MEI สถาบันวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์ มาสเตอร์การ์ด เผย ข้อมูลสถานการณ์การท่องเที่ยว 2025 ทั่วโลก พบโตเกียวและโอซาก้า เป็นหมุดหมายที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องการเดินทางมาเที่ยวในช่วงฤดูร้อน ปี 2025 เบียดล้มแชมป์เก่า กรุงเทพฯ ผลพ่วงจากค่าเงินเยนอ่อนตัว และเหตุสนับสนุนอื่นๆ ส่วนไทยติดอันดับท็อป 3 จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และเทรนด์ท่องเที่ยวใหม่ น่าจับตา คือ การเดินทางเพื่อการกินอาหาร “ภูเก็ต” ติดอันดับเมืองแห่งอาหาร ที่นักท่องเที่ยวต้องการเดินทางมากิน
มร.เดวิด แมน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก มาสเตอร์การ์ด เปิดเผยว่า ทาง Mastercard Economics Institute (MEI) ได้จัดทำผลการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เกี่ยวกับเทรนด์การท่องเที่ยว Travel Trends 2025 : Purpose – Driven Journey ซึ่งจากผลการวิเคราะห์ ได้สรุปเทรนด์ท่องเที่ยว ปี 2025
พบว่า เทรนด์การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ปี 2024-2025 หันมาท่องเที่ยวตามรอยซีรี หรือภาพยนตร์มากขึ้น เห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเดินทางไป เมืองเฉิงจู ประเทศเกาหลี เพิ่มขึ้น 1,179 % เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2019 เพื่อตามรอยภาพยนตร์ซีรีเกาหลี ที่ชื่นชอบ เช่นเดียวกับประเทศไทย เมื่อซีรี White Lotus ถ่ายทำที่ประเทศไทย ช่วยดึงดูดคนมาเข้าพักโรงแรมที่ สมุย เพิ่มมากขึ้น
สำหรับเทรนด์ใหม่ด้านการท่องเที่ยว ที่ถูกจับตามองในช่วงที่ผ่านมาจะเป็นกลุ่มนักเดินทางเพื่อการทำธุรกิจ ซึ่งกลุ่มนี้ มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงโควิด โดยในปี 2020 พบว่า กลุ่มนี้มีการเดินทางน้อยลงแต่ใช้เวลาอยู่นานขึ้น และสาเหตุมาจากในปัจจุบันมีการทำงานในรูปแบบไฮบริด (การทำงานรูปแบบออนไลน์) หน่วยงานองค์กรสามารถประชุมผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ทำให้สามารถเดินทางอยู่ในสถานที่นั้นได้นานขึ้น
และยังพบว่า การที่อยู่ได้นานขึ้น ทำให้สามารถเดินทางท่องเที่ยวในประเทศนั้น ๆ ได้มากขึ้น และมีการใช้จ่ายสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นด้วย แต่การที่เลือกเดินทางน้อยลง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
นอกจากนี้ เทรนด์การท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ในปัจจุบัน เป็นเทรนด์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เวลเนส (Wellness Tourism) ซึ่งประเทศไทยติดท็อป 3 จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของโลก รองจากนามิเบีย อันดับ 1 และ อันดับ 2 แอฟริกาใต้
สำหรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ธรรมชาติ จุดขายของประเทศไทย เช่น ที่พักแนวธรรมชาติ รีพักแนวรีสอร์ต การทำสปา การนวดผ่อนคลาย การทำสมาธิ เพราะคนทั่วโลก หนีความวุ่นวายมาหาที่พักที่สงบๆ เพื่อชาร์ตพลัง ก่อนไปทำงานต่อ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และธรรมชาติ จึงได้รับความนิยม
และการท่องเที่ยวที่เป็นเทรนด์ใหม่ ที่มาแรง คือ การท่องเที่ยวสำหรับสายกิน และ ภูเก็ต ประเทศไทยได้รับเลือกเป็นเมืองแห่งอาหาร ปี 2024 และจัดเป็นเมืองอันดับ 6 ของโลกที่ต่างชาติเข้ามาใช้บริการร้านอาหารสูงสุด โดยมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 58 ประเทศ เคยเดินทางมากินอาหารที่ภูเก็ต ถือว่า เป็นเมืองหมุดหมายที่นักท่องเที่ยวเลือกมากินอาหารมากเป็นอันดับต้นๆ เพราะภูเก็ต เป็นเมืองที่มีความหลากหลายของอาหาร
มร.เดวิดแมน ยังได้พูดถึง การแข่งขันกีฬาระดับโลก ซึ่งกลายเป็นแม่เหล็ก ที่ดึงดูดแฟนกีฬา กระตุ้นยอดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวโลก เห็นได้จากการจัดแข่งขันรายการใหญ่ เพิ่มยอดใช้จ่ายสูงในพื้นที่รัศมี 5 ไมล์ รอบสถานที่จัดงาน และช่วงเวลา 5 วัน ก่อน และหลังเกม เป็นต้น
ส่วนจุดหมายปลายทางนักท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในช่วงฤดูร้อน ปี 2025 (เดือน มิ.ย.- ก.ย.2025) พบว่า ประเทศในกลุ่มเอเชียแปซิฟิก ยังคงครองแชมป์หมุดหมายการท่องเที่ยวอันดับต้นๆ จากนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยโตเกียว ขึ้นแท่นอันดับ 1 จุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวสนใจมากที่สุด และโอซาก้า มาเป็นอันดับ 2
และการที่เมืองในประเทศญี่ปุ่น ครองแชมป์ อันดับ 1 และอันดับ 2 ล้มแชมป์ กรุงเทพฯ ที่ติดอันดับมาหลายปี มาจาก สถานการณ์ค่าเงินเยน อ่อนตัวลง มากในช่วงนี้ ดึงดูดนักเดินทางให้หลั่งไหลเข้าประเทศ รวมถึงญี่ปุ่นก็มีปัจจัยด้านอื่นๆ สนับสนุนด้วย
มร.เดวิด แมน กล่าวถึง สถานการณ์ การท่องเที่ยวประเทศไทย ในปี 2024 – 2025 สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยว ประเทศไทย เริ่มฟื้นตัวขึ้นถึง 89 % หลังจากปี 2019 จากสถานการณ์โควิด โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักมาจากประเทศอาเซียน เกาหลีใต้ และ อินเดีย และจีนแผ่นดินใหญ่ยังเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักอันดับหนึ่ง จังหวัดยอดนิยม อันดับ 1 กรุงเทพฯ อันดับ 2 ชลบุรี อันดับ 3ภูเก็ต อันดับ 4 เชียงใหม่ และอันดับ 5 สงขลา (หาดใหญ่)
ในขณะที่คนไทย หันมาเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยมีการใช้จ่ายนอกประเทศของนักท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น 27 % เทียบกับปี 2019 สำรวจจากการใช้จ่ายผ่านบัตรต่างๆ ส่วนจุดหมายปลายทางยอดนิยม อันดับ1 ฮ่องกง 2. กัวลาลัมเปอร์ (มาเลเซีย) 3. ซาร์จาร์ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) 4.เฉิงตู (จีน) 5.ดูไบ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)
ท้ายสุด มร.เดวิด แมน ยังได้การกล่าวถึง ผลกระทบที่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าเดินทางท่องเที่ยว หลังจากการวิเคราะห์ พบว่า การท่องเที่ยวเป็นภาคธุรกิจที่มีการหลอกลวงกันง่ายสุด และมากสุด และเหตุการณ์กลลวง ในสถานที่ท่องเที่ยว เพิ่มสูงขึ้น ถึง 28 % โดยเหตุหลอกลวงในช่วงวางแผนเดินทางท่องเที่ยว เพิ่มขึ้น12% ในปี 2024 เทียบกับปี 2023
โดยกรุงเทพฯ และภูเก็ต เป็นเมืองที่มีความเสี่ยงจากมิจฉาชีพมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กรุงเทพฯ มักจะถูกหลอกลวงจากทัวร์ และเอเจนซี่ ในขณะที่ภูเก็ต พบการหลอกลวงจากที่พัก