“แต่พอทุกคนมาทุกคนจะแปลกใจหมด! เพราะว่า “ชา” ทุกคนเข้าใจว่าชามีอะไรบ้าง ชานม มัทฉะ ชาไทย ทั่วไปแต่ของเรา เป็นชาที่ผสมกับอะไรหลาย ๆ อย่างแบบสด ๆ ของเราเป็นการเบลนด์ชาแบบสด ๆ ให้ลูกค้าเห็นเลย นั่นคือความแปลก
จุดเริ่มต้นของ “Marteaniz” ก็คือการนำศิลปะของชา มาผสมกับศิลปะของ Mocktail Cocktail ซึ่งผมก็ได้ศึกษางานตรงนี้มาพักหนึ่งแล้วก็เลยอยากจะเอาตรงนี้มาผสมผสานกันเป็นแนวของ “Mixology” และก็ Tea specialty ครับ” มติเทพ ทรัพย์สกุล หรือคุณไบรท์ เจ้าของคาเฟ่ลับ! ในย่านสุขุมวิท 65 หรือซอยปรีดีพนมยงค์ 15 (แยก5) คนรุ่นใหม่ในวัยเพียง 29 ปีเท่านั้นแต่ทว่า ความรู้เรื่อง “ชา” และโดยเฉพาะความเป็นสเปเชียลตี้ชาของร้าน Marteniz นั้นพอได้มาฟังดีเทลต่าง ๆ จากคุณไบรท์แล้ว รู้สึกทึ่ง และก็เปิดโลกมาก ๆ สำหรับในเรื่องชาทั้งก่อนหน้านี้และก็หลังจากนี้ไป
จุดเริ่มต้นที่มาจากการได้ออกไปท่องโลกกว้างเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากมายทั้ง การไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษจบแล้วก็กลับมาช่วยธุรกิจของที่บ้านซึ่งทำเกี่ยวกับบริษัททัวร์นำเที่ยวต่างประเทศด้วย “จากที่ว่าตัวเองเป็นนักศึกษาเรียนที่ประเทศอังกฤษแล้วการที่เราอยู่ที่นั่น เราซึมซับวัฒนธรรมการดื่มชามาก แล้วก็ส่วนตัวผมเนี่ยเป็นคนที่ค่อนข้างแพ้กาแฟ(หัวเราะ) เพราะว่าดื่มกาแฟนี่ไม่ได้นะครับ ดื่มกาแฟนี่ผมป่วยเลยครับ ก็เลยแบบว่าเออเราชอบ “ชา” ด้วยความที่มันมีความซับซ้อนของรสชาติและก็กลิ่น ทำให้เราสนใจเรื่องนี้มากขึ้น แต่เราไม่อยากทำอะไรที่มันเหมือนเดิมเพราะว่าชาเนี่ย ส่วนใหญ่อย่าง ชาร้อน ส่วนใหญ่แล้วคนที่ดื่มก็จะเป็นคนที่สูงอายุนิดนึง คนรักสุขภาพนิดนึง แต่ฝั่งผมอยากทำให้คนที่เป็นคนรุ่นใหม่เข้าถึง “เมนูชา”มากขึ้น”แล้วก็ปกติผมทำท่องเที่ยวช่วยธุรกิจที่บ้านด้วย ก็เลยมีโอกาสได้เดินทางบ่อย ไปดูโลกกว้างก็เลยเห็นวัฒนธรรมการดื่มชาของญี่ปุ่น การดื่มชาของอินเดีย ฯลฯ ก็รู้สึกว่าชอบแล้วรู้สึกว่ามันมีอะไรที่แบบแตกต่าง แล้วก็เล่นได้เยอะมากก็เลยสนใจตรงนี้ด้วย
ความ Specialty ที่มีมากกว่า ด้วยวัตถุดิบเกรดพรีเมียม
ถ้าเป็นบาร์เทนเดอร์หรือว่าทำค็อกเทล ม็อกเทล เขาก็จะเรียกว่า “บาร์เทนเดอร์” ถูกไหม? แต่ถ้าเราเอาศิลปะบาร์เทนเดอร์มาผสมผสานกับเครื่องดื่มอะไรก็แล้วแต่ เขาจะเรียกว่า “Mixology” มิกโซโลจี้ก็คือการรวบรวมศิลปะของวัตถุดิบต่าง ๆ เอามาผสมผสานกันในแบบของค็อกเทล ม็อกเทล ก็เลยเรียกว่า อย่างอันนี้ของเราก็คือTea Mixology แล้วก็ในส่วนของชื่อร้านเหมือนกัน “Marteaniz” จริง ๆ แล้วคำว่ามาร์ทีนิซก็มาจากคำว่า “Martiny” ก็คือเครื่องดื่มเหล้าเครื่องดื่มหนึ่ง ส่วนตรงกลางคำว่าทีนิซก็คือเป็น “Tea” เป็นชา ก็คือเป็นการผสมผสานกันหรือว่า เขาเรียกศัพท์ใหม่ว่า Tea tiny ก็คือการทำชาในรูปแบบของค็อกเทล ม็อกเทล ประมาณนั้น“ก็เลยคิดว่ามันแปลกดี เพราะว่าส่วนใหญ่คนที่ทำม็อกเทล ค็อกเทล เขาจะไม่ถนัดชา เพราะว่าการทำชากับค็อกเทล ม็อกเทล ค่อนข้างยาก(เป็นศาสตร์เฉพาะ) เพราะว่ามันลึก มันลึกมาก!”
เราแบ่งเซคชั่น “ชา” ออกเป็น 3 แบบ แบบ Herbal Tea ก็คือ เป็นชาสมุนไพรซึ่งอันนี้เราเอาจากตำราจีนมาเลยด้วยความที่ผมเคยศึกษาตำราสมุนไพรจีนมาด้วย จาก ม.หัวเฉียวฯ ก็เลยนำเรื่องของสรรพคุณต่าง ๆ มาผสมกัน แล้วก็นำเสนอในรูปแบบของเครื่องดินเผาจีน บางทีก็ให้ลูกค้าทำเองด้วย(หัวเราะ) แล้วก็จะมีในส่วนของค็อกเทล ม็อกเทล ตอนนี้เราทำเป็น “ม็อกเทล” ก่อนก็คือจะเป็นชาที่ไม่มีเหล้า ก็จะผสมด้วยชาและสมุนไพร“อย่างเช่นมีตัวหนึ่งที่ดังครับ ที่สั่งบ่อยเลยคือตัว Last Man Standing คือการเอา “ชบา” มาผสมกับ Lapsang Souchong ซึ่งเป็นชาที่มีกลิ่นแบบว่า ค่อนข้างเฉพาะตัว มีกลิ่นไหม้ มีกลิ่นควัน ให้มันรู้สึกว่าแบบ คือชาตัวนี้เป็นชาเขาเรียกว่า ชาทหารผ่านศึก ใช่ เป็นชื่อที่คนจีนเขาเรียกกัน เพราะว่ากลิ่นควันที่ทหารสู้รบเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็คือเลือดของทหารสมัยนั้น ตกลงไปที่กล่องฟางของชา ทำให้กลิ่นและรสชาติมันออกเหมือนแบบ เหมือนเสื้อทหารเก่า ๆ อะไรอย่างเงี้ย แล้วก็ผสมกับชบาที่มีสีแดงเหมือนเลือด ทำให้สื่อความหมายว่าชานี้มันผ่านการสู้รบมาแล้วตกผลึกลงมาที่ชั้นล่างสุดของเครื่องดื่ม ก็คือน้ำส้มคั้น น้ำส้มคั้นก็เปรียบเสมือนวันใหม่ มีความสดชื่นมีความแบบเหมือนเราเกิดใหม่ อะไรก็ตามที่เกิดสงครามแล้วมันก็ต้องมี วันใหม่/วันรุ่งขึ้น/การเกิดใหม่(รีบอร์น) ฟ้าหลังฝน เพราะฉะนั้นคนที่ดื่มเครื่องดื่มนี้ก็จะรับรู้ถึง2 แบบ(ตายแล้วเกิดใหม่) ประมาณนี้”ส่วนอันที่สามก็คือ “มัทฉะ” ของเราจะคัดเกรด ด้วยความที่ผมเรียนคอร์สชามาเยอะมาก ทั้งในจีน ในไทยและก็ญี่ปุ่นด้วย ก็เลยแยกแยะเกรดของมัทฉะออกมาแล้วก็เอามานำเสนอให้ลูกค้าในรูปแบบของSeasonal (ตามฤดูกาล) “คือฤดูกาลนี้ใครที่มาร้านผม คือกินฤดูกาลนี้แล้วคือจบเลยนะ คือหมดอันนี้แล้วคือจบเลย คัดใหม่แล้วก็เอามานำเสนอให้ใหม่ อยู่ในเกรดที่ลูกค้าชอบ”เราเริ่มจาก Ceremonial grade (มัทฉะพิธีการ) แล้วก็ไป Very ceremonial คือพิธีการขั้นสูงขึ้นมา แล้วก็ระดับสามก็คือเป็น Golden Award หรือว่าเกรดพิธีการที่ได้รับรางวัลว่าอร่อยที่สุดหรือว่ามีคุณภาพที่สุดในเมือง ๆ นั้น แล้วก็ที่ร้านยังสามารถเลือกความเข้มข้นได้อีกด้วย
การเสิร์ฟจะเรียกว่า Tea table ก็ได้ เพราะว่าเรามีแผนอยู่เราจะทำเป็นทีเทเบิ้ลด้วย เราจะแยกเซคชั่นออกมาเป็นทั้งหมด 5 เซคชั่น ก็จะมีธาตุทั้ง 5 ธาตุ น้ำ ไฟ เหล็ก ไม้ ดิน อันนี้จะแยกออกมาเป็น “เมนูแต่ละธาตุ” ให้ลูกค้าดื่มแล้วรักษาโรครักษาสุขภาพตามสรรพคุณของชานั้น ๆ เลย
เลือกเมนูหรือปรับสูตรชาได้เอง ลูกค้า DIY เรื่องรสชาติได้!
ถ้าลูกค้าเลือกเมนูที่เป็น “สมุนไพรจีน” เขาเรียกว่า Five Elements หรือว่า 5 ธาตุ ซึ่งผมได้รวบรวมสมุนไพรจีนมาให้ครบหมดแล้วทั้ง 5 ธาตุ แล้วก็ให้ลูกค้าได้ลองชิมดูและถ้าเกิดลูกค้าอยากจะเพิ่ม “เมนู” หรือว่าอยากจะเพิ่มวัตถุดิบตัวไหนอีก เราก็จะแนะนำให้ได้“ว่าโอเคถ้าจะเพิ่มตัวนี้เข้าไปในหม้อต้มเนี่ย เป็นธาตุนี้นะเป็นหยิน-เป็นหยางนะ อะไรอย่างเงี้ยก็คือเราจะแนะนำสรรพคุณให้ลูกค้า” และก็ลูกค้ายัง DIY ได้เลยต้องการtaste ไหนโดยเราจะมีคล้ายว่าเป็นฟอร์มให้ว่าโอเค ต้องเอาอันนี้ไปผสมแบบนี้ ๆ ถึงจะออกมาโอเค เพราะว่าสตอรีของชาเยอะมาก!“เพราะว่าอย่างตัวชาบางตัวอย่างเช่นตัว Lapsang Souchong ที่ผมเล่าให้ฟังก็ประวัติลึกมาก อย่างเช่น ชาตัวนี้เป็นชาที่มีอายุมากกว่า 1,000 ปี เป็นต้นชาที่อยู่ในมณฑลหยูหนานที่เขาเป็น(สงวนแล้ว) เพราะฉะนั้นใบชาตัวนี้ จะไม่ได้รับการเก็บเกี่ยวอีกแล้ว เพราะฉะนั้นตัวนี้จะมีราคาแพงมากกิโลละ 8 หมื่น-1 แสน! (อัพขึ้นไป) อะไรอย่างเงี้ย ด้วยความที่มีคาแรคเตอร์ของความเป็นอย่างที่บอก(ทหารผ่านศึก) ความเป็นควันความเป็นไพรม์วู้ดการสู้รบ แล้วลูกค้าก็จะได้บอกเราด้วยว่า ลูกค้ารู้สึกเหมือนอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ชาทุกตัวคือมีคาแรคเตอร์ไม่เหมือนกันเลย” เราก็จะมีตัว Taste Note ให้ลูกค้าด้วยนะ คือให้ลูกค้าลองดื่มชาดู เรามี Tea Tasting ด้วย ถ้าเกิดใครชอบชาร้อนก็คือมาลองชิมtea tasting กับเราได้ ซึ่งเราก็จะมีชาหลาย ๆ เกรด อย่างเช่น ชาเขียว เราก็จะมีเกรดให้ลูกค้าลอง ตั้งแต่กิโลละ 5,000 บาท กิโลละ 6 หมื่น 8 หมื่น 1 แสน อะไรอย่างเงี้ยให้ลูกค้าลองชิม
แปลก! และดีต่อ “สุขภาพ” ด้วย
จริง ๆ มันมีอยู่ 1 เมนูในร้าน ที่ทำเผื่อคนที่ทำเผื่อคนที่ชอบกาแฟด้วย แต่อย่างที่เห็นว่าร้านเราไม่มีเครื่องทำกาแฟเราก็เลยใช้เป็นวิธีการ “ดริป” แทน เป็นกาแฟดริปซึ่งกาแฟดริปตัวนี้น่าสนใจมาก เพราะเราเอาผสมกับมัทฉะถามว่าน่าสนใจยังไง? เวลากาแฟดริปกาแฟเนี่ยเข้าไปในตัวมัทฉะ รสชาติสามารถแสดงออกได้ 3 สเต็ป“เวลาลูกค้าชิมตัวนี้ เขาจะรับรู้ถึงรสชาติที่แตกต่าง อย่างเช่น1 นาทีแรก ตัวกาแฟจะชัด แต่ตัวความเป็นผลไม้ความเป็นเบอร์รี่จะน้อย มัทฉะจะสูงจะมีรสชาติที่มาแรงกว่า แต่ถ้าเป็น 3 นาทีหมายถึงว่าผ่านไป 3 นาทีแล้ว ความเป็นเบอร์รี่จะเริ่มออก ค่อย ๆ คลายออกมาความเป็นผลไม้มันจะออกมา พอผ่านไป 5 นาทีปุ๊บ เบอร์รี่ออกเต็ม มัทฉะดร็อป พูดง่าย ๆ ลูกค้าสามารถชิมรสชาติได้ 3 แบบ ในเพียงแค่ 5 นาที”
เมนูแนะนำหรือว่าห้ามพลาดเลยเมื่อมาที่ร้านแล้ว เอาแบบแปลกเลยก็อย่างเช่น 1. Last Man Standing เมนูนี้แปลกมากอย่างที่บอกไป 2. ชากล้วยบวชชีหรือที่เราตั้งชื่อให้ว่า “นารีจำศีล” ก็คือด้วยความที่เราเป็นคนไม่กินกาแฟ แต่เราเคยทำร้านกาแฟ(สมัยคุณแม่ทำร้านอาหารอยู่) แล้วตอนนั้นเราทำกาแฟกล้วยบวชชี ซึ่งตอนนั้นได้รับความสนใจอย่างมากจากลูกค้าหลาย ๆ คน ก็เลยเอาชาที่มี Taste Note เป็นกาแฟ คือกลิ่นเหมือนกาแฟเลย กลิ่น รสชาติ เหมือนกาแฟเลย เอามาผสมกับกล้วยบวชชี และ 3. สมุนไพร 5 elements เราจะมีอยู่ 3 แบบ มี 5 elements calm , 5 elements beauty , 5 elements refresh“ถ้าเป็น 5 elements calm จะเป็นการเบลนด์ชาสดด้วย “ดอกไม้” อย่างเช่น กุหลาบ ลาเวนเดอร์ หอมหมื่นลี้ และก็ชาทิกวนอิม ซึ่งอันนี้แปลก! เพราะว่าชาทิกวนอิมเนี่ยให้ความเป็นดอกไม้อยู่แล้ว เพราะว่ากลิ่นและรสชาติเป็นแบบนั้น บวกกับความเป็น froral หรือว่าดอกไม้ของลาเวนเดอร์แล้วก็คาโมมาย มีหอมหมื่นลี้ เข้ามาผสมผสานกัน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายสรรพคุณผ่อนคลาย ก็เลยเป็นอีกอันหนึ่งเรียกว่า calm ครับส่วนอันที่สอง เราเรียกว่า beauty ก็คือจริง ๆ มันคือขนมไต้หวัน คือเอาเห็ดหูหนูขาว ผสมลำไยผสมเม็ดบัว เก๋ากี้ แล้วก็เอามาต้มรวมกัน จะมีรสชาติหวาน เปรี้ยว และก็สดชื่น อันนี้จะดีสำหรับคนที่เป็นผู้ชายเพราะว่าโดยรวมแล้วสมุนไพรอันนี้เป็น “ธาตุหยิน” ก็คือเป็นธาตุเย็น ผู้ชายเนี่ยส่วนใหญ่จะเป็นธาตุร้อน(ก็คือหยาง) คนที่มีคาแรคเตอร์เป็นหยางกินตัวนี้ นี่คือจะดีมากแล้วก็ผิวพรรณก็จะแบบผ่องใส ส่วนตัวที่สาม คือ refresh กินเอาสดชื่นเลย มีส่วนผสมของผลไม้ เลม่อนและอื่น ๆ ผสมกับชา ก็จะรู้สึกสดชื่นกินแล้วเหมือนเริ่มต้นวันใหม่”
มีการแนะนำดื่มชาคู่กับ “ขนม” ด้วย (ประมาณว่ากินอาหารเป็นยา) อย่างเช่นตัว มัทฉะ ด้วยความที่รสชาติมันจะมีความฝาด ๆ นิดหน่อย เป็นชาใบเขียว ถ้าเราไม่pair อะไรเข้าไปด้วยกันมันจะรู้สึกเหมือนมันแบบไม่ลงตัว มันไม่กลมกลืน เราเลยมีการทำแบบว่า “ช็อกโกแลต” นามาช็อกโกแลตหรือแล้วแต่วัน บางทีเป็นช็อกโกแลตกินคู่กันเพราะช็อกโกแลตไปกับชาเขียวได้หรือว่าจะเป็น “ถั่วแดง” ก็ไปกับชาเขียวได้เหมือนกัน ทำให้รสชาติออกมาลงตัวแล้วก็คอมพลีทมากขึ้น การเสิร์ฟชาคู่กับขนมจะเป็นแบบ Seasonal เพราะวัตถุดิบของเราไม่จำเจ เราเปลี่ยนแปลงตลอด ถึงเมนูเราจะฟิกซ์ตามนี้แต่วัตถุดิบเราเปลี่ยนแปลงตลอด แต่อยู่ในคุณภาพที่เป็นมาตรฐานที่มีการเลือกมาก่อนหน้านี้แล้ว อย่างเช่นตัวมัทฉะอย่างเงี้ยมันดูดซึมอะไรต่าง ๆ ในร่างกาย เรากินช็อกโกแลตเข้าไปมันก็ไปช่วยเสริมในเรื่องของสุขภาพ ระบบการขับถ่ายจะดีขึ้น เป็นต้น
“ราคา” ถ้าเป็นคนที่รู้เรื่องชาเท่านั้น จะรู้ว่ามันคุ้มค่ามาก ๆ
แทบจะบอกเลยว่าคุ้มค่ากับลูกค้ามาก เพราะว่าวัตถุดิบทุกตัวมีราคาสูงมาก อย่างเช่น ชา Lapsang Souchong ที่เอามาทำบางตัวกิโลละหมื่น - 8 หมื่นบาท แล้ววัตถุดิบต่าง ๆ เช่น ชบา ที่เอามาทำคือราคาวัตถุดิบสูงมาก คือเราใช้ของดีหมดเลย “คืออย่างงี้ในด้านวงการ “ชา” เนี่ยนะครับ ถ้าชาขมเนี่ยคือคุณภาพจะไม่ค่อยดีเท่าไร ถ้ายิ่งขมน้อยก็ยิ่งแพง ยิ่งอร่อย ใช่ครับ เราก็เลยคัดเกรดที่แบบ เอาพูดตรง ๆ นะอย่างชาจีน ผมก็ไปแบกมาจากจีนเลยนะ ชาญี่ปุ่นก็ไปแบกมาจากญี่ปุ่นเหมือนกัน ด้วยความที่ว่าเรามีต้นทุนที่เหนือกว่าคนอื่นเพราะว่าเราทำท่องเที่ยว เราเดินทางบ่อย พอเราไปเจอร้านไหนที่ทำชาออกมาได้ดีเราเทสต์แล้วโอเค เราเอามาให้ลูกค้าชิมเลย อย่างชาจีนก็เหมือนกัน ชาจีนเนี่ยมีเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสนชนิดแต่เราจะชงเฉพาะตัวที่มีคุณภาพเท่านั้น คัดมาเท่านั้น”
เพราะล็อตแต่ละล็อตชาบางทีก็ไม่เหมือนกัน ชาของร้านเราเป็นชาต้นฤดูเก็บเฉพาะ “ต้นฤดู” เท่านั้น แล้วก็จะเป็น 1 ยอด 2 ใบ หรือว่าเป็นยอดเลยก็มี เพราะฉะนั้นต้นทุนสูงมาก เพราะว่าเราพิถีพิถันเรื่องของรสชาติถ้าชาไม่ดี รสชาติออกมาก็ไม่ดีตามไปด้วย “เราเน้นคุณภาพ ชาทุกอันที่เราทำเนี่ยคือเป็นชาที่ทำสด เพราะฉะนั้นลูกค้าจะต้องแบบว่าเข้าใจนิดนึงว่าต้องรอ รอในการชง ชงใหม่น่ะครับ คือเราจะไม่ชงชาทิ้งไว้ คือเราจะชงแก้วต่อแก้ว เพราะว่าชาแต่ละตัวมีความอ่อนไหวไม่เท่ากัน ชาเซนซิทีฟมากครับเราต้องชงแบบว่า พิถีพิถันมาก ใช่”
ร้านลับ! (Mystic Teahouse) ใครอยากลองแนะนำว่า “ต้องจองก่อน”
มติเทพ ทรัพย์สกุล หรือไบรท์ เจ้าของร้าน Marteaniz Mystic Teahouse and Mixology ยังบอกด้วย ส่วนใหญ่ผมจะลองโฆษณาผ่านทาง Google ก็คือจะเวลาลูกค้าหาร้านในบริเวณใกล้เคียงก็จะเจอร้านเรา และก็จะมีในส่วนของ tiktok และก็ IG ซึ่งด้วยความที่ร้านเราจุได้ค่อนข้างน้อยเราก็แนะนำ(ถ้าเป็นไปได้) ให้จองมาก่อนล่วงหน้าเลยก็ได้ เราจะได้มีการเตรียมเมนูของลูกค้าไว้ เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและก็เผื่อร้านไม่มีที่นั่ง “แล้วก็ด้วยความที่เป็นร้านลับ! เราถึงชื่อร้านว่า Mystic Teahouse หรือ Marteaniz Mystic Teahouse เราจะใช้ว่า Mystic คือ ลึกลับเลย ลึกลับ” เราไม่ได้เน้น fast come fast serve ไม่ได้เน้นแบบโอ้โห ชาต้องชงเสร็จ 10 แก้วภายใน 10 นาที! ไม่ใช่ แต่เราแบบค่อย ๆ ชง ค่อย ๆ เลี้ยง ค่อย ๆ เลี้ยงชา เหมือนเขาเป็นสิ่งมีชีวิต
คนส่วนใหญ่ชอบบอกว่า “ชา” กินแล้วนอนไม่หลับ ชามีคาเฟอีน จริง ๆ แล้วชามันไม่ใช่ทุกตัว ชาที่มีคาเฟอีนเยอะที่สุดคือ ชาเขียว และชาขาว รองลงมาค่อย ๆ ดร็อปลงมาคือ อู่หลง ชาดำ แต่อย่างชาหมักหรือชาผู่เอ๋อร์ไม่มีคาเฟอีนเลย ลูกค้าที่แพ้คาเฟอีนหรือแบบเป็นคนที่นอนไม่หลับก็สามารถดื่มชาผู่เอ๋อร์ได้ ดีต่อสุขภาพด้วยนะเป็น “โปรไบโอติกส์” ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย หรือว่าจะเป็น “ชาดอกไม้” ก็ได้ ไม่มีคาเฟอีน จริง ๆ มันมีเวลาด้วย ว่าเวลาเท่านี้ต้องดื่มชานี้ เวลาเท่านี้ต้องดื่มชานี้ แล้วเวลานี้ดื่มชานี้รักษาส่วนไหนของร่างกายบ้าง อะไรอย่างเงี้ยไม่เหมือนกัน ชาบางอย่างบางทีก็เป็นโทษในบางทีถ้ากินถูกต้องก็เป็นประโยชน์เหมือนกัน
“คือความคาดหวังนะครับคือต้องการทำ “เวิร์กช้อป” แล้วก็ให้ความรู้ให้กับคนไทย แล้วก็สรรพคุณ ประโยชน์ต่าง ๆ ที่ได้รับจากชาให้คนไทยหันมาดื่มชามากขึ้น เพราะว่า “ชา” เนี่ยมีสรรพคุณเยอะมากที่เราไม่รู้ และยังมีอีกหลาย ๆ ตัวเลยที่ในร้านเราเนี่ย ที่เป็นสมุนไพรที่รักษาโรคได้จริง ๆ ก็อยากจะให้มาลอง มาลองเทสต์ดูครับ”
จากคนแพ้กาแฟ! แต่มีใจรักในเรื่องการปรุงชา “Marteaniz” รวมที่สุดของชาพรีเมียมนำเสนอผ่านมุมมองใหม่
Mixology Art ขอบคุณบาร์เทนเดอร์สุดหล่อเจ้าของร้านผู้รอบรู้เรื่องชามาก ๆ อีกคนหนึ่งของประเทศไทย ได้ความรู้และก็ช่วยเปิดโลกเรื่องชาให้อย่างมากมายในครั้งนี้ ถือเป็นคาเฟ่ “สเปเชียลตี้ชา” ที่กำลังมาแรงและน่าจับตาอย่างยิ่งเพราะมีความพรีเมียมจริง ๆ น่าตื่นตาสำหรับลูกค้ารวมถึงคนที่ชอบชาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ควรพลาดที่จะหาโอกาสไปชิมสักครั้งรับรองว่าไม่ผิดหวัง สามารถติดตามหรือแวะไปอุดหนุนที่ร้านได้ เปิด 10.00น.-18.00น.(ปิดทุกวันจันทร์) ตั้งอยู่เลขที่ 190 ซอยปรีดีพนมยงค์15 (แยก5) เขตพระโขนง กรุงเทพฯ โทร.081-929-3293
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *