การปลูกข้าวญี่ปุ่นในไทย เป็นทางเลือกหนึ่งให้กับเกษตรกร หลังจากมีกระแสข่าวร้อนจากประเทศญี่ปุ่น ถึงราคาข้าวญี่ปุ่นที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้ร้านอาหารในญี่ปุ่น หลายแห่งสนใจนำเข้าข้าวญี่ปุ่นที่ปลูกในประเทศไทย เพราะคุณภาพได้เทียบเท่ากับข้าวที่ปลูกในญี่ปุ่น และราคาไม่แพง
เกษตรกรไทยรีบเลย ตลาดญี่ปุ่นต้องการข้าวปลูกในไทย คุณภาพได้ราคาถูก
ด้วยเหตุนี้ เอง พอดีฟาร์ม เกษตรกร ผู้บุกเบิกการปลูกข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ โคชิฮิคาริ เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น รวมตัวกันสร้างเครือข่ายปลูกข้าวญี่ปุ่นในไทยขึ้น จังหวัดมหาสารคาม เนื่องจากมีตัวแทนผู้นำเข้ามีการติดต่อเข้ามาเพื่อจะออเดอร์ข้าวญี่ปุ่นในไทยจำนวนเดือนละ 10 ตัน
หนุ่มอุดรฯ ไปทำงานญี่ปุ่น
ติดใจข้าวญี่ปุ่นนำกลับมาปลูกในไทย
นายเสกสรร โพธิสาร เจ้าของนาข้าวญี่ปุ่นที่ปลูกในประเทศไทย ใช้ชื่อว่าพอดีฟาร์ม อยู่ที่บ้านสร้างก่อ อ.กุดจับ จ.อุดรธานี เล่าว่า ตนเองปลูกข้าวญี่ปุ่นมาตอนนี้ ก็เข้าปีที่ 6 จุดเริ่มต้นของการมาปลูกข้าวญี่ปุ่น มาจากตนเอง ไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น และเกิดติดใจในรสชาติของข้าวญี่ปุ่น ตอนแรกตั้งใจว่าจะปลูกไว้กินเอง แต่พอผลผลิตออกมาเยอะ ก็เลยนำมาขายในช่องทางออนไลน์ มีลูกค้าสั่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ก็เลยเพิ่มพื้นที่การปลูก เป็น 4 ไร่ แต่จะเวียนปลูกครั้งละ2-3 งาน เพื่อที่จะได้มีข้าวให้กับลูกค้าตลอดทั้งปี เนื่องจากเน้นขายข้าวใหม่ ไม่ได้ขายข้าวเก่า ก็เลยจำเป็นที่จะต้องหมุนเวียนการปลูก
สำหรับระยะเวลาในการปลูกข้าวญี่ปุ่นประมาณ 120 วัน ส่วนสายพันธุ์ที่ปลูกเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น นั่นคือ สายพันธุ์โคชิฮิคาริ Koshihikari โดยครั้งแรกสั่งนำเข้าเมล็ดพันธุ์จากประเทศญี่ปุ่น โดยตรง ตอนแรกสั่งมาลอง 1 กรัม ในราคา 1,600 บาท โดยทดลองปลูกในระบบโรงเรือนก่อน เมื่อได้ผลจึงนำมาขยายปลูกในพื้นดิน ใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่ 2 ปี จนประสบความสำเร็จ สามารถปลูกข้าวได้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ และมั่นใจได้ว่าข้าวญี่ปุ่นสามารถปลูกที่ประเทศไทยได้
ข้าวญี่ปุ่นปลูกง่ายผลผลิตมากกว่าข้าวไทย
ขายได้ไร่ละไม่ตำกว่า 50,000 บาท
นายเสกสรร เล่าว่า หลังจากนำข้าวญี่ปุ่นมาปลูกในประเทศไทย ตอนแรกกังวลว่า อากาศบ้านเราร้อนมาก จะปลูกได้ไหม แต่พอมาปลูกจริงๆ สามารถปลูกได้ การดูแลไม่ได้แตกต่างจากการปลูกข้าวไทย การดูแลเหมือนกัน ส่วนผลผลิตที่ได้ต่อไร่ มากกว่าการปลูกข้าวไทย อย่างของผมที่ปลูกอยู่ได้ผลผลิตอยู่ 650-800 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งเคยมีคนอื่นๆ ปลูกได้ถึง 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ แต่ของเราเป็นการปลูกแบบอินทรีย์ ผลผลิตที่ได้ ก็เลยจะได้ไม่มาก
ส่วนราคาขาย ที่ผ่านมาเราปลูกและขายเอง ไม่ได้ผ่านโรงสี หรือ พ่อค้าคนกลาง ขายตรงให้กับลูกค้าเลย อยู่ที่กิโลกรัมละ 100 บาท สำหรับการปลูกแบบอินทรีย์ ส่วนเมล็ดพันธุ์ขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 500 บาท ขายได้ต่อไร่ประมาณ 50.000-60.000 บาท แต่ถ้าเมื่อเทียบกับราคาข้าวญี่ปุ่นที่ปลูกทางภาคเหนือ ราคาของเราจะสูงกว่ามาก ที่ภาคเหนือ ขายกิโลกรัมละ 20-30 บาท ที่ราคาแตกต่างกันมาก มาจากสายพันธุ์ที่ไม่เหมือนกัน และของเราเป็นการปลูกแบบอินทรีย์ แต่ก็มีคนที่ซื้อเมล็ดพันธุ์จากเราไปปลูก และไม่ได้ปลูกแบบอินทรีย์ ขายในราคากิโลกรัมละไม่เกิน 80 บาท แต่ผลผลิตต่อไร่จะได้สูงกว่าการปลูกแบบอินทรีย์
