ทำความรู้จักกับ “ปูอ่องอุ้ยหม่อน” อ่องมันปูนาออร์แกนิกจากเมืองเชียงรายที่เริ่มต้นจากความหิวและโหยหาสูตรปูอ่องของยายทวดจนต่อยอดเป็นธุรกิจของตัวเอง แต่เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเพราะลงทุนครั้งแรกก็โดนโกง แต่ไม่ย่อท้อต่อยอดมาได้จนถึงปัจจุบันที่ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์ และสร้างยอดขายพีคสุดในช่วงโควิด-19 เดือนละ 3-4 แสนบาท
นางสาวเบญจมาภรณ์ คำบึงกลาง เจ้าของร้านปูอ่องอุ้ยหม่อน เล่าว่า เธอเติบโตมากับปูอ่องตั้งแต่เด็กจนโตและได้สูตรจากยายทวด เมื่อย้อนเวลาไปหลายปีในช่วงที่เธอไปทำงานต่างจังหวัดปูอ่องจะหากินยากในต่างพื้นที่ จนกระทั่งกลับมาทำงานแถวบ้านเกิดก็ได้ซื้อกินบ้างแต่ก็ไม่อร่อยเท่าสูตรของยายทวดที่เคยทำให้กิน ทำให้เธอลองทำเองและแจกให้คนรอบตัวชิม ประจวบกับในช่วงนั้นเธอได้ทำงานเป็นช่างไฟพร้อมกับขายของออนไลน์อย่าง สบู่ ครีมต่างๆ ควบคู่ไปด้วย แต่เมื่อมาถึงจุดหนึ่งก็เริ่มคิดไปถึงการสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา ซึ่งสิ่งที่นึกถึงเป็นอันดับแรกก็คือ “ปูอ่อง” โดยภาพจำในอดีตของปูอ่องคือการอยู่ในกระดองปู เธอจึงปิ๊งไอเดียการบรรจุในกระปุกต่างๆ เพื่อง่ายต่อการขายและการขนส่ง หลังจากนั้นก็เริ่มขยายพื้นที่ด้วยการเช่าตึก 4 ชั้น ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นและมีการจ้างพนักงานเข้ามา โดยจะเป็นลูกหลานและญาติที่กำลังตกงานมาช่วยทำสินค้าขาย
ในช่วงแรกที่เริ่มทำธุรกิจลงทุนไปทั้งหมด 4,000 บาท เพื่อสั่งซื้อปูนาแต่กลับโดนโกงในขณะที่อีก 2 วันจะต้องส่งของให้ลูกค้า เรียกว่าเป็นวิกฤตตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจเลยก็ว่าได้ จนในที่สุดได้หยิบยืมเงินจากคุณแม่จำนวน 2,000 บาทเพื่อไปซื้อปูนาในพื้นที่ใกล้บ้านและนำมาผลิตเป็นปูอ่องส่งให้ลูกค้าในท้ายที่สุด เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นบทเรียนให้กับเจ้าของแบรนด์ ทำให้เรียนรู้ถึงการเลือกซื้อวัตถุดิบจากแหล่งที่น่าเชื่อถือจะได้ไม่เสี่ยงต่อการโดนโกง
หลังจากผลิตเสร็จก็ส่งให้กับลูกค้า แต่ก็ต้องเจอกับปัญหาอีกครั้งเมื่อกระปุกที่บรรจุปูอ่องไม่ตอบโจทย์เพราะเป็นกระปุกเหมือนกระปุกกะปิทำให้สินค้าเน่าเสียไม่สามารถนำไปรับประทานได้ จำเป็นต้องคืนเงินให้กับลูกค้าทั้งหมด ซึ่งเธอก็ได้ปรับแพคเกจจิ้งใหม่โดยเปลี่ยนมาใช้เป็นกระปุกแก้วเพื่อความปลอดภัยของตัวสินค้า
สำหรับปูที่นำมาผลิตเป็นปูอ่องนั้น เจ้าของแบรนด์เปิดเผยว่าใช้เป็นปูนาเท่านั้นและนำเอาแค่ส่วนของมันปูมาผลิต ปูที่รับซื้อมาก็มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เจ้าของแบรนด์ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าปูนาจะมีความออร์แกนิกในตัวเพราะถูกเพาะเลี้ยงและเติบโตมาจากนาข้าวที่ไม่ใช้สารเคมี ดังนั้นปูนาที่รับมาจึงเป็นปูที่ไร้สารเคมี เพราะถ้าหากมีสารเคมีปูก็จะตายนั่นเอง
ในช่วงโควิด-19 หลายธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างหนักแต่ทางแบรนด์กลับตรงกันข้ามสามารถสร้างยอดขายจากการขายปูอ่องออนไลน์ได้พีคสุดถึงเดือนละ 3-4 แสนบาท ซึ่งเจาะกลุ่มลูกค้าตัวแทนจำหน่ายเป็นหลักเพราะเคยมีฐานลูกค้ามาก่อนจากการขายของออนไลน์ หลังจากนั้นก็เริ่มเข้าร่วมกับ Shopee และขายดีทำให้ธุรกิจเติบโตได้เป็นอย่างดี โดยในช่วงนั้นขึ้นเป็นอันดับ 1 ของยอดการสั่งซื้อมากที่สุดในสินค้าประเภทมันปู หลังจากพ้นโควิด-19 ก็เริ่มต่อยอดธุรกิจเพราะคิดว่าปูอ่องจะไม่เป็นกระแสตลอดไป แต่ทางแบรนด์จะทำให้เป็นรายได้หลักของครอบครัว จึงพัฒนาและปรับปรุงให้เป็นแบรนด์อย่างจริงจัง โดยเข้าขอมาตรฐาน อย. และจัดตั้งบริษัท เพื่อให้ได้มาตรฐานในการผลิตและคุณภาพของสินค้า
ปัจจุบันเปิดกิจการมาได้ประมาณ 7-8 ปี มีกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศและกลุ่มลูกค้าที่รับหิ้วไปต่างประเทศ ซึ่งในประเทศลูกค้าภาคกลางให้ความสนใจมากกว่าภาคอื่น นอกจากนี้ในพื้นที่เริ่มมีแบรนด์อื่นทำเหมือนกัน ทำให้ทางร้านจำเป็นต้องพัฒนาแบรนด์อยู่ตลอดโดยเน้นไปที่การทำเป็นออร์แกนิก เพราะปูที่รับมานั้นมาจากทุ่งนาที่เป็นออร์แกนิกที่ชาวบ้านรวมตัวกันสร้างขึ้นกว่า 2,000 ไร่และอีกหลายที่ บวกกับการขอมาตรฐาน อย. จึงทำให้ความออร์แกนิกเป็นจุดแข็งของแบรนด์
ธุรกิจจำเป็นต้องไปต่อเพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทางแบรนด์ได้รู้จักกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธพว. หรือ SME D Bank ที่เข้ามาสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเอสเอ็มอี โดยได้เงินทุนมาพัฒนาและต่อยอดในส่วนของกำลังการผลิตและกำลังซื้อวัตถุดิบเพื่อให้เพียงพอต่อการผลิตให้ลูกค้า
ทั้งนี้ทางแบรนด์ได้มีการมองถึงโอกาสการส่งออกไปต่างประเทศโดยมองไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เกาหลีและญี่ปุ่น เพราะตัวแทนจำหน่ายหรือลูกค้าที่รับหิ้วส่วนใหญ่มักสั่งซื้อไปที่ 4 ประเทศดังกล่าว ซึ่งทางแบรนด์มองว่าการร่วมมือกับดีลเลอร์จะสะดวกมากกว่าส่งออกเอง เพราะคนในพื้นที่จะสะดวกกว่านั่นเอง
ในส่วนของกำลังการผลิตในปัจจุบันสามารถผลิตได้วันละ 800 กระปุก แต่สามารถผลิตได้สูงสุดวันละ 2,000 กระปุกถ้าหากออเดอร์มีจำนวนมากและเร่งรีบ ปัจจุบันมีทั้งหมด 4 ขนาดได้แก่ 25, 40, 80, 200 และ 450 กรัม มีทั้งหมด 4 สูตร ได้แก่ ปูอ่องสูตร 1 ราคา 199 บาท, สูตร 2 ราคา 169 บาท, สูตร 3 ราคา 139 บาท และอ่องมันกุ้งสูตร 4 ราคา 159 บาท ซึ่งแต่ละสูตรความเข้มข้นจะแตกต่างกันและไม่มีแป้งผสม ซึ่งปูอ่องสูตร 1 จะเป็นตัวที่ขายดีที่สุดของทางร้านและสามารถเก็บรักษานอกตู้เย็นได้ 7 วัน ในช่องแช่แข็งได้ 3-6 เดือน นอกจากนี้มีตัวแทนขายหน้าร้านแต่จำนวนน้อยกว่าออนไลน์ โดยแบ่งไปตามตัวแทนจำหน่ายและร้านขายของฝาก
อย่างไรก็ตาม การต่อยอดธุรกิจในอนาคตทางแบรนด์ได้วางแผนถึงการแตกไลน์การผลิตด้วยการผลิตวัตถุดิบปูอ่อง เป็นโรงงานแกะมันปูเพื่อส่งวัตถุดิบขายบนโมเดิร์นเทรด ห้างสรรพสินค้าต่างๆ และพัฒนาปูอ่องให้ได้คุณภาพและเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าได้
ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook : ปูอ่องอุ้ยหม่อนเชียงราย มันปูนาที่แท้ทรูและอาหารบ้านๆ
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *
