xs
xsm
sm
md
lg

กรมพัฒน์ฯ ยกระดับผลิตภัณฑ์ ‘กก’ และ ‘ไหล’ งานศิลป์พรีเมียม 1 เดียว จ.สกลนคร เข้าโครงการ Djgital Village BCG สู่ตลาดโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อธิบดีอรมน ลงพื้นที่ จ.สกลนคร จับเข่าคุยผู้นำและสมาชิกวิสาหกิจชุมชนสายรุ้งนาวาทอง อ.วาริชภูมิ แลกเปลี่ยนมุมมองการประกอบธุรกิจ แนวทางการส่งเสริมผู้ประกอบการชุมชน และการต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐ เห็นศักยภาพชุมชน..พร้อมดันเข้าโครงการ Digital Village BCG ชุมชนออนไลน์ นวัตกรรมรักษ์โลก ขยายตลาดสู่โลกกว้าง มั่นใจ!! ผลิตภัณฑ์แปรรูปกกและไหลยกดอก..สุดพรีเมียม 1 เดียว ใน จ.สกลนคร มีความสวยงาม ขยายตลาดไม่ยาก แต่ต้องเข้าใจความต้องการของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างถ่องแท้ เน้นหลัก ‘ตลาดนำการผลิต’ ก่อนผลิตสินค้าออกสู่ตลาดให้ตรงใจลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติ


นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “วันนี้ (วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2568) ได้ลงพื้นที่ จ.สกลนคร เพื่อพบปะพูดคุยกับประธานและสมาชิกวิสาหกิจชุมชนสายรุ้งนาวาทอง บ้านจำปาทอง อ.วาริชภูมิ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการชุมชนที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้การส่งเสริมสนับสนุน โดยวิสาหกิจชุมชนผลิตผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากกกและไหล จุดเด่น คือ การเก็บลายยกดอกบนผลิตภัณฑ์ให้มีลวดลายที่สวยงาม ชัดเจน ไม่เหมือนใคร เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น ซึ่งเป็นงานศิลป์กกไหลยกดอกที่มีเพียง 1 เดียวใน จ.สกลนคร

วิสาหกิจชุมชนสายรุ้งนาวาทอง จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อ พ.ศ.2561 มีการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นเดิมที่สืบทอดมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ นำแนวคิดเอาวัตถุดิบในชุมชน คือ เส้นคราม เส้นไหม มาฟั่นเพื่อทอผสมกับเส้นไหล และมีการเก็บลายยกดอกของผลิตภัณฑ์ เป็นนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นมาใหม่และแปรรูปภายใต้แบรนด์ ‘ไหลไหมคราม’ ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความสวยงาม แปลกตา รวมทั้ง มีการนำเส้นกกและเส้นไหลมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น กระเป๋าถือ เสื่อนั่ง เสื่อพับ ที่นวดมือเพื่อสุขภาพ และอื่นๆ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคทั้งชาวไทยละต่างชาติ ปัจจุบันกำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้มีความทันสมัย เพื่อเป็นทางเลือกที่หลากหลายสำหรับผู้บริโภค


อธิบดีอรมน กล่าวต่อว่า จากการได้พบปะกับประธาน (นายมนตรี เย็นวัฒนา) และสมาชิกวิสาหกิจชุมชนสายรุ้งนาวาทอง บ้านจำปาทอง ทำให้ทราบว่า วิสาหกิจฯ มีความเข้มแข็งในระดับดี และพร้อมเป็นภาคส่วนระดับชุมชนที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น ผ่านการจ้างงานคนในพื้นที่ แต่ละปีสามารถสร้างรายได้เข้าชุมชนกว่า 1 ล้านบาท ผลิตผลิตภัณฑ์ได้มากกว่า 3,000 ชิ้นต่อปี

ทั้งนี้ สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือ คือ 1) สนับสนุนด้านการขยายตลาดให้มีความหลากหลาย เช่น การเข้าร่วมออกบูธในกิจกรรมต่างๆ ที่กระทรวงพาณิชย์หรือกรมฯ จัดขึ้น 2) ขยายช่องทางการตลาดออนไลน์ที่นำสินค้าไปขายทั้งในและต่างประเทศ 3) ขยายช่องทางการตลาดในประเทศ เช่น สนามบิน ร้านขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว และศูนย์การค้าชั้นนำ เพื่อเผยแพร่สินค้าให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม และนำมาซึ่งความชื่นชอบพร้อมซื้อกลับไปเป็นของฝากของกำนัลหรือใช้เอง ซึ่งปัจจุบันวิสาหกิจชุมชนฯ จำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเป็นหลัก เช่น Facebook : ไหล-ไหม-คราม / IG: @nawatong6 และผ่านตัวแทนจำหน่าย ณ ร้าน SACICT Shop รวมถึง การออกร้านตามงานต่างๆ ทั้งภายในและนอกจังหวัด


กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เตรียมจัดอบรมหลักสูตรที่มีจำเป็นต่อการบริหารจัดการธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนใน จ.สกลนคร เช่น การนำเทคโนโลยีมาช่วยในการประกอบธุรกิจ การขยายช่องทางการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ ฯลฯ และที่สำคัญที่สุด คือ ผลักดันให้วิสาหกิจฯ เข้าร่วมโครงการ Digital Village BCG ชุมชนออนไลน์ นวัตกรรมรักษ์โลก ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเรือธงของกรมฯ ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถขยายการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์แบบมืออาชีพ ช่วยให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น รวมทั้ง จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกและส่งเสริมให้ภาคธุรกิจสามารถประกอบธุรกิจได้อย่างราบรื่น เพิ่มศักยภาพและขยายโอกาสแห่งความสำเร็จ โดยมีภาครัฐเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ให้การสนับสนุน และอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่” อธิบดีอรมน กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กองธุรกิจภูมิภาคและชุมชน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร 0 2547 4445 สายด่วน 1570 e-Mail : dcrprov@dbd.go.th และ www.dbd.go.th


กำลังโหลดความคิดเห็น