สำหรับลูกค้าที่ซื้อข้าวญี่ปุ่นของเรา จะเป็นคนไทย เราไม่ได้มีลูกค้าญี่ปุ่น ที่ผ่านมา เราไม่ได้ถามว่าซื้อไปทำอะไร แต่น่าจะเอาไปทำอาหารญี่ปุ่น หรือทำซูชิ เพราะข้าวสายพันธุ์นี้ คนญี่ปุ่นนิยมนำไปทำซูชิ เพราะข้าวคุณภาพดีของเค้ ร้านอาหารชั้นนำใช้ข้าวสายพันธุ์นี้ในการทำซูชิ ซึ่งลูกค้าของเราส่วนใหญ่จะไม่ใช่ลูกค้าประจำ เป็นลูกค้าทั่วไป แต่มีลูกค้าที่เคยซื้อ กลับมาซื้ออีกก็มีบ้าง โดยเราจะมีข้าวขายให้กับลูกค้าทั้งปี มีข้าวออกมาเท่าไหร่ขายได้หมด
ราคาข้าวในญี่ปุ่นพุ่งสูง โอกาสเกษตรกรไทย
นายเสกสรร เล่าว่า ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่น มีความต้องการข้าวญี่ปุ่นปลูกในประเทศไทยมากขึ้น เพราะที่ญี่ปุ่นราคาข้าวสูงขึ้นมาก ปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 180 บาท ผู้นำเข้าก็เลยสนใจอยากได้ข้าวจากประเทศไทย เพราะราคาไม่แพง คุณภาพเทียบเท่ากับข้าวปลูกในญี่ปุ่น โดยได้มีตัวแทนนำเข้าสินค้าญี่ปุ่นมีการติดต่อเข้ามา เพื่อจะขอออเดอร์ข้าวญี่ปุ่นจากประเทศไทย โดยมีออเดอร์ความต้องการอยู่ที่เดือนละกว่า 10 ตัน
ด้วยเหตุนี้ พอดีฟาร์มของเราจึงได้ คุยกับเกษตรกรในพื้นที่ จังหวัดมหาสารคาม เพื่อสร้างเครือข่ายผู้ปลูกข้าวญี่ปุ่นในประเทศไทยขึ้น ที่เลือก จังหวัดมหาสารคาม เพราะมีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ ข้าวญี่ปุ่นชอบน้ำ ซึ่งคาดว่าจะมีคนสนใจ เข้าร่วมกว่า 100 ไร่
ทำไมข้าวญี่ปุ่นปลูกในไทย ตลาดญี่ปุ่นต้องการ
สำหรับข้าวญี่ปุ่นที่ปลูกในไทย มีการปลูกกันมาน่าจะเป็น 10 ปี แล้ว ร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นนำในกรุงเทพฯ มีการเลือกใช้ข้าวญี่ปุ่นปลูกในไทย คนญี่ปุ่น ที่อยู่ในประเทศไทยได้มาลองกินก็ชื่นชอบ คุณภาพของเราเหมือนกับการปลูกข้าวญี่ปุ่น ที่ประเทศของเค้า
อย่างไรก็ดี การที่ให้เกษตรกรเข้าร่วมเครือข่ายปลูกข้าวญี่ปุ่นในไทย ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะด้วยความที่ตลาดข้าวญี่ปุ่นในประเทศไทย ตลาดเฉพาะกลุ่ม เกษตรกรกังวลว่า เมื่อปลูกไปแล้วจะมีคนมารับซื้อไหม เพราะคนไทยเองก็ไม่ได้ชื่นชอบการกินข้าวญี่ปุ่น
ส่วนการออเดอร์ข้าวญี่ปุ่นในไทยเข้ามาในครั้งนี้ เราก็ต้องการมีการทำสัญญากับทางผู้นำเข้าว่าจะรับซื้อข้าวกับเราจริงๆ เราถึงจะไปคุยกับกลุ่มเกษตรกร เครือข่ายที่จะจัดตั้งขึ้นในครั้งนี้ ซึ่งทางตัวแทนผู้รับซื้อ ต้องมีการทำสัญญาว่าจะสั่งกับเราจำนวนเท่าไหร่เป็นระยะเวลาเท่าไหร่ เพื่อเราจะได้ทำข้อตกลงกับทางเกษตรกรผู้ปลูกด้วย
ส่วนข้าวญี่ปุ่นในไทย ที่ผู้ซื้อต้องการในตอนนี้ นั้น ยังไม่จำเป็นจะต้องปลูกแบบอินทรีย์ เกษตรกรสามารถปลูกได้แบบทั่วไปได้ ส่วนราคารับซื้อตอนนี้น่าจะไม่เกินกิโลกรัมละ 80 บาท
ทั้งนี้ การปลูกข้าวญี่ปุ่นในไทย ระยะเวลาในการปลูก อยู่ที่ประมาณ 4 เดือน ต้นทุนการปลูกรวมเมล็ดพันธุ์ อยู่ที่ประมาณ 7.000 บาท ถึง 8.000 บาท ไม่เกิน 10,000 บาทต่อไร่ ราคาขายกิโลกรัมละไม่เกิน 80 บาท และต้องเป็นสายพันธุ์โคชิฮิคาริ สายพันธุ์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ในขณะที่ข้าวหอมมะลิ ข้าวเบอร์หนึ่งของประเทศไทย ราคาต่อกิโลกรัมอยู่ที่ 40-45 บาท ผลผลิตต่อไร่สูงกว่า ข้าวหอมมะลิไทย ส่วนรายได้ต่อไร่สูงกว่าเช่นกัน คาดการณ์รายได้ต่อไร่ไม่ต่ำกว่า 30,000 -50,000 บาท
ติดต่อ โทร. 08-7781-6486 .08-9619-0393
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *