xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) “เอ็นซี โค่โค่นัท” แปรรูปมะพร้าวน้ำหอมส่งออกกว่า 10 ล้านลูก เจาะตลาด ตปท.เป็นหลักจากเกษตรกรสู่ผู้ส่งออกทำยอดขายหลักร้อยล้านต่อปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จากเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวน้ำหอมสู่ผู้ผลิตและส่งออกมะพร้าวน้ำหอมแปรรูปแบรนด์ เอ็นซี โค่โค่นัท เจ้าดังจากราชบุรีที่เน้นเอาความคุ้มค่ามาเป็นจุดแข็งในการทำธุรกิจและต่อยอดแปรรูปพร้อมกับนำเอาขยะเหลือทิ้งจากเศษมะพร้าวมาแปรรูปเป็นสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม ตั้งเป้าการเติบโตด้วยการขยายตลาดเพิ่มขึ้น รายได้ต่อปีหลักร้อยล้านบาท


นายณรงค์ศักดิ์ ชื่นสุชน ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดราชบุรีและเจ้าของแบรนด์น้ำมะพร้าวแปรรูป เอ็นซี โค่โค่นัท เล่าว่า เดิมทีทางครอบครัวปลูกมะพร้าวมาก่อนตั้งแต่ปี พ.ศ.2526 จากนั้นในช่วงที่เข้ามารับช่วงต่อประมาณปี พ.ศ.2533 คนในท้องถิ่นจะปลูกพืชตามความนิยม โดยในช่วงนั้นจะปลูกองุ่นที่สร้างรายได้ให้ และในช่วงหลังก็จะมีการปลูกมะพร้าวควบคู่กันไป จนมาถึงในช่วงวิกฤตใหญ่ของประเทศไทยในปี พ.ศ.2540 วิกฤตต้มยำกุ้ง ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจของทางแบรนด์ ในช่วงนั้นเริ่มขายมะพร้าวน้ำหอมส่งให้กับตลาดไทและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดเป็นโรงงานขนาดเล็กและรับทำ OEM สำหรับส่งออกในช่วงปี พ.ศ.2544 และทำให้มองเห็นถึงโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ ส่งผลให้เริ่มรับทำ OEM ให้ประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกาและฮ่องกง


หลังจากทำไปได้สักพักก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ได้ควบคุมและดูแลตลาดเองเพราะรับจ้างผลิตตามออเดอร์ เพราะฉะนั้นจึงมีความคิดที่จะสร้างโอกาสและความมั่นคง จึงควรจะต้องมีการสร้างแบรนด์ตัวเองและส่งออกด้วยตัวเองให้ได้เพื่อที่จะมีฐานลูกค้าได้ทั่วโลก ทำให้ตัดสินใจเปิดบริษัท เอ็นซี โค่โค่นัท จำกัด ขึ้นมาในปี พ.ศ.2552 ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดที่แท้จริงในด้านธุรกิจและส่งผลให้มีแบรนด์และส่งออกสินค้าของตัวเองได้ พร้อมพัฒนาสินค้าจากเดิมเป็นผลตัดแต่งแตกไลน์แปรรูปเป็นน้ำมะพร้าวบรรจุขวดแบบธรรมชาติและแบบพาสเจอไรซ์ มะพร้าวควั่น วุ้นมะพร้าวและพุดดิ้งมะพร้าว โดยหลังจากมีโรงงานและพัฒนาสินค้าได้แล้วนั้นก็สามารถเจาะตลาดได้ทั่วโลกและนำสินค้าไปออกบูธในงานต่างๆ เพื่อให้ได้มีฐานลูกค้ามากขึ้น ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการเติบโตจากเกษตรกรสู่ผู้ส่งออกเต็มตัว


ทั้งนี้ทางแบรนด์ยังนึกถึงสิ่งแวดล้อมเพราะในการผลิตมะพร้าวแปรรูปจะมีขยะจากเศษมะพร้าวและเปลือกมะพร้าวภายในโรงงาน ทางแบรนด์จึงนำเอาขยะเหลือทิ้งมาแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงพลังงาน ปุ๋ยอินทรีย์และวัสดุปลูกอย่างไบโอชาร์หรือถ่านชีวภาพ เพื่อลดขยะจากการผลิตโดยการเปลี่ยนของเสียให้กลับมาเป็นรายได้อีกหนึ่งช่องทาง นอกจากนี้มะพร้าวแปรรูปในปัจจุบันของทางแบรนด์ถูกส่งออกไปยังหลายประเทศได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ฮ่องกง ตะวันออกกลางและในเอเชีย ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่จะเน้นส่งออก ปัจจุบันรับ OEM มากกว่า 50% มีลูกค้าประมาณ 4-5 ราย ส่วนในประเทศภายใต้แบรนด์เอ็นซี โค่โค่นัท มีวางขายที่กูร์เมต์มาร์เก็ตและท็อปส์


สำหรับสินค้าซิกเนเจอร์ของทางแบรนด์คือวุ้นมะพร้าวในลูกมะพร้าวที่ทางแบรนด์ทำมาอย่างยาวนานและเป็นที่ชื่นชอบในกลุ่มลูกค้า โดยในช่วงหลังพัฒนามาเป็นน้ำมะพร้าวบรรจุในขวดก็สามารถครองใจลูกค้าได้ นอกจากนี้มะพร้าวน้ำหอมที่นำมาแปรรูปนั้นทางแบรนด์รับจากเกษตรกรทั่วประเทศเพื่อกระจายรายได้ให้เกษตรกร เนื่องจากปลูกเองไม่เพียงพอต่อกำลังการผลิต แต่ทางแบรนด์ก็มีการปลูกมะพร้าวเองอยู่ประมาณ 100 ไร่และในการผลิตมะพร้าวแปรรูป 1 ปีใช้มะพร้าวไป 10 กว่าล้านลูก ทั้งนี้ตลาดคู่แข่งมะพร้าวทางแบรนด์มองว่าเวียดนามเป็นคู่แข่งที่ต้องระมัดระวัง เพราะในเวียดนามก็มีการปลูกมะพร้าวเช่นเดียวกันเพราะฉะนั้นการส่งออกมะพร้าวแปรรูปที่มาจากเวียดนามเป็นสิ่งที่ต้องพึงระวัง


นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังได้คู่ค้าทางการเงินอย่างธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธพว. หรือ SME D Bank ที่สนับสนุนเงินลงทุนสินเชื่อเพื่อมาพัฒนาและขยายงานให้เติบโตขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของการจัดการของเหลือทิ้งที่ผลิตเพื่อส่งให้กับโรงไฟฟ้าต่างๆ รวมถึงเป็นการพัฒนาจากสิ่งเหลือทิ้งให้นำกลับมาทำเป็นสิ่งที่มีประโยชน์และสร้างรายได้ให้กับทางแบรนด์ได้ ปัจจุบันขายภายในประเทศและกำลังวางแผนส่งออกไปขายต่างประเทศ


สั่งสมประสบการณ์มาตั้งแต่เด็กทำให้มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจเกี่ยวกับมะพร้าวและแปรรูปมะพร้าวได้เป็นอย่างดี เพราะรู้และเห็นมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งการทำธุรกิจแปรรูปมะพร้าวก็ต้องการให้ลูกค้าได้กินน้ำมะพร้าวที่อร่อยเหมือนกับที่เจ้าของแบรนด์ได้กินมาทั้งชีวิต ซึ่งเมื่อได้มีโอกาสมาเป็นเจ้าของกิจการเกี่ยวกับมะพร้าวก็จะเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุด เพื่อนำมาแปรรูปให้เป็นมะพร้าวและน้ำมะพร้าวที่อร่อยมีคุณภาพมากที่สุด ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี กลับมาซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ทางแบรนด์จะมีการขยายเพิ่มกับลูกค้าเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้เติบโต พร้อมกับพัฒนาไลน์สินค้าให้เจาะกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้นและต่อยอดการส่งออกเพิ่มขึ้น


ในขณะที่ความยากในการทำธุรกิจเจ้าของแบรนด์เปิดเผยข้อมูลว่าในช่วงแรกที่เริ่มทำจะหาตลาดค่อนข้างยากเพราะสื่อโซเชียลยังไม่เยอะเท่าปัจจุบัน รวมถึงช่องทางผู้ซื้อยังมีไม่มาก แต่ในช่วงหลังเริ่มมีทุกอย่าง ลูกค้าคนจีนเข้ามาเยอะ ช่องทางตลาดก็มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้การแข่งขันสูงและหั่นราคาแข่งขันกัน ความยากง่ายก็จะเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ซึ่งทางแบรนด์ใช้วิธีลดการขายให้คนจีนน้อยลง เปลี่ยนไปหาตลาดใหม่ที่ลดการแข่งขันด้านราคา เพราะต้องการสร้างคุณค่ามากกว่าเอาราคาเป็นตัวตั้งในการทำธุรกิจ

“เรามาจากเกษตรกรที่เป็นพื้นฐานจริงๆ และต่อยอดจากองค์ความรู้ที่รู้สึกจากสิ่งที่เรามีแล้วเอาองค์ความรู้เหล่านี้มาถ่ายทอดสู่ผลิตภัณฑ์ของเรา ทำให้ผลิตภัณฑ์ของเรามีคุณค่า มีจุดแข็ง มีความอร่อย เสร็จแล้วเราก็ยังให้ความสำคัญต่อการดูแลเอาใจใส่สิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิจกรรมในสวน ในโรงงานที่เป็นสิ่งของเหลือทิ้งต่างๆ ไม่ให้เป็นมลพิษกับคนอื่นจึงนำกลับมาเป็นประโยชน์ เช่นทำปุ๋ย วัสดุปลูก มันก็สร้างที่สมดุลและธรรมชาติที่ดีในสวนของเราและนำมาซึ่งความปลอดภัยต่อสุขภาพของคนผลิตและคนกิน สุดท้ายคนกินสำคัญที่สุดนี่คือสิ่งที่เราเอาใจใส่กับสิ่งพวกนี้และกลายมาเป็นจุดแข็งในการทำธุรกิจ
” เจ้าของแบรนด์ ระบุ


อย่างไรก็ตามในการทำธุรกิจแปรรูปน้ำมะพร้าวน้ำหอมของเอ็นซี โค่โค่นัท สามารถสร้างรายได้หลักร้อยล้านบาทต่อปี และในอนาคตสินค้าประเภทเครื่องดื่มของทางแบรนด์มีแนวโน้มและโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทางแบรนด์จึงตั้งเป้าพัฒนาและต่อยอดสินค้าให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น

ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook :
NC coconut



* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น