“จริง ๆ คุณแม่ทำมาประมาณเกือบ 20 ปีได้แล้วครับ พวกผมก็มาได้ประมาณ 5-6 ปี จากขายหน้าร้านอย่างเดียวเราก็ยังมีเดลิเวอรีผ่านแอพพลิเคชันแพลตฟอร์มต่าง ๆ แล้วก็พวก จัดเบรกจัดประชุมและก็กระเช้าอะไรต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมาก็เป็นการต่อยอดธุรกิจ”
มนุษย์เงินเดือน พนักงานออฟฟิศ ที่ไม่เคยคิดเรื่องมาค้าขายไม่เลย! นายจรัสรวี ฉายทอง (โค้ก) และ นายจตุรภัทร ชยุตพงศธัช (ไอซ์) ทั้งสองคนอายุ 34 ปีเท่ากันหลังจากที่ผันตัวมาเป็นพ่อค้าเพื่อเข้าสานต่อธุรกิจของแม่ “ร้านผลไม้สดคุณโจ” ตลาดนัด ใต้อาคารลิเบอร์ตี้ พลาซ่า ทองหล่อ หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อ คือ สำนักงานเขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร เมื่อช่วง 6 ปีที่แล้ว ก็ต่อเนื่องยาวมาจวบถึงปัจจุบันนี้กลายเป็นหัวเรี่ยวแรงหลักให้กับครอบครัวแทน
“คุณยาย คุณยายป่วยแล้วทีนี้เหมือนประมาณว่าคุณแม่เป็นหลักในการดำเนินธุรกิจตรงนี้ แล้วคุณแม่ก็ต้องไปดูแลคุณยายมันก็เลยเกิดผลกระทบว่าถ้าเกิดคุณแม่ต้องไปดูแลคุณยายป่วยติดเตียง ถ้าเกิดคุณแม่ไป ตรงนี้ก็จะไม่มีคนมาบริหาร แล้วทีนี้เราสองคนก็รู้สึกว่าไม่ได้! มันก็ต้องมาสานต่อธุรกิจของคุณแม่”
โค้กย้อนเล่าถึงจุดเปลี่ยนที่มาทำอาชีพนี้ให้ฟัง ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนต่างก็ทำงานประจำ เป็นพนักงานออฟฟิศ มนุษย์เงินเดือน“ก็พอลองได้ลงมาบริหารด้วยแล้วก็รู้สึก ต่างคนก็ต่างรู้สึกว่าแบบ ชอบ ชอบการขาย ชอบการค้าขาย ใช่ มันเป็นเหมือนเป็นการได้ผ่อนคลายอีกอย่างหนึ่ง แบบได้มาเจอผู้คนได้พูดได้คุยกับลูกค้าอะไรอย่างเงี้ยครับ ไม่เคยคิดว่าจะต้องเรียนจบมาแล้วมาขายของ อือ แต่พอลองได้ลงมือทำแล้วมันรู้สึกว่าแบบ แฮปปี้ ใช่” แล้วมันเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างดี ดีมาก ๆ เลย สำหรับการขายผลไม้
เข้ามาสานต่อธุรกิจของแม่ เพิ่มช่องทางการตลาดใหม่สู่ “เดลิเวอรี”
มันเหมือนเป็นช่วงจังหวะที่แบบเหมาะเจาะ พอเหมาะ ช่วงก่อนหน้านี้คุณแม่จะขายเป็น “ปอกพร้อมทาน” กับขายแบบผลไม้ชั่งกิโลด้วย ตอนนั้นก็คือจะมีเด็ก ๆ ที่เป็นคนช่วยปอกด้วยแล้วพอพวกผมสองคนได้เริ่มเข้ามาบริหาร ตรงกับช่วงที่มันเริ่มมี “เดลิเวอรี” เข้ามาพอดี
“ก็คือเหมือนว่ามันก็ตรงจังหวะที่พวกเราจะสามารถมาช่วยในการเสริม แบบเป็นช่องทางเพิ่มเติมนอกจากขายหน้าร้านอย่างเดียวเราก็ยังมี เดลิเวอรีผ่านแอพพลิเคชันแพลตฟอร์มต่าง ๆ แล้วทีนี้มันก็เหมือนแบบว่าเราก็คิดในเรื่องของ สติกเกอร์ โลโก้ ช่องทางในการติดต่อ พอเราติดไปตามกล่องปุ๊บเหมือนว่ามันก็กระจายไปเรื่อย ๆ”
เพราะว่าก่อนหน้านี้อย่างเรื่องแพคเก็จจิ้งเมื่อก่อนของคุณแม่ก็จะใส่ถุง เป็นแบบถุงจีบแล้วก็ใส่ผลไม้ปอกพร้อมทานตั้งโชว์ไว้ในตู้แช่เพื่อรอให้ลูกค้ามาเลือกซื้อไปทาน คือถ้าเป็นลูกค้าหน้าร้านมันก็สะดวกแต่ทีนี้พอเริ่มมีเดลิเวอรีเข้ามา แพคเก็จจิ้งมันก็สำคัญเราก็ต้องมีการพลิกแพลงและก็หาที่มันปิดสนิทแบบว่าขนส่งแล้วมันไม่เสียหาย และก็ดูมีสุขอนามัยมากกว่า พอเราทำให้มันเป็นแบบปิดสนิทแล้วมันก็ยังอัพราคาขึ้นได้อีกด้วย
หลังจากที่มีเดลิเวอรีก็เริ่มมีลูกค้าใหม่ ๆ หรือลูกค้าที่อยู่ไกล ๆ ติดต่อเข้ามาด้วย แล้วเราก็เริ่มสนใจว่า ถ้าเกิดว่าเราเข้าไปหากลุ่มลูกค้าที่เป็นแบบ เวลาเขามีจัดประชุมตามบริษัทอะไรอย่างเงี้ยด้วยมันน่าจะเป็นการต่อยอดได้ดีกว่าที่แบบขายหน้าร้านทั่วไป
ได้ทั้งลูกค้าประจำสั่งผลไม้ไปจัดเบรก หน้าร้านก็ไม่แผ่วขาย “ของดี” ราคาไม่แรง
แล้วลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นลูกค้าประจำ คือพอเวลาเราตีตลาดออกไปลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะกลับมาซื้อประจำ(การซื้อซ้ำ) จากเริ่มต้นก็คือจะเป็นกลุ่มของ พนักงานออฟฟิศ ในตึกเพราะว่าข้างบนจะเป็นบริษัทหลาย ๆ บริษัท รวมถึงที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของสำนักงาน “เขตวัฒนา” กรุงเทพมหานครด้วย
“แล้วทีนี้ก็พอเริ่มมีเดลิเวอรีก็เริ่มมีลูกค้าข้างนอกบ้างละ อย่างเช่นบางทีถ้าเกิดช่วงเทศกาล ปีใหม่ ตรุษจีน ฯลฯ ลูกค้าข้างนอกก็จะมาสั่งของเราเยอะเหมือนกัน ใช่ เป็นผลไม้ชั่งกิโล ผลไม้ไหว้เจ้า อะไรพวกนี้”
ที่สำคัญคือว่าร้านนี้ลูกค้าสามารถ “เคลม” ผลไม้ซื้อไปแล้วพบว่าเสีย/หรือเสียหายทางร้านก็ยินดีรับเคลมคืนให้ด้วย อย่างกรณีของผลไม้กิโลที่เราไม่สามารถรู้ได้ว่าข้างในมันเป็นอะไร เราก็จะบอกลูกค้าเสมอว่าถ้าเกิดสินค้าข้างในมันมีปัญหาสามารถเคลมได้100% เลย ลูกค้าสามารถถ่ายรูปแล้วก็ส่งมาให้ทางร้านดูเพื่อจะขอเคลมได้
“ส่วนผลไม้ปอกเราก็จะพยายามย้ำกับน้อง ๆ ทุกคนในร้านว่า ทุกคนต้องชิม ต้องชิมผลไม้ก่อนถ้าเปรี้ยวหรือว่ามัน ฝาดแล้วมันไม่ผ่าน เราก็คือจะไม่ใส่ให้กับลูกค้า หรือแม้กระทั่งผลไม้บางตัวอย่างเงี้ยถ้าเกิดลูกค้ามาซื้อเขาถามว่า ตัวนี้หวานไหม? ก็คือทุกคนก็ต้องตอบได้ว่า หวาน แล้วก็คือต้องตอบความจริงก็คือจะไม่โกหกลูกค้าเลย ถ้าเกิดตัวไหนมันเปรี้ยวหรือว่ามันฝาดเราก็คือจะไม่แนะนำให้ลูกค้าเอาไป อันนี้คือหลักสำคัญของร้านเรา”
ส่วนงานจัดเบรกตอนนี้ก็จะมีเป็นแบบ ลูกค้าประจำก็มีเริ่มมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น“ลูกค้าประจำของเราตอนนี้มีอยู่ที่อโศก อันนั้นเขาก็จะมีประชุมเกือบทุกวันเลยสำหรับออร์เดอของสภาวิชาชีพฯ แล้วก็จะมีของบริษัทที่อยู่ข้างบนตึกนี้ เขาก็จะเป็นการเซอร์วิสพนักงานสั่งวันละ 50 กล่องทุกวัน” จากราคาขายผลไม้ปอกให้พร้อมทานของที่ร้านจะเริ่มต้นที่ 25 บาท/กล่อง แต่ว่าพอเป็นเซ็ทหรือว่ากล่องสำหรับการสั่งไปจัดเบรกตัวนี้ราคาก็จะอัพขึ้นมาอีกนิดหนึ่งเป็น 50 บาท
“อย่างอันนี้เราจะเป็นกล่องละ 50 บาทเพราะว่า ลูกค้าจะได้หลายอย่างแล้วก็เราก็จะคัดผลไม้อย่าง ส้ม ก็จะเป็นส้มแมนดาริน เป็นผลไม้ที่แบบว่าพรีเมียมขึ้นมานิดหนึ่งอย่างแอปเปิล ก็จะเป็นแอมโบรเซียหรือไม่ก็แอปเปิลเอนวี่ สาลี่ก็เป็นสาลี่ทองและก็จะมีเป็นแอเปิลแคนดี้ อะไรอย่างเงี้ยครับคือเราเหมือนว่าคัดผลไม้คุณภาพ พรีเมียมขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง”
นอกจากนี้ก็จะเป็นพวกฝรั่งกิมจูมะม่วงแก้วขมิ้นอันนี้ก็คือราคาหน้าร้าน 25 บาทฝรั่งไส้แดงอย่างพวกนี้ก็จะมีให้เลือกทานได้ร่วมกับพริกเกลือก็จะมีพริกเกลือเผ็ด พริกเกลือเค็ม พริกเกลือบ๊วย พริกเกลือหวาน บางคนไม่ชอบทานเผ็ดหรือไม่ทานน้ำตาลก็จะมีเป็น เกลือป่น อย่างนี้ก็จะมีให้บริการแล้วก็อย่างมะม่วงแก้วขมิ้น ทางร้านก็จะมีเป็น น้ำปลาหวาน หรือว่าจะเป็นกะปิแห้ง กะปิหวาน กะปิภาคกลาง(น้ำตาลปีบ) ส่วน “ฝรั่ง” บางคนเขาชอบทานคู่กับน้ำตาลปีบ ซึ่งพวกนี้เริ่มทำมาตั้งแต่สมัยของคุณแม่แล้ว และก็จะมีทำโชว์ด้วยอย่างบางทีเวลามีออร์เดอก็จะทำเผื่อตั้งหน้าร้าน ลูกค้ามาเจอก็หยิบเหมือนกัน
“อย่างกล่องนี้คือ 60 บาท จะมีหลายอย่างเลย ลูกค้าบางคนก็ราดน้ำสลัดเลยจบ! กินตอนเช้า ใช่ หรือว่าถ้าอยากเป็นยำ เราก็จะมีน้ำปลาหวานให้สำหรับเทราด ก็เป็นยำผลไม้ได้เลย”หรือว่าลูกค้าบางคนเขาก็จะแบบว่าซื้อเป็นกิโล แต่ว่าเขาไม่อยากปอกเอง เขาก็มาให้เราปอกให้ก็มี กลายเป็นว่าต่อวันผลไม้ปอกให้พร้อมทานสามารถขายได้มากกว่าเพราะว่าจะตอบโจทย์ลูกค้าที่แบบว่า ขี้เกียจปอก ไม่ต้องปอกเอง ก็คือพร้อมทานเลย
ยอดขายผลไม้ได้วันละ 3-4 หมื่น! แต่ว่าการลงทุนก็หลักหมื่นต่อวัน
เสียงเล่าลือถึงยอดขายผลไม้ได้วันละ 3 หมื่นบาทจริงไหม? ซึ่งเรื่องนี้ทั้งโค้กและไอซ์ก็ยอมรับว่าจริงแต่ก็ได้พูดถึงการลงทุนในส่วนของ “ค่าผลไม้” ที่ซื้อเข้ามาต่อวันก็ต้องจ่ายเป็นเงินหลักหมื่นต่อวันเช่นกัน“เราเนี่ยลงทุนผลไม้วันหนึ่งอยู่ที่ประมาณ 1
หมื่นถึง 2 หมื่นบาทต่อวัน โดยประมาณ ทุกวันเพราะว่าเราจะพยายามเร่งขายให้หมดวันต่อวัน เราจะไม่อยากให้ผลไม้ค้าง ก็คือพยายามแบบทยอยออกให้ได้เยอะที่สุด เพราะพอค้างวันเนี่ยเราก็เริ่มรู้สึกไม่อยากเชียร์ให้ลูกค้าแล้ว” ส่วนใหญ่อย่างลูกค้าที่อยู่ออฟฟิศใกล้ ๆ กันอย่างเงี้ย บางทีเขาก็จะสั่งอย่างวันนี้เขาเข้าออฟฟิศเขาก็จะไลน์มาถามว่าวันนี้ที่ร้านมีอะไรบ้าง เขาก็จะส่งรายการให้ ก็จะเป็นแบบว่ารับหิ้วไปให้เพื่อน ๆ ที่ออฟฟิศด้วย แล้วเราก็มีบริการไปส่งเป็นทางผ่านพอดี ซึ่งเขาก็ชอบเพราะว่ามันพร้อมทาน
ผลไม้ที่ขายอยู่ในร้านก็จะมีทั้งของไทย “ผลไม้ตามฤดูกาล” อย่างเช่น มะม่วงเขียวเสวย ส้มโชกุน ชมพู่ทับทิมจันทน์ ก็สลับไปตามฤดูบางช่วงก็จะมีพวก ลองกอง ลำไย แต่ว่าที่ร้านจะไม่มี “ทุเรียน” จะไม่ได้ขายทุเรียนเลย เคยลองเอามาขายแล้วปรากฏว่ามันทำไม่ทัน มันปอกไม่ทัน คือพอเรามีทั้งผลไม้อย่างอื่นที่ปอกขายหน้าร้านด้วยและก็มาปอกทุเรียนขายด้วย ปรากฏว่าไม่สามารถบริหารจัดการทั้งสองอย่างได้ทัน! เคยลองแล้ว มันก็มีเป็นแบบว่าเขาทำสำเร็จมาแล้วแต่ว่าเราไม่ชัวร์ ก็เลยไม่ขายดีกว่า ส่วนของ “ผลไม้นอก” ก็จะเป็น หลัก ๆ ก็จะเป็นแอปเปิล สาลี่ องุ่น ฯลฯ หรือผลไม้สำหรับไหว้ก็จะมีครบเลย มะพร้าว กล้วย สับปะรดแบบเป็นหัว เรายกมาได้หมดเลย
ดราม่าเรื่อง “ราคา” ก็มี! ขายผ่านเดลิเวอรีที่เจอคอมเมนต์ลบ ๆ
ส่วนเรื่องของดราม่าที่เจอคุณโค้กเล่าให้ฟังด้วย ก็ในเดลิเวอรีแหละก็คือตอนแรก ๆ ก็ทำจิตตกไปเหมือนกัน เพราะว่าบางคนคอมเมนต์แบบว่าค่อนข้างที่แบบว่ารุนแรงเหมือนกัน “แต่ว่าเราก็รู้สึกว่าเราพยายามทำเต็มที่ แล้วก็ทำให้มันดี แต่บางทีเราก็แบบว่าก็มานั่งคุยกันว่า เราก็อย่าไปจิตตกกับตรงนั้นมากเพราะบางทีคนเรามันไม่เหมือนกันเนาะ ถ้าเกิดว่าเราไปแบบจิตตกตามด้านลบมันก็จะทำให้ไม่ดีต่อสุขภาพเรา แรก ๆ คือแบบไล่เปิด ช่วงแรก ๆ ที่ทำแบบว่าคอยพยายามไล่ดูคอมเมนต์ รีวิวลูกค้า จนแบบ เกือบเสียสุขภาพจิตไปเหมือนกันตอนนั้น”
อย่างเช่นบางคนก็บอกว่า ราคาสูงไป ซึ่งอันนี้เราต้องแจ้งก่อนว่าราคาในเดลิเวอรีคือเราต้องบวกเพิ่มไปอีก เพราะว่าเราโดนหักค่าจีพีไปประมาณ 32% ที่นอกเหนือจากราคาหน้าร้านแล้ว แต่นี่ก็เป็นส่วนน้อยที่เราเจอมา แต่แบบว่าอย่างนี้ก็มีนะ คอมเมนต์ให้ 1 ดาว แล้วก็บอกว่า แย่ ก็มี! โดยที่ไม่แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมอะไรเลย แล้วอย่างบางเรื่องที่เขาคอมเมนต์มาเราก็เออดีเหมือนกัน เราจะได้มองอีกมุมหนึ่งเพื่อที่จะมาพัฒนาร้านของเราเองให้มันดีขึ้น อย่างบางเคส ถ้าเกิดเราคิดว่าร้านเรา เราไม่ได้ผิดนะ บางทีเราก็ดิวตรงโทรหาลูกค้าเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
พยายามทำให้เต็มที่ ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า คัดสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขา
คุณโค้ก-นายจรัสรวี ฉายทอง เจ้าของร้าน “ผลไม้สดคุณโจ” บอกด้วย ก็พยายามทำให้เต็มที่ ยิ่งเวลาสมมุติว่าลูกค้าที่บ้านกับลูกค้าหน้าร้านโอกาสในการเลือก “ของ” เขาจะไม่เหมือนกัน อย่างลูกค้าหน้าร้านเขาสามารถเลือกสิ่งที่เขาต้องการเองได้แต่ว่า อย่างลูกค้าเดลิเวอรีที่อยู่ที่บ้านเราก็พยายามจะแบบคัดสิ่งที่ดีที่สุดให้เขา ขณะที่ไอซ์ก็ร่วมเสริมด้วย
“พวกผมจะเอนจอยกับการค้าขายเหมือนว่า เราได้มาแบบพูดคุยมาเจอเพื่อนมาเจอสังคม มันทำให้ไม่เบื่อเลยที่ได้มาตรงนี้ มันสนุก มันแบบบางทีวันหยุดยังไม่อยากอยู่บ้าน อยากออกมา ที่นี่หยุดเสาร์-อาทิตย์” ร้านจะเปิดขายในช่วงของวันทำงานปกติ (จันทร์-ศุกร์) ตั้งแต่เวลา 06.00-14.00 น. เวลาหยุดทีหนึ่งก็เป็นแบบระบบราชการเลย หยุดตามราชการเลย“นอกเสียจากว่าบางทีบางเสาร์เราก็มานึกอยากแบบไม่อยากอยู่บ้านก็พากันมา เปิดขายเดลิเวอรีเพราะบางทีมีออร์เดอเราดูแล้วว่ามันคุ้มทุน เราก็มา เพราะบางออร์เดออย่างบางเสาร์ 700 กล่อง ก็เลยต้องมา”
พอเรามาอยู่จังหวะนี้มันรู้สึกต่อวันมันเห็นเงินชัดกว่า มันได้เงินชัดและก็แบบว่าสามารถบริหารจัดการอะไรต่ออะไรได้ และก็ดูแลทั้งเรื่องของที่บ้านคือสามารถ cover ได้ทั้งหมดเลย“ณ วันนี้คุณแม่ก็กลับมาขายด้วย เหมือนเป็นที่ปรึกษา เป็นที่ปรึกษาและก็คอยแนะนำอะไรต่าง ๆ เพราะว่าคุณแม่เขาก็ยังมีฐานลูกค้าของเขาอยู่ค่อนข้างเยอะแล้วก็แกเป็นคนไม่ชอบอยู่เฉย ๆ”มันก็ไม่ได้ยากสำหรับคนที่สนใจอยากจะเริ่มทำธุรกิจนี้ อาชีพขายผลไม้ แต่ว่าหลักสำคัญเลยก็คืออยากให้เรา “ซื่อสัตย์” และก็จริงใจกับลูกค้า ผู้บริโภค“ก็คือยังไงเราต้องแบบเอาลูกค้าไว้ก่อน ผลไม้หรือวัตถุดิบต่าง ๆ ที่เรานำมาส่งต่อให้ลูกค้าอย่างเงี้ยคืออยากให้แบบว่าดูให้ดี คัดให้ดี ๆ ก็คือแบบใส่ใจและก็รักที่จะทำมันจริง ๆ” เพราะว่าโค้กรู้สึกว่าจริง ๆ มันเป็นธุรกิจที่ไม่ได้ยาก ผลไม้อะไรอย่างเงี้ยก็คือขอแค่เราใส่ใจและก็ดูนิดหนึ่งเพราะว่า มันไม่ได้เหมือนร้านอาหารตามสั่งหรือว่าร้านอาหารที่มันจะต้องมีขั้นตอนการปรุงในการเอามาผัด แต่อย่างผลไม้คือเราไปรับมาเป็นลูกแล้วเราก็แค่เอามาคัด ปอก ผ่า ใส่กล่องพร้อมทานได้เลย คือขั้นตอนมันไม่ได้ยุ่งยาก
เข้ามาต่อยอดธุรกิจแม่ขายผลไม้ปอกให้พร้อมทานใต้ถุนอาคารสำนักงานแค่ ‘จ-ศ’ ยอดขายวันละ 3 หมื่น! ขอบคุณพ่อค้าหนุ่มทั้งสองคน“คุณโค้ก-คุณไอซ์” ที่กรุณาร่วมแบ่งปันเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจดี ๆ การทำอาชีพที่ดูง่าย ๆ แต่ว่าถ้าหากขาดความใส่ใจและทักษะความเชี่ยวชาญที่จำเป็นเฉพาะประกอบด้วย ก็คงยากที่จะสำเร็จได้ ขอบคุณ “คุณแม่โจ” ผู้เป็นต้นฉบับของร้านผลไม้สดคุณโจที่มาร่วมให้ความรู้เรื่องผลไม้ในครั้งนี้ สามารถแวะไปอุดหนุนร้านค้าที่มีผลไม้คุณภาพ ๆ และราคาที่ไม่แพงเลยหากเทียบกับความเป็นย่านเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ อย่างซอยทองหล่อ ได้ที่ร้านผลไม้สดคุณโจ ตลาดนัด ใต้อาคารลิเบอร์ตี้ พลาซ่า ทองหล่อ สอบถามเพิ่มเติมโทร.064-617-7717 ไลน์ : icdbavarian หรือถ้าหากใครผ่านไปทางย่านนั้นลองแวะเข้าไปหาของกินอร่อย ๆ เป็นมื้อเที่ยงที่ราคาไม่แรงเลยก็มีให้เลือกทั้งอาหารคาว-หวาน รับรองว่าอิ่มอร่อยและคุ้มค่าอย่างแน่นอน
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด