รองเท้าคู่หนึ่งเหมือน “แบบ” หนึ่งที่ทุกคนใส่ได้จริง ๆ แบบว่า หน้าก็กว้างตามเท้าของคุณ สั้นก็ได้ตามเท้าของคุณ สีก็ได้ตามที่คุณอยากจะได้และความสูงที่แมตช์กับตัวคุณ เลือกแทบจะได้ทุกอย่างเลยแบบเดียวที่เลือกไม่ได้ก็คือแบบที่ยังต้องเป็นของ “แซ่บชูส์”
จุดขายใหม่ที่ค่อย ๆ พัฒนาตามหน้างานจริงที่เกิดขึ้น ท่ามกลางความพยายามที่จะไปต่อในธุรกิจรองเท้าให้ได้ของ “คุณหญิง” หรือ คุณวาสนา ศิรินาม เจ้าของแบรนด์รองเท้าสั่งตัด “Zaabshoes” ยังเป็นทายาทช่างมากประสบการณ์เจ้าของโรงงานผลิตรองเท้าแบบแฮนด์เมด(ส่งนอก&แบรนด์ดัง) ซึ่งเคยรุ่งเรืองอย่างสุด ๆ ในอดีตที่ผ่านมาก่อนที่ธุรกิจรับผลิตรองเท้าจะเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามภาวะการค้าและการแข่งขันตลาดที่มาพร้อมกระบวนการผลิตโดยเครื่องจักรฯ ทำได้ง่ายขึ้น“หรือว่าคนที่ซื้อไปแล้วใส่ของหญิงไม่ได้นะคะ หญิงคืนเงินนะ คือเขาก็จะแบบ สเต็ปแรกหญิงอาจจะแก้ก่อน ใส่ไม่พอดีโน่นนี่นั่น แล้วพอหญิงแก้เนี่ย(เราออนไลน์นะคะ) เขาอยู่ต่างจังหวัดเวลาหญิงคิดที่จะแก้ คือหญิงเดาอย่างเงี้ย คือหญิงต้องคิด มองจากภาพแล้วก็ ลด1 ซม. ลด2 ซม. คือเราใช้จินตนาการ แล้วพอทำไปจริงพอเราแก้จริงพอไปถึง มันก็ยังขาดอีกอะไรเงี้ย ถ้าเขายังพอใจที่อยากจะให้หญิงซ่อมอยู่ หญิงซ่อม ใช่ แต่ถ้าเขาไม่พอใจแล้วนู่นนี่นั่น แล้วเขาแบบไม่พอใจในสินค้า คือหญิงคืนเงินเลยนะ เขาก็แฮปปี้ หญิงก็แฮปปี้ ถึงเขาเอารองเท้าไปแล้วเขาไม่แฮปปี้กับรองเท้าหญิง หญิงก็ หญิงรู้สึกว่าหญิงไม่แฮปปี้มากกว่า”
วิกฤติที่มาพร้อมกับ “ภาระ” ทำอย่างไรเพื่อให้ธุรกิจนี้ไปต่อได้?
จริง ๆ แล้วโรงงานนี้ของป่าป๊าคือเขารับจ้างผลิตตั้งแต่เขาเป็นหนุ่มเป็นสาวกันเลย คือคุณแม่ต้องบอกก่อนเลยเขาเป็นผู้ริเริ่ม แม่เป็นช่างรองเท้ามาก่อน(เป็นลูกจ้าง) ร้านบัลเลต์ชูส์แล้วเขาจะตัดให้คุณหญิงคุณนายเขาจะเป็นเบอร์แบบนั้นเลย ที่จะตัดรองเท้าแต่ละคนแต่ละคู่ไปแล้วเขาก็มีความรู้ จนเขามาเจอกับป่าป๊าแต่ป๊าเขาจะอยู่ในสาย “งานหนัง” เวลาเราทำรองเท้าหนังแท้หนังมันจะหนาแล้วป่าป๊าจะต้องปอกหนังทำกระเป๋า JACOB ตอนนั้นเขาจะทำของแบรนด์นี้แต่เป็นงานทำกระเป๋า“พอเขามาเจอกันแม่ก็เลยแนะนำว่ามาทำรองเท้ากันไหม ก็จะเป็นจุดนี้เกิดรองเท้าขึ้นมาก่อน แต่ตอนนั้นเขาก็จะแบบ คนไม่มีความรู้นะคะพ่อกับแม่หญิงจบป.4 ป.7 อะไรประมาณนี้กันนะคะ แล้วเขาก็เลยเหมือนไปรับจ้างทำรองเท้าเป็นรองเท้าแตะก่อน สมัยก่อนมันจะเป็นงานส่งออกซะส่วนใหญ่ เป็นงานตะวันออกกลางโน่นนี่นั่นแต่เป็นรองเท้าแตะ แล้วก็ทำอย่างเงี้ยค่ะด้วยความที่ป๊าเขาเป็นคนฉลาดเป็นคนปรับเปลี่ยนได้ตลอดเลย แล้วเขาก็ไปจับพลัดจับผลูเจอ Trader ที่เขาส่งรองเท้าให้บาจาที่ฝรั่งเศส เขาก็มาหา Maker จนกระทั่งเจอเรา” ตอนนั้นทำงานเป็นแบบ 5-6 หมื่นคู่แล้วก็มาต่อ 2 หมื่นเป็นงานสั่งครั้งละเป็นหมื่น ๆ คู่อย่างเงี้ย แต่งานมันก็จะมีความยากตรงที่ว่ามันเร่งและใช้คนเยอะสมัยก่อนจะเน้น เวลามีออร์เดอมาจะต้องเร่งทำเพื่อให้ทันต้องลงเรือ แล้วพอแบบก่อนจะลงเรือต้อง QC งานค่อนข้างมีความยากในตัว“ช่วงนั้นมันก็ดีอยู่พักหนึ่งทำให้หญิงมีโอกาสไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย แล้วก็เลยคิดว่าโอเคที่บ้านเมื่อมีพี่ชายก็คิดว่าเขาอาจจะทำต่อ ส่วนตัวเราเป็นผู้หญิงเราอาจจะมองหางานประจำทำไป” แต่ปราปรากฏว่าพอหญิงกลับมาทำงานที่เซ็นทรัลฯ อยู่ 2-3 ปี ป่าป๊ามาไม่สบาย(ตอนนั้นคุณพ่อป่วยเป็นมะเร็ง) แล้วพี่ชายเขาก็ไม่ถนัดงานในด้านแฟชั่นมันก็เลยเหมือนแบบอ้าว! หญิงก็เลยลาออกจากจุดนั้นแล้วกลับมาทำอยู่ที่บ้าน ต้องเข้ามาเพราะว่ามันมีคนงานที่รออยู่แล้วป่าป๊าก็ยังทำงานไม่ได้ แต่มันทำให้หญิงรู้ว่าตลอดชีวิตที่หญิงแบบอยู่กับเขามา หญิงอาจจะรู้รองเท้าแต่จริง ๆ แล้วหญิงแทบจะไม่ได้รู้รายละเอียดที่จริง ๆ ของการผลิตรองเท้า
จากงานรับจ้างผลิตเป็นหมื่น ๆ คู่ สู่การสร้างแบรนด์เองพร้อมเน้น “จุดขาย” ใหม่
มันก็เดินได้ แต่ว่าแล้วแฟน(ตอนนั้นหญิงก็เริ่มแต่งงาน) แฟนก็เลยบอกว่าเฮ้ยมันยอดขายมันน้อยลงนะหญิง แล้วเขาก็เล แนะนำว่าแบบ เรามีข้อได้เปรียบนะหญิงเราเปิดเราทำ “แบรนด์” กันไหม? คือเขาเป็นคนชักชวนเพราะว่าเขาทำงานแบรนด์มาก่อน เขาบอกรองเท้าเราก็ผลิตเองเราอยากจะทำแบบไหนก็ได้เราก็ทำเป็นแบรนด์ของเราขึ้นมา“ปรากฏว่าสิ่งที่ตอนนั้นเลยค่ะเป็นเทรนด์ก็คือ รองเท้าบัลเลต์ชูส์ค่ะ รองเท้าที่เป็นคัทชูส้นแบนน่ะค่ะแฟลชชูส์ แล้วที่บ้านคือไม่เคยทำรองเท้าคัทชูปรากฏว่าทำไม่เป็น” หญิงก็เลยไปจ้างอาจารย์ตอนนี้ก็ยังดิวงานกันอยู่คือเขาสอน ในเรื่องการตัดแบบทำรองเท้า แล้วก็สอนเราเรื่องความคิดต่าง ๆ ที่เป็นเกี่ยวกับรองเท้าคัทชู “ก็คือสอนหญิงก่อนพอหญิงเริ่มเข้าใจในโครงสร้างของรองเท้า ก็มาสอนที่โรงงานแล้วป๊าก็ซึมซับกันไปจน ปรับมาเป็นแบบที่เป็นรองเท้า Bellezzashoes เป็น Zaabshoes ปัจจุบันนี้มา ก็จะเป็นแบรนด์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น“จนงานเมืองนอกค่ะมันมีเหมือนเขา switch เลยนะคะ จากไทยแล้วหายเลย! หายเลย หายเลยจริง ๆ ปกติเขาจะต้องสั่งเราทุกปีเนาะปีนั้นแบบ หาย! ก็เลยแบบ พี่เอิร์ธเขาก็เคยพูดกับหญิงนะว่าวันหนึ่งมันต้องมาถึงนะถ้าเราไม่รองรับเตรียมเอาไว้เนี่ยไม่รอดนะ และแล้วมันก็มาจริง ๆ”
ตอนนั้นก็กลายเป็นว่าผลิตของหญิงจาก 20 เป็น 30 เป็น 50 อะไรอย่างเงี้ย แล้วเราก็มีผลิตส่วนที่เหลือเป็นงานไทยในแบรนด์อื่น มันเหมือนกับมันปรับจากที่เราเคยทำแต่งานนอกก็กลายเป็นรับงานไทยที่เป็นแบรนด์ไทย โดยตัวเทรดเดอร์เขาจะมีแบรนด์ไทยมีหลายแบรนด์ที่เขาทำอยู่ เราก็รับตรงนั้นและก็เป็นของเราเองด้วย “ตอนนั้นหญิงก็ออกบูธมากขึ้น เราเริ่มออกบูธถี่อ่ะค่ะออกเมืองทอง สิริกิตติ์ ออกใต้ตึกนู่นนี่นั่นแล้วก็ทำรองเท้าขึ้นมาเป็นสต็อก เวลาในไทม์มิ่งช่างก็ทำให้เรามากขึ้น ๆ มากขึ้น จนเนี่ยค่ะออกบูธไปหญิงได้ติดช่วงที่บูธดีดีกับเขาอยู่ปลาย ๆ ถ้าย้อนไปสักเกือบ 10 ปี ที่ตอนนั้นบูธมันบูม แล้วหญิงก็มีร้านที่สยามฯ ควบคู่กันไป” จนมันก็พอมันมาถึงปลายของพวกออกงาน มันก็มาถึงจุดนั้นอีกแล้ว! วันหนึ่งจ่ายค่าออกบูธไป 1 หมื่นขายได้ 5 คู่ ก็เริ่มขาดทุนแล้วเราก็เริ่มหยุด เริ่มหยุดออกบูธเริ่มมองแค่ตลาดที่ค่าเช่าไม่สูง แล้วก็มาที่ ใช้หน้าร้านเป็นเราเริ่ม Sale ของ เราก็จะเริ่ม Sale ของมากขึ้น ช่วงแรก ๆ ในการทำออนไลน์ของหญิงคือหญิงจะ Sale ของเพราะรู้สึกว่ามันง่ายที่สุด เพราะเราไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องการสร้างแบรนด์ให้มันแบบ “เหมือนมันมีคู่แข่งเยอะถ้าเราไม่ลดราคา เราก็ขายไม่ได้ จนสุดท้ายก็ มาโควิดฯ ก็พยายามประคับประคองเพราะมันไม่ได้ขาดทุนแต่มันไม่ได้แล้วหญิงก็หางานผลิต หญิงทำควบคู่กันอยู่ เวลาที่หน้าร้านหญิงไม่ได้หญิงก็หางานผลิตเพราะว่าช่างเรามันต้องทำงาน หญิงก็จะแบบอยู่อย่างนี้ตลอด จนโควิด19 มาเนี่ยค่ะเป็นของจริงแล้ว ที่หน้าร้านเราต้องจากลากันจริงจังแล้วเพราะว่า สยามฯ เขาก็ยื่นข้อเสนอมาว่าเอ้ยปิดร้านไหม? ปิดร้านคืนเงินอะไรอย่างเงี้ย”
รองเท้า Customize ที่ใส่พอดีและรู้สึกสบาย ด้วยการวัด Size ออนไลน์ (ทำอย่างไร?!!)
เป็นภาวะที่ยากที่สุดในชีวิตตอนโน้น ถ้าไม่รวมเรื่องป่วยฯ นะ มันเป็นภาวะที่ยากที่สุดก็คือเหมือนแบบจะขายก็ไม่มีที่จะขายได้
ช่างเราก็ต้องเลี้ยงไว้เพื่อที่ต้องให้เขาทำงาน สิ่งที่หญิงพูดไปในตอนนั้นคือว่าเฮ้ยพี่เราไม่ผลิตแล้ว เราไม่ผลิต หยุดการผลิตก่อนตอนนี้เราต้องเซฟเงิน สิ่งที่หญิงทำได้ก็คือพี่อยู่กับหญิง หญิงจ่ายเงินเดือน“เงินเดือนหญิงก็คือฟิกซ์น่ะค่ะ เราไม่ต้องลุ้นแล้วโอเคเราก็ใช้เงินเก็บในการจ่ายช่างไปก่อน เพื่อให้เขาอยู่ แล้วพอเสร็จแล้วระหว่างเราค่ะ เราคือหญิงกับพี่เอิร์ธ เราก็คือทำรองเท้าค่ะทำรองเท้าออกมาเป็นตัวอย่าง สิ่งที่ทำก็คือเฮ้ยพี่เอิร์ธเราไม่มีทุนทำสต็อก เราทำ pre order กันไหม? พี่เอิร์ธลองทำพรีออร์เดอไหม ทำพรีออร์เดอให้มันแตกต่างจากคนอื่นยังไง” ก็คือ เลือกสี หญิงจะทำแบบขึ้นมาก่อน สมมุติว่าหญิงทำคู่นี้ขึ้นมาแต่หญิงทำ 5 สี หญิงก็จะแบบลูกค้าสามารถเลือกได้อันนี้คือแค่ตัวอย่าง แต่ลูกค้าสามารถเลือกได้ 20 สี ตอนนั้นถ่ายเป็นภาพนิ่งแล้วก็โพสต์ไปแล้วก็เขียนเลยว่า 299 บาท “ตอนนั้นหญิงคือราคานี้แหละที่จะแบบ ไม่ต้องต่อไม่ต้องแบบ จริง ๆ หญิงขาย 990 เป็นพียู แต่หญิงตอนนั้นหญิงขายในราคานั้น รอ 30 วัน มันเวิร์กมาก!” ลูกค้าหญิงค่ะกรุงเทพฯ น้อยมาก ต่างจังหวัดเยอะมาก ออร์เดอก็เริ่มมา มา มา
มาปุ๊บสิ่งที่เจอก็คือ ผลิตไม่ทัน! แต่ระหว่างนั้นมันทำให้หญิงเรียนรู้ในเรื่องของ “เท้า” ลูกค้า เพราะลูกค้าจะต้องวัดเท้าให้หญิงตามวิธีที่หญิงแนะนำ“ทุก ๆ อย่างก็คือเรียนรู้ แบบอ้อ!ลูกค้าต้องวัดเท้าแบบนี้ เฮ้ยปกติเขาใส่ 40 แต่เขาวัดเท้ามามันแค่ 37 เอง แต่หน้าเท้าเขาอ่ะนู่นนี่นั่นหญิงก็คิดนะคะ ว่าอ๋อมันรู้แล้วว่าเท้าเขาสั้น แต่หน้ากว้างมากทำให้เขาใส่เบอร์ปกติเขาไม่ได้ หญิงก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นหญิงตัดแบบนี้ไหมคะ หญิงก็เลยแบบหญิงตัดเป็นเบอร์แบบ 38 ให้คุณ ให้มันพอดีเท้า คือหญิงขยายตรงวงหน้านี้ค่ะให้กว้าง 40 ก็ปรากฏว่า เฮ้ยมันเวิร์กอ่ะ! ลูกค้าใส่ได้แล้วมันเป็น 38 ที่ไม่ใช่ 38 คนอื่นอะไรอย่างเงี้ย หญิงก็เลยค่อย ๆ จับจุดนี้มา มาแค่บอกกับลูกค้าที่เราแบบ In box ด้วยค่ะ”ตอนนั้นการตลาดที่จะพูดอะไรมันก็ เราก็ยังทำไม่ค่อยเป็น แล้วอีกอย่างหนึ่งคือรูปภาพมันก็บอกไม่ค่อยชัดเจน แล้วก็จากจุดนี้มาก็เป็นเรื่องของการ Customize ในเรื่องของ Size “เพราะว่าทุกครั้งที่เขาวัดมา หญิงต้องให้เขาวัดแล้วให้หญิงเห็นเท้า ว่ายาวเท่าไรกว้างเท่าไร เอาละไม่ปกติละ ปกติก็ต้องแบบยาว 23.5 แล้วหน้าต้องประมาณ 22-23 แต่คนนี้มา หน้า 25 แต่สั้นแบบ 36 (25 มันคือเกือบ42) แปลว่าคนนี้ เท้าสั้น&อ้วน อะไรแบบอย่างเงี้ยคือหญิงจะคิดแบบ เท้าสั้นอ้วน ขอดูรูปหน่อยนะคะขอดูรูปเท้า เขาก็จะถ่ายเท้ามาประกอบให้ แน่ละ! คนนี้งั้นเราจะขยายหน้าเท้ากันนะคะ”ก็เลยเป็นจุดที่ทำให้เราเหมือนแบบรู้ pain point ของเขาว่า เราจะทำให้มันแตกต่างเพิ่มขึ้น จากวันนั้นทำให้หญิงแบบค่อย ๆ อัพราคาได้จากสิ่งนี้ เพราะว่ามันเป็นเรื่องของความเฉพาะคน หญิงก็ค่อย ๆ เริ่มจาก 299 เราไม่ขายแล้ว (เพราะว่ามันไม่บาลานซ์กับต้นทุนจริง ๆ) หลังจากนั้นก็เป็น 590 จนเนี่ยสเต็ปขึ้นมาจนเป็น 990 จนเป็นปัจจุบัน
ทำคลิปเพื่อบอกเล่าถึงธุรกิจที่ทำ จนเป็น “ไวรัล”
ทุกครั้งหญิงไม่เคยบอกลูกค้าว่าราคาปกติหญิงคือ 299 นะ หญิงจะเขียนราคาประจำหญิงเลยว่า 990 /890 แต่เราลด 50% มันทำให้เรากลับมายืนจุดเดิมได้ เพราะว่าราคาเราไม่ได้บอกว่าราคาของเราถูกแต่ว่าช่วงไม่ดีแล้วเราลดราคาเพื่อให้โรงงานเราอยู่ได้“เราเลยสามารถกลับมาบาลานซ์ใน Price ที่เราคิดไว้ คือราคาที่ทั้งเรื่องงานและก็เวลาแล้วก็ช่างเนี่ย 990 เนี่ยพอไหว แต่ถ้าดีอ่ะค่ะจะต้องขาย “หนังแท้” ให้ได้ แยกเป็น 2 กลุ่ม คือ PU (หนังเทียม) กับ หนังแท้ คือพอมันเป็นหนังแท้ค่ะราคาหนังแท้หญิงขายที่ 2,090 บาท คุณภาพหนังแท้มันทำให้รองเท้ามันดูพรีเมียมได้ เขาสามารถใส่ได้ยาว ๆ 4-5 ปี กับเงินสองพันที่เขาจ่ายมันสมดุลกัน หญิงจะบอกว่าถ้าคนไหนเขาแบบพอที่จะจ่ายได้หญิงอยากจะเชียร์หนังแท้ เพราะมันเป็นเรื่องของควา ทนทานและก็แบรนด์เราเนาะ ถ้าแบบหนังเทียม 2 ปีมันก็จะล่อนขึ้นมาหญิงจะบอกเขาเลย หญิงไม่ได้หลอกขายนะ”
เลือกสีได้เอง สั่ง Customize เฉพาะคนได้ เลือกคุณภาพเป็นแบบงานหนังแท้/หนังเทียม(PU) ได้ นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีเรื่องของ “ความสูง”ยกตัวอย่าง “แบบ” ของคู่นี้มันก็จะเป็น เตี้ยก็ได้ หรือคุณอยากจะใส่ส้น(สูง) ของอีกแบบหนึ่งก็ได้ คือคุณเอาหน้านี้/เอาพื้นนี้พื้นมน แล้วจะเอาส้นแบบของคู่นี้ คือคุณสามารถเลือกได้แบบนั้นเลย พอเวลาลูกค้าจะสั่งตัดรองเท้าออนไลน์สิ่งที่จะต้องทำคือ “คือลูกค้าจะต้องมีกระดาษA4 วางเท้าแล้วก็วางไม้บรรทัดคาด(ตามตัวอย่างในคลิป) ความยาวที่หญิงแบบนี้คุณต้องทำตามภาพ แล้วคุณต้องส่งรูปภาพที่คุณวาดมาให้หญิงดู แต่ส่วนใหญ่เขาจะส่งมาเป็นตัวเลข แล้วหญิงก็จะใช้กลยุทธ์ของหญิงว่าแบบ พอเป็นตัวเลขปุ๊บก็จะชวนเขาคุยก่อนคุยไป คุยไป ชอบสี ชอบส้น เอ่อรบกวนส่งภาพเท้ามานิดนึงนะคะ พอภาพเท้ามา อ่ะเท้าเริ่มยากแล้ว ขอหญิงดูตอนวัดเลยค่ะ อ่าเขาก็จะมีทั้งคลิปบ้าง ภาพนิ่งบ้าง เวลาต่างจังหวัดเขากลัวค่ะเพราะว่าเขาต้องจ่ายเงินหญิงเนาะ เพราะว่าต้องจ่ายเต็มก่อน”การสั่งตัดรองเท้าที่ไม่ได้มาวัดเท้ากับช่างเองถือว่าค่อนข้าง “ยาก” แล้วหญิงต้องดูมาเป็นแบบ 5 ปีคิดดูว่า หญิงต้องดูรองเท้าเป็นพัน ๆ คู่กับออนไลน์ เพื่อจะต้องแบบคิดออกมาว่า เขาจะต้องใส่เบอร์อะไรหรืออะไรอย่างเงี้ย“สเต็ปก็คือพอเขาวัด ความยาวที่เป็นความยาวนะคะ และก็ความกว้างที่เป็นรอบหน้าเท้าเราค่ะเขาต้องวัดรอบหน้าเท้า วัดรอบกลางเท้า รองเท้าที่ใส่ประจำคือรองเท้าแบบไหน รองเท้าที่ใส่ประจำใส่พอดีไหม เบอร์อะไร มันจะโชว์มาที่ตัวเลขค่ะว่าเอ้ย อย่างที่หญิงบอกไปพอเท้าเขายาวแค่ 36 แต่เขาใส่รองเท้าปกติ 38 แปลว่าอะไร? แปลว่า หญิงต้องถามเขาว่าเวลาที่คุณใส่ 38 หน้าพอดีใช่ไหมคะ แต่ว่าส้นหลวมไหม เขาบอกใช่ค่ะ มันก็คือมันก็จะมี เหมือนเราต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมไปว่า อ๋อโอเคงั้นคอนเฟิร์มละว่า คุณน่ะเป็นคนเท้าเบอร์ 36 แหละแต่หน้าคุณกว้างมากมันทำให้คุณต้องขยับไซซ์ ดังนั้นรุ่นนี้รองเท้าของหญิงควรจะแนะนำเขาอะไร หรือแม้กระทั่งว่าบางครั้งยากมากอ่ะค่ะ เพราะว่าบางทีหญิงจะไม่ค่อยเชื่อเขาในเรื่องของการวัด ถ้าหญิงไม่เห็นจริง หญิงก็จะให้เขาวัดที่รองเท้าที่เขาใส่ อันนั้นก็จะชัวร์แล้ว”
ถ้าลูกค้าไม่ได้คุยกับหญิงเขาก็ไม่ค่อยจะจบลงเท่าไหร่ค่ะ มันก็เลยเหมือนงานนี้ยาก เหมือนหญิงมาลงตลาดหญิงมาลงงานยากที่ไม่มีคนแข่ง มันก็เลยเหมือนมีคนซื้อ แต่ถ้าถามว่าวันนี้หญิงถูก 100% ไหม? ไม่ หญิงก็ยังต้องแก้อยู่ขอเพียงลูกค้าให้โอกาสกับหญิง“แต่ว่ามาเปรี้ยง! เลยก็คือ คลิป คือหญิงไปเรียนมาแล้วมีคลิป ๆ หนึ่งก็เลยแบบ คุยกับน้องแอดมินว่าเดี๋ยวเราจะแสดงก็เลยตั้งว่าแบบ ตัดรองเท้าภายใน 2 ช.ม. อะไรประมาณนี้ ตัดรองเท้าอะไรสักอย่างหญิงจำ Topic ไม่ได้แล้ว เหมือนมีชาเลนจ์ให้ลูกค้าดู ว่าตัดรองเท้าให้เสร็จภายใน 2 ช.ม. อะไรประมาณนี้ แล้วก็เป็นฉากที่แบบแอดมินเขาก็จะถามหญิงมาว่า พี่หญิง พี่หญิง ลูกค้าต้องการรองเท้าคู่นี้ด่วนมากเลย แล้วเราแบบว่าคนนี้เขาต้องการด่วนมากเลย แล้วเราจะทำให้เขาได้ไหม? จากนั้นก็จะมีฉากตัดต่อไปที่หญิงหันไปมองป๊าแบบ ป๊า อะไรอย่างเงี้ยก็จะลากเสียงป๊าตัดรองเท้าคู่นี้ให้หนูหน่อย แล้วป๊าบอก ได้! คืออะไรประมาณนี้” แล้วก็เป็นกระบวนการทำรองเท้า มันก็เลยเป็นเหมือนแบบทำให้คนเห็นว่า 1. คือเราตัดรองเท้า(ในวิดีโอนั้น) มันสื่อเลยว่าอ๋อคุณตัดรองเท้า ป่าป๊าทำนะ จนเสร็จออกมาปิ๊ง! เป็นรองเท้าที่ทำเสร็จภายใน 2 ชั่วโมง“เป็นตัวเปิดของหญิงเลย ว่าเรารับตัดรองเท้า แต่ช่วงนั้นก็จะมาแบบขอ 2 ช.ม. ขอ 2 ช.ม. ๆ จนหญิงบอกอ้ออันนี้มันแบบทำพิเศษ ไม่ทันค่ะ(หัวเราะ) อันนั้นก็จะเป็นตัวเปิดของหญิงเลย เป็นคลิปแรกที่แบบ เฮ้ย! ทำไมคนมาทักเยอะจังวะ”
พลิกสู่ยอดขายหลักล้าน! ได้จริง แต่สิ่งที่ต้องทำต่อเนื่อง คือ มีวินัย
ช่องทางการจำหน่ายหลักคือ ออนไลน์ กับมาที่ “โรงงาน” เพราะคนกรุงเทพฯ ก็อยากมาลองก็มา มาที่โรงงานแล้วเราไม่ได้เปิดหน้าร้านแล้ว ตรงนี้ก็ถ้าใครขึ้นมาลองเดี๋ยวหญิงก็จะทำตรงนี้ให้เป็นโชว์รูม สำหรับการ LIVE ด้วยก็คือบางทีก็อยากให้ลูกค้าได้ใกล้ชิดกับเรามากขึ้น“การสื่อสารหลัก ๆ ผ่านคอนเทนต์ก็คือ คลิป ในลักษณะของการทำชาเลนจ์ โดยเนื้อหาหลักของหญิง/คำพูดหลัก(คีย์) เลยก็คือหญิงจะพูดว่า “ลูกค้ามาที่โรงงานอีกแล้ว” นี่คือเป็นคำพูดหลักของหญิงเลยนะคะ ก็จะเป็นคลิปหลักของทุกครั้งที่มี คลิปย่อยก็จะเป็นหนังโน่นนี่นั่นก็จะให้ความรู้ไปอย่างเงี้ย แต่คลิปหลักก็จะเป็น ลูกค้ามาที่โรงงานอีกแล้ว ถ้าเกิดไปดูคลิปก็จะเห็น /ได้ยินเสียงของหญิงคำนี้ ลูกค้ามาที่โรงงานอีกแล้ว วันนี้โจทย์ของหญิงนะคะ ก็คือลูกค้าเท้ายาว ลูกค้าเท้ากว้าง ลูกค้าเป็นแอร์ อะไรอย่างงี้ค่ะ ก็จะเป็นการแก้ปัญหาในเรื่องของจุด ๆ ไป” ก็คือจริง ๆ แล้วลูกค้าของหญิงเป็น “ผู้หญิง” ที่กลุ่มทำงานก่อนโดยมองก็คือมองกลุ่มทำงาน แล้วก็ที่เท้ามีปัญหา จริง ๆ ผู้หญิงทุกคนที่เท้ามีปัญหาเช่นไม่สามารถใส่รองเท้าสแตนดาร์ดได้ ไซซ์ 37 /38 /39 /40 ที่วางอยู่ ไม่เคยใส่หน้าพอดีหลัง ใช่ นี่คือกลุ่มเป้าหมายของหญิง
กำลังการผลิตของหญิงอยู่ที่ประมาณ 300-500 คู่/เดือน มันก็จะอยู่ที่งานผลิตถ้าเป็นงานที่มันเป็นแบบออร์เดอที่เรายังรับอยู่
ถ้าเอาอย่างนี้มารวมกันด้วยในเดือนนั้นก็จะเยอะ แต่ถ้าเป็นงานตัดแบบชิ้นต่อชิ้นมันจะยาก เพราะว่าช่างเขาจะต้องทำแบบ 1 วันได้ไม่กี่ชิ้นอะไรประมาณนี้ แต่ว่าอย่างน้อยเลยต้องได้ 300 กว่า ๆ แล้วของเรามันก็จะมีคละ แต่หญิงจะ Focus เรื่องหนังแท้ขายลูกค้าได้ 2,000 ขึ้น ซื้อไปทีหนึ่งใช้กันได้ยาว ๆ แล้วหญิงจบบิลหนึ่งก็ง่ายเพราะว่าเราคุยกันเป็นชั่วโมง“หรือบางคนชอบเนี่ยเขาซื้อทีหนึ่ง 4 คู่อย่างเงี้ยค่ะ ก็จะเป็นอย่างเงี้ยค่ะเวลาคนที่มาถึงโรงงาน ไม่มีซื้อน้อยค่ะเพราะเขาชอบแล้วเขาก็มาอย่างเงี้ยค่ะ ก็คู่สองพันซื้อสามคู่ก็บิลเกือบหมื่นอย่างเงี้ยค่ะ มันก็จะไวพวกนี้นะคะ แต่ช่วงที่ออกคลิปน่ะค่ะวัน ๆ คือได้แบบ 4 หมื่น 5 หมื่นบาท! เลยก็มี” ก็ประมาณนั้น แต่มันก็จะเป็นช่วงเหมือนเราจุดพลุนะคะ แล้วมันก็ค่อย ๆ ซา เราก็ต้องทำคลิปใหม่
สร้างภาพจำที่ลูกค้าเชื่อใจในแบรนด์ แต่ว่าความท้าทายใหม่คือเรื่อง “Maker”
“คุณหญิง” หรือ คุณวาสนา ศิรินาม เจ้าของแบรนด์ “Zaabshoes” บอกด้วยว่า คนทำงานรองเท้า คนรุ่นใหม่ ๆ เขาไม่ค่อยเข้าใจในความลึกซึ้งมาก ๆ เพราะว่าขนาดหญิงพยายามที่จะแบบหาคนช่วยเนาะก็พยายามหา Maker เหมือนสมัยก่อนเราอาจจะแบบทำตัวเป็นเทรดเดอร์เนาะ แล้วก็มี Maker หลาย ๆ เจ้าอะไรอย่างเงี้ย แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จในการหา Maker ได้เลย“เพราะว่าพอเขาทำงานมาให้เรา เรารู้เลยว่ามัน งานมันคุณภาพมัน กับที่เราทำ มันต่างกันมากจริง ๆ ค่ะ ในตลาดที่จะหาให้ได้ “ช่าง” ที่เหมือนป๊ากับช่างที่เรามีอยู่ หญิงก็เลยคิดอยู่ว่าแบบเอ๊! อีกสัก 5 ปีป๊าแก่แล้วหญิงจะทำยังไงน้อ? อยู่นะ” ตอนนี้ก็มี 4-5 คน หลังจากที่ลดลงไปครึ่งหนึ่ง แต่ว่าเป็นมือฉมังกันทั้งหมดเลยที่เรามีอยู่ คือทุกคนต้องทำงานแบบเขาเรียกว่าเต็มประสิทธิภาพ คือหญิงก็จ้างเยอะไปเลยเพราะว่าหญิงไม่อยากจะมาจ้างหลาย ๆ คนแล้วมาคอนโทรลไม่ได้
มาถึงตอนนี้อายุของแบรนด์รองเท้าที่หญิงทำมา ก็คือตามลูกชายของหญิงเลย 14 ปี “14 ปีที่เข้ามาตรงนี้นะคะก็คือแบบ มันมีทั้งสุขทั้งทุกข์เนาะ มันมีทุกข์มาตลอดตามเศรษฐกิจจริง ๆ ค่ะแต่ว่า สิ่งที่หญิงกับแฟนไม่หยุดเลยก็คือ การพัฒนาตัวเองน่ะค่ะ คือหญิงปรับตลอดคือไม่ว่า คุณจะมาแบบไหนเนาะไม่ว่าจะ แผ่นดินไหว หรือโควิด ฯ หรืออะไร มันมีผลกระทบกับเราตลอดค่ะ แต่ว่าพอเราล้มแล้วเราก็จะลุกให้ไว ลุกก็คือเหมือนเรียนรู้ต่อ เหมือนกับว่าเฮ้ย! เขาต้องออนไลน์นะแล้วออนไลน์มันทำยังไงวะ ก็คือเรียนน่ะค่ะ เฮ้ยต้องทำคลิปนะ แล้วคลิปเขาต้องทำยังไง ก็คือเรียนน่ะค่ะ หรือว่าเฮ้ยรองเท้ามันจะต้องตรงกลุ่มลูกค้าเราแบบไหน เราทำไม่ได้ก็คือเรียน หญิงอาจจะช้าหน่อยเพราะว่าหญิงลองหลายทาง(หัวเราะ) จนมันแบบเจออะไรอย่างเงี้ยค่ะก็คือ แบบเออเวลาเจอแล้วมันก็เนี่ยค่ะ”ทำให้หญิงแบบ เฮ้ยวันนี้มีคนรู้จักหญิง บางครั้งลูกค้ามาที่บ้านแล้วแบบ อุ๊ยนี่คือคุณหญิงตัวจริงแล้วเขาก็จะแบบ ผอม อ้วนกว่าอุ๊ยน่ารักโน่นนี่นั่น คือเขาก็จะมีความรู้สึกแบบ บางคนก็จะมีหลังไมค์มาแบบ คุณหญิงสบายดีไหม กลายเป็นว่านี่แหละคือความที่เรารู้สึกเราภูมิใจที่มีคนรู้จักเราในที่แบบ “เอ้อแล้วเขาก็จะพูดถึงหญิงแบบว่า เขาจำหญิงได้ในความว่า พี่ผู้หญิงคนที่เป็นมะเร็งที่สั่งตัดรองเท้าค่ะ(หัวเราะ) อันนี้ก็คือแบบภาพจำของทุกคน ที่ตามหญิงมาประมาณ 4 ปีที่ผ่านมาค่ะ เขาจะจำคำนี้เลย เหมือนที่มาบ้านเขาจะบอกว่า อ๋อพี่ที่เป็นมะเร็งใช่ไหม ที่สั่งตัดรองเท้าได้ อย่างเงี้ยค่ะเขาจะจำหญิงแบบนี้เลย แล้วพอแม่เขามา ลูกเขามาตัดด้วยอย่างเงี้ย อ๋อพี่คนนี้ไงที่เป็นมะเร็ง คือหญิงน่ะทำ 2 พาร์ทไงหญิงจะให้ความรู้เรื่อง “มะเร็ง” ไปด้วย(หัวเราะ) ก็เลยแบบอย่างนี้”แต่หญิงต้องบอกว่าหญิงไม่สบายมาเนาะหญิงเป็นมะเร็ง แล้วช่วงที่เป็นมะเร็งเนี่ยมันก็เหมือนพิสูจน์ชีวิตของหญิงไปในตัวด้วย เพราะว่าช่างก็ตอนนั้นที่หญิงไม่สบายช่างก็ไม่สบาย แล้วหญิงไปคีโมมากลับบ้านมาก็ต้องมานั่งทำงาน ตอนนั้นช่วง Down ที่สุดในชีวิตก็คือแบบ ก็สู้กันไปไม่มีอะไรที่ยากกว่าตรงนี้แล้ว ถึงโควิดฯ อะไรที่ผ่านมาในชีวิตที่ว่ายากแล้ว มะเร็งนี่ยากที่สุดในชีวิตเพราะว่าหญิงต้องสู้กับภายในของเรา ต้องสู้แล้วก็ต้องมาขับเคลื่อนงาน ที่มันต้องเดินไปอีกตอนนั้นถือว่ายากที่สุดในชีวิตแล้วแต่หญิงก็ไม่เป็นไร ต่าง ๆ เนี่ยให้หมอเขาไปดูแลในเรื่องมะเร็ง แต่เราก็ยังต้องทำงานและก็สู้ต่อไปตรงนี้
ต้องบอกว่า “ต้องสู้ถึงจะชนะ” อย่างแท้จริง! จริง ๆ สำหรับเรื่องราวของคุณหญิงและก็ธุรกิจรองเท้าของเธอ “คนอยู่ไกล ๆ
ก็สั่งตัดรองเท้าออนไลน์แบบใส่ได้พอดีเป๊ะ! “Zaabshoes” พลิกวิกฤตสู่ยอดขายหลักล้าน”ขอบคุณที่กรุณามาร่วมแบ่งปันแรงบันดาลใจดี ๆ และส่งพลังได้อย่างมากมายในครั้งนี้ สนใจสั่งตัดรองเท้าคุณภาพคุ้มค่าสมกับราคาพร้อมการ คลองบางพราน เขตบางบอน กรุงเทพฯ โทร.095-254-5209 หรือติดตามได้ทางโซเชียลมีเดียในชื่อแบรนด์นี้
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *