xs
xsm
sm
md
lg

TEA ชี้อุตฯ Exhibition ภูมิภาคเอเชียโตกว่ายุโรป ไทยรับอานิสงส์โตตามตลาด คาดปี 68 ขยาย 6-8%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าในภาคพื้นยุโรปยังไม่กลับมาอย่างเต็มที่ ด้วยการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของยุโรป ส่งผลให้ตลาดเอเชียเติบโตได้ดีกว่า คาดปี 2568 อุตสาหกรรม Exhibition ทั่วโลกยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยมูลค่ากว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัวประมาณ 5-7% ต่อปี ส่วนประเทศไทยรับอานิสงส์เติบโตประมาณ 6-8% จากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ การขยายตลาดมาเอเชีย และที่สำคัญนโยบายการสนับสนุนของรัฐบาลไทย ปีนี้ TEA เตรียมจัดงาน Thailand MICE X-Change 2025 งานแสดงผลิตภัณฑ์ บริการและนวัตกรรมสำหรับการแสดงสินค้าและการจัดประชุม ระหว่างวันที่ 2-3 เมษายน 2568 ณ พารากอน ฮอลล์


น.ส.ปนิษฐา บุรี นายกสมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) หรือ TEA กล่าวถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้า (Exhibition) ทั่วโลกยังเติบโตต่อเนื่องคาดว่าจะขยายตัวราว 5-7% ต่อปี ด้วยมูลค่ากว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.05 ล้านล้านบาท) สะท้อนถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงการขับเคลื่อนของเทคโนโลยี และนวัตกรรมซึ่งจะถูกนำมาใช้เพิ่มประสบการณ์ของผู้เข้าร่วมงานและผู้แสดงสินค้า โดยเอเชียจะเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการเติบโตสูงสุดในปีนี้ เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว และการปรับตัวทางดิจิทัล ทำให้เกิดความสะดวกในการจัดงาน เช่น ใน จีน และอินเดีย ส่งผลให้ตลาดงานแสดงสินค้าในภูมิภาคนี้ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการผลิต

ในส่วนของอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าไทยยังคงเติบโตจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรป เกิดการขยายตลาดมาเอเชีย รวมถึงฮ่องกงซึ่งเคยเป็นหนึ่งในเอ็กซิบิชันของเอเชีย มีปัญหาภายใน และที่สำคัญที่สุดคือนโยบายของรัฐบาลไทยในการสนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้า ส่งผลให้งานกลุ่มไมซ์กำลังเติบโตอย่างชัดเจนในด้านการท่องเที่ยวและการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจ

ในปีที่ผ่านมา จากสถิติของสำนักงานส่งเสริมการประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) ปี 2567 พบว่า จำนวนงานแสดงสินค้านานาชาติ B2B มีกว่า 145 งาน ผู้ร่วมงานต่างชาติ 358,645 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสู่ประเทศ 54,275 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2568 งานแสดงสินค้าจะเติบโตราว 6-8% จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การเติบโตในตลาดใหม่ และตลาดในเอเชียจะช่วยกระตุ้นการจัดงานแสดงสินค้ามากขึ้น

อีกทั้งในปีนี้จะเห็นว่าผู้จัดงานแสดงสินค้าและผู้แสดงสินค้าจะมีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) มากขึ้น เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ที่ล้ำสมัยและเชื่อมโยงผู้เข้าชมจากทั่วโลกเข้าสู่โลกเสมือนจริง ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและขยายกลุ่มผู้เข้าร่วมงานจากทั่วทุกมุมโลก นอกจากนี้ การใช้ แพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับการจับคู่ธุรกิจ (Business Matchmaking) จะทำให้การเจรจาธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขณะที่แนวโน้มอนาคตงานแสดงสินค้าจะเห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ที่มีการใช้ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ เช่น 5G, IoT และ Cloud Computing การขนส่งและโลจิสติกส์ โดยเฉพาะงานแสดงสินค้าทางด้านยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles) และโลจิสติกส์อัจฉริยะ (Smart Logistics) อุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) ที่มุ่งเน้นในเรื่องของพลังงานทดแทนและเทคโนโลยีที่ยั่งยืน

​น.ส.ปนิษฐา ได้กล่าวถึงบทบาทของสมาคม โดยจะส่งเสริมและพัฒนาสมาชิกด้วยให้นำเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น AR/VR, Big Data, AI มาปรับใช้ในการจัดงานแสดงสินค้าเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ผู้เข้าร่วม และช่วยให้ผู้แสดงสินค้าสามารถนำเสนอสินค้าในรูปแบบที่น่าสนใจและทันสมัยยิ่งขึ้น การพัฒนาอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้าผ่านนวัตกรรม และความร่วมมือจะช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพิ่มการจ้างงาน และส่งเสริมการท่องเที่ยว ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

เทรนด์การจัดงานยังมุ่งไปที่ Sustainability, Net zero emission, Carbon neutrality โดยจะมุ่งเน้นการสร้างความแตกต่างเพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งอย่างฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ปัจจุบันการจัด Exhibition ไม่ได้มุ่งเป้าที่ยอดผู้เข้าชมงานเหมือนในอดีต แต่มองถึงคุณภาพของผู้เข้าชมงานที่ตอบโจทย์กับงาน

ในปีนี้ สมาคมจะมีการผนึกพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนใหม่ๆ เพื่อให้ Eco System โต และยังเป็นการสร้างสตาร์ทอัป และผู้ร่วมแสดงสินค้า (Exhibitors) ที่มีแนวคิดใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น งาน Thailand MICE X-Change 2025 (TMX25) งานแสดงผลิตภัณฑ์ บริการและนวัตกรรมสำหรับการแสดงสินค้าและการจัดประชุม เป็นอีกหนึ่งงานสำคัญที่จะทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่ๆ ให้ได้แจ้งเกิด

สำหรับงาน TMX25 จัดขึ้นปีนี้เป็นปีที่ 2 ภายใต้ธีม “NEXHIBITION” ระหว่างวันที่ 2-3 เมษายน 2568 ณ พารากอน ฮอลล์ โดยปีนี้ผู้เข้าชมงานจะได้รับประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใคร รวมเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น AR/VR, Big Data, AI มาปรับใช้ในการจัดงานแสดงสินค้า ช่วยยกระดับการจัดงานแสดงสินค้าและการประชุมในรูปแบบที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และแนวทางการออกบูทตามแบบ ECO Friendly ด้วยอินโนเวชัน เป็นต้น ภายในงานยังมีหัวข้อสัมมนาที่น่าสนใจอีกมาก การจัดงานในครั้งนี้นับเป็นการเปิดประตูสู่การขยายตลาดใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ด้วยผู้เข้าชมงานจากฝ่ายการตลาดบริษัทเอกชน ผู้รับบริหารโครงการจัดงานภาครัฐ ฝ่ายจัดซื้อ ครีเอทีฟ บริษัทผู้จัดงานแสดงสินค้า งานอีเวนต์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัด International Pavilion ของประเทศต่างๆ เป็นต้น

​ในปีนี้ น.ส.ปนิษฐา ยังมีอีกหนึ่งภารกิจระดับชาติ กับการรับตำแหน่งประธานสมาคมการแสดงสินค้าโลก (UFI The Global Association of the Exhibition Industry) ซึ่งจะเริ่มเข้ารับตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายนนี้ นับเป็นหญิงไทยคนแรกและคนไทยคนเดียวที่ได้รับโอกาสให้เข้ามาบริหารงานใน UFI ซึ่งมีสมาชิกที่เป็นทั้งออแกไนเซอร์ ผู้จัดงาน สถานที่จัดงานรวมกว่าพันรายทั่วโลก มีอายุกว่า 100 ปี มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

​อย่างไรก็ตาม น.ส.ปนิษฐา กล่าวถึงการได้รับตำแหน่งนี้ว่า “ถือเป็น Life Changing เพราะเป็นโอกาสที่หาได้ยากในการได้ทำงานใกล้ชิดกับผู้บริหารระดับ CEO จากทั่วโลก เป็นประสบการณ์ที่มีค่าในการเรียนรู้ และพัฒนาวงการไมซ์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน”

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น