หม่อมปริม บุนนาค หรือ หม่อมปริม ยุคล ณ อยุธยา เป็นหม่อมในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล และเป็นอดีตนักแสดง ให้สัมภาษณ์ นิตยสาร เมื่อปี 2564 ในวัย 94 ปี เล่าถึงลูกชุบ ขนมไทยที่ตนเองทำว่า “…ตอนนี้อายุ 94 ปี 5 เดือนแล้ว แต่ใครออเดอร์มาก็ปั้น สมัยก่อนคนอื่นขายกันลูกละสลึง ของเราขายลูกละ 5 บาท ตอนนี้ขึ้นราคาลูกละ 7 บาทสำหรับลูกชุบผลไม้ ถ้าเป็นผักสวนครัวคิดลูกละ 10 บาท…”
หากใครได้เห็นหรือได้ชิมลูกชุบของ “หม่อมปริม” ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยเกินราคามาก นอกจากรูปร่างภายนอกที่เหมือนผักผลไม้นั้นๆ แทบแยกของจริงกับลูกชุบไม่ออกแล้ว เพราะหม่อมปริมพิถีพิถันในการทำมาก หากเป็นผักสวนครัว เช่น มะเขือ พริกหยวก พริกชี้ฟ้าจะต้องปั้นให้มีขนาดเท่ากับขั้วและสมดุลกับก้าน เพราะเมื่อปั้นเสร็จแล้วจะต้องติดก้านและขั้วของจริงกลับไป
“…ลูกชุบของเราใส่มะพร้าวขูดผสมเข้าไปด้วย เพื่อให้เนื้อถั่วมีความกรุบ แต่ต้องเลือกร้านที่ขูดแต่มะพร้าวขาวๆ ไม่มีเปลือกกะลาติดมา กวนให้แห้งได้ที่แล้วถึงนำมาปั้น กวนถั่วกันวันต่อวันเพราะไม่ใส่สารกันบูด ส่วนก้านผักที่นำมาใช้ก็ต้องแช่น้ำล้างยาฆ่าแมลงออกก่อน เคยมีคนมาสั่งที 2 พันลูก ปั้นกัน 3 วัน 2 คืน…”
ในวัยเยาว์หม่อมปริมเคยวิ่งเล่นอยู่ที่บ้านและอาศัยอยู่กับท่านเจ้าจอมพิศว์ ในรัชกาลที่ 5ผู้มีศักดิ์เป็นย่าทวด เคยได้เป็นลูกมือทำงานฝีมือของลูกผู้หญิง ทั้งอาหารคาวหวาน แกะสลักผักผลไม้ ร้อยดอกไม้ วันหนึ่งคุณย่าแฝดซึ่งอยู่ในบ้านเดียวกันกำลังปั้นขนมลูกชุบอยู่ จึงหันมาถามหลานว่า ‘ปั้นได้ไหม’
หม่อมปริมในวัย 12 ปีที่ยังไม่เคยปั้นเลยสักครั้ง ตอบด้วยความมั่นใจว่าปั้นได้ และยังเลือกปั้นทับทิมปอกเปลือก ที่ถือว่าเป็นลูกชุบที่ปั้นยากมากอย่างหนึ่ง เพราะต้องปั้นทีละเม็ดแล้วนำไปติดให้เป็นลูกทับทิม ตั้งแต่นั้นมาการปั้นลูกชุบก็อยู่คู่หม่อมปริมมาตลอดและขึ้นชื่อว่าเป็นขนมลูกชุบที่อร่อย และประณีตงดงามที่สุด
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมหม่อมปริมในวัยนี้ถึงต้องยังนั่งทำลูกชุบอยู่ หม่อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนตอบว่า “คนเราต้องมีอะไรทำนะ อย่าอยู่นิ่งๆ เฉยๆ ไปวันๆ เป็นคนไม่นอนกลางวัน จะนอนต่อเมื่อรู้สึก ลุกไม่ไหวเท่านั้น แต่ถ้ามีแรงลุกขึ้นได้ก็ทำไปเรื่อย ไม่มีอะไรทำ ผ้าผืนนึงก็เช็ดขี้ละออง จัดบ้าน ชอบให้บ้านสะอาด”
ที่มา นิตยสาร Hello