้เห็นว่าทาง ม.เกษตรฯ มีการเปิดอบรมเรื่องของการเพาะเห็ดเราก็เลยเข้าไปอบรม“แค่ 5 วันไปเรียน 5 วัน ช่วงแรก ๆ เวลาที่เราไปเรียนมันก็จะเป็นเหมือนกับ คนเยอะมากประมาณ70 คนเวลาเราไปนั่งเรียนก็จะแบบว่าเหมือนเรียนเลคเชอร์ ให้รู้เรื่องเห็ดเยอะแยะมากมาย ตอนนั้นเราก็ไม่เคยมีประสบการณ์เราก็ฟังไปแต่ว่าด้วยความที่ยังไงก็ต้องอดทนเรียนให้จนถึง 5 วันให้ได้ เพราะว่าเขาบอกว่าจะมีใบประกาศฯ แล้วใบประกาศเนี้ยเอาไปกู้แบงก์ทำฟาร์มเห็ดได้ เราก็เลยมองว่าเราต้องพยายามเรียนให้จบ 5 วัน” เรียนปุ๊บเราหาเลย หาพื้นที่เลยว่าตรงไหนที่เราสามารถจะไปดูแลเขาได้ช่วงวันที่เราเสร็จจากงานประจำก็ขับรถมาดูได้ และก็ไม่ไกลจากบ้าน มีที่ของญาติ ๆ กันมีอยู่ 300 ตร.ว. อยู่ในซอยวัดเล่งเน่ยยี่ 2 เราก็เลยขอเช่าเขาดีกว่าไปทดลองดูก่อน ก็ลงมือตัดสินใจทำประมาณแค่ 3 กระท่อมซึ่งเอาก้อนเชื้อเห็ดลงไป กระท่อมละ 5,000 ก้อน และก็จ้างคนงานแค่ 1 คน




ความจริงเรื่องของ “ตลาดเห็ด” ที่มือใหม่ต้องพบเจอ!
บอกเลยว่าเป็นอะไรที่เครียดเหมือนกันช่วงแรก เพราะเราเข้าใจว่า “เห็ด” เราเดินตามตลาดทั่วไปมีหมดเลยทุกแผง เราเข้าใจว่ายังไงเขาต้องซื้อเราแน่ ๆ“ตอนนั้นพอฟาร์ม/เห็ดออกมาเต็มโรงเรือนแล้วเนี่ยเราก็ เดินไปตามแผงค่ะบอกว่าเราเป็นฟาร์มเห็ดนะคะเอาโบชัวร์ไปให้ว่าเราเป็นฟาร์มเห็ดค่ะ อยู่ตรงวัดเล่งเน่ยยี่นะคะ อะไรอย่างเงี้ยค่ะแล้วก็บอกเขาว่าเราจะเอาเห็ดมาให้นะ จะรับซื้อไหม เขาไม่รับซื้อเลยสักแผงเดียว!”เขาบอกว่าเขาไปซื้อที่ตลาดไทคือมันจะมีผักทุกอย่างที่เขามีในแผงไม่จำเป็นต้องวิ่งมาซื้อที่ฟาร์มเรา ซึ่งก็เลยทำให้เราต้องมาเช่า “แผง” ขายเองในช่วงแรกของทำการตลาด แล้วเขาก็บอกว่าถ้ามาขายเองต้องมาตี 3 ตี 4 นะ เราก็บอกว่าทำไมเช้าขนาดนั้น เขาบอกว่าก็แม่ค้าที่เขาขายกับข้าวเขาต้องมาซื้อช่วงนั้นไปทำอาหารขายตอนเช้า เราก็เลยต้องมายืนขายกันกับเพื่อนตี 3 ตี 4 “แต่ด้วยความที่ว่าเราก็ทำงานด้าน Branding นะคะเราก็จะมี “โลโก้” ของเรา มีตัวสรรพคุณของเห็ดอย่างเงี้ยค่ะว่าทานเห็ดต้านมะเร็งนะ เห็ดสร้างภูมิคุ้มกันนะ อะไรอย่างเงี้ยแล้วเราก็มีถุงแพคเก็จสวยงาม” เวลาไปที่ลูกค้าที่เป็น end user เดินทางมาในตลาดปกติทุกแผงเห็ดมันก็จะเป็นอยู่ในถุง อยู่ในถาดโฟม(แบ่งเป็นขีด) แล้วก็ใช้พลาสติกแร๊ปปิดซึ่งมันก็ไม่สวย แต่ของราเป็นถุงมีป้ายมีโลโก้แปะ ดูว่าพรีเมียมมาก ลูกค้าก็จะเห็นความต่างแล้วก็สิ่งสำคัญคือมันสดเพราะเราเก็บสด ๆ จากฟาร์มมา มันก็เลยทำให้คนเห็นว่ามันมีความต่าง ชั่วโมงกว่า ๆ ร้อยกว่าถุงคือหมดเกลี้ยงอันนี้คือกลุ่มผู้บริโภคเขาเห็นแล้วว่าความต่างของเรามีในราคาที่แข่งขันได้ “แต่ไม่ใช่แค่กลุ่มผู้บริโภคหรือ end user เท่านั้นคนที่เป็น “แม่ค้า” เขาก็เห็นความต่างเช่นกัน เขาเห็นความต่างจากตลาดค้าส่งกับตลาดที่เขาต้องซื้อที่ฟาร์ม มันต่างกันโดยสิ้นเชิง หลังจากนั้นเขามาซื้อที่ฟาร์มเราเพื่อไปทำแพคกิ้งขายอย่างเงี้ยค่ะ หลังจากนั้นก็เราก็ไม่ได้เคยไปขายที่ตลาดอีกเลย”




ในวิกฤตโควิดฯ ที่กลายเป็น “โอกาส” ขยายฟาร์มพร้อมต่อยอดสู่นวัตกรรม
แล้วก็ “ลูกค้า” ก็คือละแวกใกล้ ๆ กับที่ฟาร์ม(ที่วัดเล่งเน่ยยี่2) เขาก็มาซื้อที่ฟาร์มเรื่อย ๆ ส่วนเรื่องของ “ชนิดเห็ด” ที่เลือกเพาะอยู่ตอนนั้นอาจารย์ก็แนะนำว่าตลาดแมสมีความต้องการ “เห็ดนางฟ้าภูฏาน” ซึ่งนางฟ้าภูฏานลูกค้าจะบอกว่ารู้จักหมดเราไม่ต้องทำการตลาดมากมาย แต่สิ่งที่อาจารย์บอกว่ามันจะมีอีกตัวหนึ่งก็คือ เห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดฮังการี และก็ “เห็ดสีชมพู” ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่รู้หรอกว่าความต้องการมีมากน้อยแค่ไหน เราก็สั่งมาทีเยอะ ๆ ห้าพัน ๆ แบบนี้ “ปรากฏว่าเห็ดสีชมพูนะคะหาตลาดหนักมาก! คือลูกค้าไม่มีความต้องการเลยเพราะว่าเขากลัว เขาเห็นว่าเป็นเห็ดสีแล้วเข้าใจว่าเป็นเห็ดพิษ เขาไม่กินเลยค่ะ แต่เราก็เอ๊ะทำไมเอาไปขายก็มีแต่คนบอกใช่เป็นเห็ดย้อมสีหรือเปล่า หรือเป็นเห็ดขึ้นราหรือเปล่า อะไรอย่างเงี้ยค่ะ เราก็เลยมองว่าจริง ๆ เขาทานได้แต่เขามี texture ที่เหนียวค่ะ ก็เลยมองว่าทำยังไงให้คนรู้จักเห็ดสีชมพูมากขึ้น”คือช่วงนั้นเป็นช่วงวันวาเลนไทน์เราก็เลยมองว่า เห็ดสีชมพูช่วงนั้นออกมาสีสวยมากแทนดอกกุหลาบได้เลย เราก็เลยจัดทำเป็นบูเก้และก็เป็นเหมือนกับช่อดอกกุหลาบ(แต่ว่าเป็นดอกเห็ด) แล้วเราก็ไปขาย ขึ้นโพสต์บนเฟซบุ้กเพื่อขาย ช่วงนั้นก็กลายเป็นว่าคนก็มาสั่งซื้อเยอะมากเลย“ช่อหนึ่งปกติก้อนหนึ่ง(ก้อนเชื้อเห็ด) เราขายก้อนละ 12 บาทแต่พอเราเพาะเห็ดออกมาเป็นดอก ขายก้อนหนึ่ง 350 ยกก้อนเอาไปเลย แล้วก็มีการตกแต่งสวยงามมีโบว์ให้พร้อม เอาไปมอบให้คนที่รักได้เลย แล้วคนที่รักก็เหมือนกับว่าได้ปุ๊บเนี่ยสวยแล้วนะคะแสดงความรักยังไม่พอ กินแล้วยังดีต่อสุขภาพอีก” 




แต่ว่าก็ไม่ถึงกับ 100% คือแค่บางส่วนที่ยอมรับ แต่ก็มีแบบบางครั้งคนที่มาทานเห็ด(เป็นคนสูงอายุหน่อย) เขาก็มาที่ฟาร์มซื้อไปเขาบอกว่า “หนูทำไมป้าเคี้ยวไม่ขาดอะไรเงี้ย” เราก็ต้องอธิบายเขาว่า เส้นใยเขาจะมีความเหนียวเป็นพิเศษ เขาจะเหมือนปลาหมึก ถ้าป้าไม่ชอบก็ตัดขาทิ้งไปให้เหลือแต่ใบ คือมันก็เหมือนต้องมีการ educate ลูกค้าไม่อย่างนั้น ลูกค้าก็รู้สึกไม่ประทับใจกับสีเห็ด“แต่จริง ๆ เขามีสรรพคุณทางยา เขามีการต้านการอักเสบของเซลล์ผิวด้วย จริง ๆ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเห็ดมันดียังไง” เราก็ล้อไปตาม Seasoning ต่าง ๆ ด้วย อย่างเช่นช่วงเทศกาลปีใหม่ คนก็ต้องหากระเช้าพวกผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของเราก็ทำเป็นกระเช้าเห็ดสุขภาพหลากสี ก็จะมีเห็ดหลากหลายเลย เห็ดหัวลิง(ภู่มาลา) เห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดสีสันต่าง ๆ แล้วก็เป็นกระเช้าสวยงามมีลูกค้าสั่งกันเต็มเลย ก็เอาไปมอบให้มันก็คือเป็นความต่างที่ทำให้คนผู้รับเขาก็เซอร์ไพรส์ไม่ใช่ว่าแค่เป็นผลิตภัณฑ์ตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ตัวนี้ก็เอาไปทำอาหารได้หลากหลายและก็เป็นการโฆษณาในเรื่องของผลิตภัณฑ์ของเราไปด้วย




ช่วงโควิดฯ ตอนนั้น เราก็เห็นว่าทุกธุรกิจแบบเยอะแยะมากมายที่ต้องปิดตัวลงและก็ Lay off พนักงานกัน ช่วงนั้นเราก็ยังทำงานประจำอยู่แต่ว่าเห็ดที่ฟาร์มขายดีมาก!ตอนนั้นเราอยู่ที่ออฟฟิศนะคะแล้วก็ดูกล้องวงจรปิดฯ ลูกค้าเข้าฟาร์มเยอะมากทั้งที่เป็นวันธรรมดา ก็ดอกเห็ดมีไม่พอมีลูกค้าโทรมาถามมีดอกเห็ดไหมอะไรอย่างเงี้ย เพราะหนึ่ง ช่วงโควิดฯ คนก็มีการแนะนำว่าคุณต้องทานอาหารที่มีสรรพคุณในการสร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เห็ด ก็กลายเป็นว่าเห็ดเรามีความต้องการเยอะคนก็อยากกินเห็ดมากขึ้น” ก็กลายเป็นว่าผลิตภัณฑ์เห็ดของเรานี่ มีคนมาหาซื้อเยอะมากตามห้างฯ(ตอนนั้นมีขายในเซ็นทรัลฯด้วย) หรือ “ก้อนเห็ด” ก็มีคนมาซื้ออีก ด้วยความที่ฟาร์มของเราเล็กเราก็ผลิตก้อนเพียงพอสำหรับการผลิตของเราในโรงเรือนของเรา แต่ถ้าใครต้องการมาซื้อก้อนฯ เราก็จะทำเผื่อให้ได้ ก็ต้องแจ้งล่วงหน้าก่อน ปรากฏว่าช่วงนั้นก็มีคนที่เขาตกงานเขาก็อยากจะรายได้ เขาก็มองว่าเห็ดน่าจะเพาะง่ายที่สุด ลงทุนน้อยที่สุด และก็ก้อนเห็ดเวลาเชื้อเดินเต็มก้อนแล้วเก็บ “ดอกเห็ด” ได้ภายใน7 วัน บางคนเป็นพวกโรงแรมเขาก็ โรงแรมก็ไม่มีคนเข้า พนักงานก็ว่างอยู่ ห้องก็ว่างอยู่ เขาก็มาซื้อก้อนเห็ดไปเพื่อที่จะไปเลี้ยงไปดูแลพนักงานของเขา ซึ่งเราก็เลยมองว่ามันเป็นอะไรที่จริงอย่างที่ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ท่านเคยกล่าวไว้ว่า ประเทศไทยเราคือเรื่องของสินค้าเกษตรเรื่องของการทำเกษตรเป็นอะไรที่ยั่งยืนจริง ๆ“เราก็เลยตั้งใจแล้วค่ะว่าถ้าเกิดเราออกมา เพราะเราเห็นโอกาสในการทำเห็ดเยอะมากไม่ใช่แค่ว่าคนมาซื้อของช่วงที่มันเกิดวิกฤตอะไรเงี้ยนะคะ แต่เราเห็นว่ามันต่อยอดได้เยอะจริง ๆ ก็เลยออกมา ได้ตอนนี้ 4 ปีนะคะ สิ่งแรกที่ออกมานั่นก็คือมุ่งมั่นในการพัฒนาเป็นนวัตกรรม




ที่มาของแบรนด์เครื่องสำอาง “Roselon” นวัตกรรมที่พัฒนาร่วมกับคณะเภสัชจุฬาฯ
ก็คือนำ “เห็ดสีชมพู” ไปเข้าโครงการ DIPROM ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นโครงการที่ตรงกับใจเรามากนั่นคือการยกระดับสินค้าเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม“เราก็เห็นว่าเครื่องสำอางหลาย ๆ ยี่ห้อก็ยังเอาตัวที่เป็น สารสกัดจากเห็ด แต่เขาไม่ได้ชูเรื่องเห็ดมากสาสกัดจากเห็ดเนี่ยมาทำเป็นเครื่องสำอาง เราก็เลยมองว่าแล้วทำไมเราทำฟาร์มมาสิบกว่าปีทำไมเราไม่รู้เลยว่า ทำเครื่องสำอางได้” ก็เลยไปเข้าโครงการนี้ แล้วก็บอกกับอาจารย์ว่าเราอยากจะทำเป็นเครื่องสำอาง เห็นความที่แบบว่าความพิเศษ ช่วงหน้าร้อน “สี” เขาจะออกสีครีม ๆ นวล ๆ แต่หน้าหนาวสีจะเข้มแดงเลย ก็เลยเอาไปให้อาจารย์ลองเข้าห้อง Lab ดูให้“ของคุณดีมาก ของคุณมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงกว่าวิตามินซีนะ คุณทำเซรั่มดีกว่า” เพราะว่าเซรั่มมันซึมลึกเข้าไปใต้ผิวได้ดีกว่า ธรรมชาติของ “เห็ด” เขาจะดูดน้ำในอากาศมาเก็บไว้ที่ตัวเขาให้ตัวเขาอวบอิ่มน้ำ พอตัวนี้เขามีสารสกัดที่มาจากเห็ด(แบบเข้มข้นเลย) มันก็เลยมีสรรพคุณในการอุ้มน้ำใต้ผิวได้ดีมาก แล้วก็เลยกลายเป็นว่าคนที่ผิวแห้ง-ผิวแพ้ง่ายใช้ตัวนี้มันก็จะช่วยทำให้อุ้มน้ำใต้ผิวได้ดีรวมทั้งทำให้ผิวค่อย ๆ กระจ่างใส เพราะมันมีสารพอลิฟีนอลในการช่วยทำให้ผิวหน้าเราค่อย ๆ กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่มีเคมีเลย อันนี้คือเป็นตัวโดดเด่นของเขา“ซึ่ง ณ ตอนนี้เราก็ได้ตอนแรกปีแรกที่กระโดดออกจากงานก็ได้ “เซรั่ม” มาพอปีที่ผ่านมาก็ได้ “เจลล้างหน้า”ของเห็ดสีชมพูอีกตัวหนึ่ง ซึ่งเราก็มองว่าในอนาคตคงจะเป็นซีรีส์ไปนะคะ เช่น ครีมกันแดด หรือว่าเป็นพวกครีมบำรุงอะไรต่าง ๆ ที่มันเอามาจากเห็ดหรืออะไรต่าง ๆ ที่มีสรรพคุณที่สามารถทำเป็นเครื่องสำอางได้”


ต้องขอขอบคุณโครงการดี ๆ จากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมชื่อโครงการ DIROM Agro Genius ที่เขาต้องการยกระดับสินค้า
คนที่ทำเกษตรคุณทำเกษตรด้านไหนคุณก็เอาสินค้าของคุณมายกระดับสิ“โดยที่ผู้จัดการโครงการนะคะคือ อาจารย์บี๋-ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ ท่านเป็นตอนนั้นท่านเป็นคณบดีอยู่ที่คณะเภสัชจุฬาฯ ท่านก็แบบให้ความสนับสนุนเรานะคะเป็นพี่เลี้ยงให้ช่วงที่เราเอาเห็ดสีชมพูเข้าห้อง Lab ท่านก็เอาไปตรวจเช็กให้ว่าจะทำเครื่องสำอางได้ไหมนะคะ ก็สอนให้ทุกขั้นตอนเลยค่ะว่าพอสกัดออกมาแล้วเราจะต้อง คือมันจะต้องเข้าโครงการเขาเรียกว่า OEM เป็นโรงงานที่อาจารย์แนะนำมาว่าเนี่ย โรงงานนี้เขาสกัดแบบนี้ให้คุณไปติดต่อนะ เราก็ได้สูตรมาก็ไปทำตามขั้นตอน” แม้กระทั่งตัวแบรนด์ “Roselon” ตัวนี้ทางคณะเภสัชจุฬาฯ ช่วยคิดให้หมดเลย

โรงเพาะเห็ดระบบ EVAP ของกระท่อมเห็ดฟาร์มฯ
การตลาดแบบ “บอกต่อ” ช่องทางหลักมีวางในโมเดิร์นเทรด
ด้าน “คุณกุ๊ก-ปรียนันท์ แสงดี” ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์เครื่องสำอาง “Roselon” ก็บอกด้วย เซรั่มเป็นตัวแรกที่เราออกมาอันนี้
“เจลล้างหน้า” คือเป็นการพัฒนาต่อ ซึ่งสามารถใช้คู่กันได้จากเห็ดสีชมพูเช่นเดียวกัน เป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและช่วยทำให้ผิวเราแบบว่าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“จากหลาย ๆ ท่านที่มีการรีวิวเข้ามาเขาบอกว่า ผิวเขามีการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นเยอะอะไรอย่างเงี้ยค่ะ มีทั้งวัยทีนและก็วัยผู้ใหญ่” หลัก ๆ ตอนนี้เราก็มีจำหน่ายอยู่ที่กระท่อมเห็ดฟาร์ม@ไทรน้อย และก็ฐานลูกค้าเดิมที่ก่อนหน้านี้เราทำฟาร์มเห็ดก่อตั้งเริ่มต้นอยู่ที่ ซอยวัดเล่งเน่ยยี่ 2 เราก็จะมีลูกค้าตามเข้ามาแล้วก็ลูกค้าที่เป็นกลุ่มที่มาเรียนรู้ ที่นี่เราเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้วย เขาก็เปิดใจก็เอาสินค้าไปใช้ก็มีการใช้ต่อเนื่อง แล้วก็มีการลงสื่อในเฟซบุ้กและก็มีไลน์ออฟฟิศเชียล แล้วก็มีการออกงานตามอีเว้นต์ต่าง ๆ ตามห้างฯ เพิ่งเหมือนว่าเป็นการเปิดตัว เราก็มีกลุ่มลูกค้าที่เขาเป็นลูกค้าประจำที่ซื้อซ้ำซื้อใช้และก็ซื้อตลอด

เห็ดสามชั้น หรือหมูกรอบ ผลิตภัณฑ์ Plant Base จากเห็ด
“ตอนนี้การตลาดเราไปได้แล้วแต่ทำไม ทำไมผลผลิตของเรามันยังออกได้ไม่ตรงตามที่ดีมานด์ต้องการสักทีอย่างเงี้ยค่ะ เราก็เลยต้องมองย้อนกลับมาที่ตัวต้นตอหรือว่าต้นน้ำของเราแล้วว่าเรามีความบกพร่องทางเรื่องไหน บกพร่องหนึ่งอาจจะเรื่องของ “โรงเรือน” ก็เป็นส่วนหนึ่งในการที่ ตอนนี้เราใช้โรงเรือนก็คือเป็น Cottage ก็อย่างที่ตามชื่อของเรา กระท่อมเห็ดใช่ไหมคะ ก็เป็นรูปกระท่อมซึ่งเป็นวัสดุจากธรรมชาติ แต่ว่าในช่วงหน้าร้อนคือเขาไม่ออก ผลผลิตไม่ออก”คุณจุ๊บบอกอีกเราก็เลยต้องมองว่าเราจะทำโรงเรือนอย่างไร ที่ทำให้มีอากาศ ความชื้น แสง และอุณหภูมิ ที่เหมาะสมในการเพาะเห็ด“เราก็เลยต้องทำโดยการมีทีมวิศวกรที่เราให้เขามาเรียนกับเราเลยนะคะ เพื่อให้เขาเข้าใจธรรมชาติก่อนแล้วเราก็บอกเขาว่าเราต้องการโรงเรือนที่สามารถควบคุมความชื้นได้ อุณหภูมิได้ แสงและอากาศที่สามารถให้เห็ดออกมาได้ทั้งปีอย่างเงี้ยค่ะ แล้วพอเขามาเรียนเขารู้แล้ว ว่าสิ่งที่เขาต้องทำ ออกมาเขาต้องใช้อะไรบ้าง ตอนนี้เราก็เลยมีระบบ EVAP แต่เราปรับสำหรับการเพาะเห็ดโดยเฉพาะ” แต่อย่างที่บอกว่าเราเพิ่งเริ่มต้นในการทำระบบ EVAP เข้ามาในการเพิ่มผลผลิต เราก็ต้องสังเกตอีกว่าเห็ดออกมาตรงตามที่เราต้องการไหม บางครั้งอยู่ในโรงเรือนที่มันไม่ได้มีอากาศเข้าเยอะ ๆ หรือว่าธรรมชาติแบบเดิม มันก็เลยจะเจอในเรื่องของ “รูปทรง” ที่ไม่สวยงาม ออกมาไม่เต็มที่ เราก็ต้องดูด้วยว่าเราต้องปรับอย่างไร อันนี้มันอยู่ที่ว่าคนต้องเอาใจใส่มากน้อยแค่ไหน เราก็ต้องคอยเข้าดูอะไรต่าง ๆ ต้องปรับไปเรื่อย ๆ แล้วตอนนี้เรามีโรงเรือน EVAP อยู่จำนวน 2 โรง ความจุก้อนเห็ดอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่น/โรง และก็มีกระท่อมตับจากอยู่ประมาณ 7 กระท่อม

แต่ตอนนี้เราก็จะเริ่มเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็น “โมเดิร์นเทรด”มากขึ้นเพราะว่า ด้วยความที่เรามองว่าเห็ดของเราดูแลค่อนข้างดีมากเราอยู่ในห้อง EVAP แล้วเราค่อนข้างออร์แกนิค(ปลอดสาร) การดูแลดีมาก ๆ ซึ่งจะไปขายตลาดที่แบบราคาถูก ๆ ก็ไม่ได้เราก็เจาะกลุ่มพวกโมเดิร์นเทรด ซึ่งในห้างฯ ที่ค่อนข้างพรีเมียมนิดหนึ่งตอนนี้ก็จะเป็น โกลเด้นเพลส กูร์เมต์มาร์เก็ต-พารากอน และก็ของเซ็นทรัลฯ“เราก็จะทำแพคเก็จจิ้งให้สวยงามและก็ใช้เห็ดให้มันมีมิกซ์หลาย ๆ สี ให้มีความเป็นวาไรตี้ เอาไปขายในราคาที่แบบว่าเขาแบบเขาโอเคเขาจับต้องได้ แต่ก็ไม่ได้ถูกเกินไป”อันนี้คือความใส่ใจในตัวผลิตภัณฑ์ของเรา


ตอบโจทย์เทรนด์โลกด้วยเมนู Plant Base สู่เกษตรท่องเที่ยวเชิงสุขภาพครบวงจร
คุณจุ๊บ-นัยนา ยังเกิด ผู้ก่อตั้ง Mushroom Cottage Farm หรือกระท่อมเห็ดฟาร์ม@ไทรน้อย ได้พูดถึงการแปรรูปเห็ดสู่ผลิตภัณฑ์ Plant Base ซึ่งเป็นอีกเทรนด์สุขภาพที่ทั่วโลกต่างก็ให้ความสนใจด้วยPlant Base จริง ๆ แล้วจุ๊บขออนุญาตให้ความดีความชอบให้กับทาง “สมาคมเพาะเห็ดแห่งประเทศไทย” ซึ่งเราอยู่ในสมาคมด้วยรวมถึง “สมาคมแพทย์ทางร่วมนานาชาติ” โดยอาจารย์โชคท่านก็จะเก่งในด้านยา ท่านก็จะเอาเห็ดเป็นยาอะไรต่าง ๆ มาทำ เป็นกาแฟเห็ดโน่นนี่นั่น แต่ตอนนี้พัฒนาขึ้นมาตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ตามเทรนด์ในโลกอนาคตข้างหน้ายังไงเนี่ยคนอยากจะลด “เนื้อสัตว์” ลงอาจจะไม่ใช่ว่าเพื่อสุขภาพอย่างเดียว แต่เพื่อโลกด้วย” ถ้าเกิดใครดูเรื่องของคาร์บอนฟุตปริ้นอะไรต่าง ๆ จะรู้เลยว่า การทำปศุสัตว์ทำให้เกิด COขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศของโลกทำให้เกิดภาวะ “โลกร้อน” ได้เยอะมาก แต่เห็ดถ้าเราเพาะเขาสามารถลดโลกร้อนได้ 30% เมื่อเทียบกับปศุสัตว์คือ 30 เท่าเลย“เราเอาเห็ดที่มี texture แตกต่างกันมารวมกัน อย่างตัวนี้เป็นเห็ดสามชั้น(เป็นหมูกรอบ) ซึ่งตัวนี้เราจะใช้เห็ดมิวกี้ เห็ดแครง และก็เห็ดนางรม ซึ่งมิวกี้เขามีความหนึบ ๆ โปรตีนสูงมากราคาแพงด้วย(กิโลละเป็นพัน) และก็มีเห็ดแครงที่มีความเหนียวหนึบ และก็เห็ดนางรมจะนุ่ม ๆ พอเอามาผสมรวมกันแล้วเหมือนเนื้อหมูมาก”แล้วก็ยังมี “ชาชูเห็ด” ซึ่งก็จะทำมาจากเห็ดทั้งหมดเช่นกัน เหมือนชาชูที่เราทานตามร้านอาหารเกาหลีทั่วไปเลย อย่างเมนูที่เราทำคือ ชาบูเส้นกล้วยชาชู ด้วยความที่เราเป็นเกษตรท่องเที่ยวเชิงสุขภาพคือทุกคนที่เข้ามาที่ฟาร์มของเรา คนที่อาจจะเป็นโรคเบาหวาน โรคความดัน หรือว่าเป็นผู้สูงวัยคือเขามาทานอาหารตรงนี้เขาสามารถเลือกได้เลยว่า ตัวไหนมันมาเสริมในส่วนไหนของเขา บางคนเขาเป็นเบาหวานเขาก็ไม่อยากทานแป้งเราก็มี “เส้นกล้วย” จากกล้วยน้ำว้าเป็นเส้นเหมือนกับขนมจีนแต่ว่าไม่มีการหมัก ร่างกายเราเวลาที่ไปเผาผลาญอันนี้ก็จะไม่ทำให้เกิดน้ำตาล




“ด้วยความที่ว่าฟาร์มของเราเป็น “ศูนย์เรียนรู้” ด้วยเวลาที่ลูกศิษย์ของเราที่เข้ามาเรียนรู้กับเราเนี่ย เขาจะได้นอกเหนือจากที่จะเป็นเรื่องของการทำยังไงเรื่องของกระบวนการการเพาะเห็ดแล้วก็จะทราบด้วยค่ะว่า ขั้นตอนแต่ละขั้นตอนที่จะทำให้สินค้าของเห็ดมาเป็นนวัตกรรมคุณต้องไปเตรียมความพร้อมอย่างไร เราก็จะมีการบอกว่าถ้าคุณจะเตรียมความพร้อมเป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์คุณต้องเตรียมความพร้อม คุณต้องกลัดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้อง ต้องทำอะไร 1 2 3 4 5 แล้วคุณต้องการ ควรที่จะต้องเข้าไปที่หน่วยงานไหนที่จะช่วยทำให้คุณยกระดับสินค้า ก็จะบอกเลยค่ะว่าจะมีหน่วยงานนี้ ๆ 1 2 3 4 5 ให้เข้าไปเพื่อไปเป็นสมาชิกอะไรเงี้ยค่ะ” เพราะว่าหน่วยงานภาครัฐจริง ๆ แล้วให้การสนับสนุนเรื่องของ “องค์ความรู้” เราเยอะมาก เขาก็พร้อมช่วย เพียงแต่ว่าเราก็จะต้องดูว่าอันไหนที่มันตรงกับความต้องการของเราจริง ๆ มีเยอะมากตอนนี้คนอาจจะยังไม่ค่อยรู้ว่ามันมีโครงการดี ๆ เกิดขึ้นเยอะมาก ยกตัวอย่างเช่นผลิตภัณฑ์ “เห็ดนางนวลชมพูทอดอบกรอบ” ตัวแพคเกจจิ้งตัวนี้ปกติถ้าเราไปซื้อทั่วไปอาจจะเสียเงิน 5-6 หมื่นแต่เราเข้าโครงการของ BDS ซึ่งเขาจะมีการซับพอร์ตให้กับกลุ่ม(ซับพอร์ตให้เรา) ประมาณ 80% เราก็จ่ายเองแค่ 20% อย่างแพคเก็จอันนี้ก็จ่ายแค่หมื่นกว่าบาท(จาก5 หมื่น) รวมถึงตอนแรกเราทำเฟรนช์ฟรายส์เห็ดแบบสะบัดน้ำมันแต่เราไม่มีเครื่องสะบัดน้ำมัน เราก็บอกกับทางหน่วยงานที่เขาทำการยกระดับสินค้าเกษตรบอกเขาว่าเราต้องการลดความเสียหายจากการทำเกษตร ปกติเราทอด “น้ำมัน” อมมากเลยอย่างนี้เป็นต้น เขาก็เอาอาจารย์มาลงพื้นที่เลยแล้วก็รวมถึงให้ตัวเครื่องสะบัดน้ำมันเรามาใช้ โดยที่เราไม่ต้องแบบว่าลงทุนอะไร เพราะเขาต้องการให้เราสามารถทำการเกษตรได้อย่างยั่งยืนซึ่งอันนี้ ต้องขอบคุณโครงการดี ๆ ของหน่วยงานภาครัฐมากเพราะว่าช่วยเหลือเกษตรกรเยอะมาก ถ้าเราจะทำยังไงให้มันยั่งยืน “เงิน” มันก็คือส่วนหนึ่งแต่ว่า การทำเกษตรไม่สามารถที่เราจะต้องไปซื้อทุกสิ่งอย่างได้ ถ้าเราได้โครงการมาช่วยซับพอร์ตและสนับสนุนตรงนี้มันจะทำให้คนทำเกษตร สามารถต่อยอดอะไรได้เยอะมาก ๆ เลย



กว่า 13 ปีกระท่อมเห็ดฟาร์มจาก “เกษตรกรเสาร์-อาทิตย์” สู่ธุรกิจเกษตรท่องเที่ยวเชิงสุขภาพครบวงจร ขอบคุณเจ้าของธุรกิจเกษตรที่ต้องบอกว่า Smart มาก ๆ เลยสำหรับ “คุณจุ๊บและก็คุณกุ๊ก” น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลาย ๆ คนได้เป็นอย่างดีท่ามกลางเศรษฐกิจในยามนี้ ทั้งคนที่มีงานประจำอยู่(กำลังคิดหาทางทำอาชีพเสริมรองรับ) หรือว่าคนที่อยู่ในอาชีพการเกษตรต้องการจะยกระดับสินค้าของตัวเองอยู่พอดี ก็สามารถที่จะประยุกต์ใช้ไอเดียจาก Mushroom Cottage Farm หรือว่ากระท่อมเห็ดฟาร์ม @ไทรน้อย ได้ไม่มากก็น้อย ติดตามผลงานหรือสนใจร่วมกิจกรรมกับทางกระท่อมเห็ดฟาร์มฯหรือแวะไปทานอาหารเมนูสุขภาพอร่อย ๆ ได้ที่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี โทร.097-324-6155 FB : กระท่อมเห็ด ไทรน้อย

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น