ในยุคที่ปัญหาพฤติกรรมเสี่ยงของเยาวชนเป็นประเด็นสำคัญของสังคม "โครงการโรงเรียนคำพ่อสอน" โดยสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) จากการดำเนินการมากว่า 9 ปี พบว่า การเริ่มต้นสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ครูเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเสี่ยงของเยาวชนและยังสร้างพฤติกรรมด้านบวกให้เยาวได้อีกด้วย โดยโครงการโรงเรียนคำพ่อสอนเริ่มต้นพาครูเรียนรู้เพื่อสร้างความเข้าใจในตัวเอง เข้าใจในความแตกต่างของมนุษย์ ใช้ความรักความเมตตา เข้าใจ ให้อภัย ให้โอกาส ทำหน้าที่เป็นพ่อแม่ที่ 2 นักเรียนจะอบอุ่นใจว่าเขามีคุณค่าในสายตาครูเขายังมีครูเป็นที่พึ่ง
รวมถึงการเปิดพื้นที่ให้นักเรียนได้ทำความดีเพื่อผู้อื่นในสิ่งใกล้ตัวอย่างต่อเนื่องเป็นวิถีชีวิตในโรงเรียน เช่น พี่สอนน้อง ซึ่งเป็นการทำกิจกรรมร่วมกันเป็นหมู่คณะของนักเรียน ส่งผลให้นักเรียนเห็นคุณค่าในตัวเอง (Self Esteem) เกิดสัมพันธภาพที่ดีระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง และครูต้องมีท่าทีในเชิงบวกกับนักเรียนเช่น ยิ้ม หาเรื่องชื่นชม ตั้งใจรับฟังในสิ่งที่นักเรียนพูด เป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งตรงตามกระแสพระราชดำรัสเพื่อปฏิรูปการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) “..ให้ครูรักเด็กและเด็กรักครู ให้ครูสอนเด็กให้มีน้ำใจต่อเพื่อนไม่ให้แข่งขันกันแค่ให้แข่งกับตัวเอง ให้เด็กที่เรียนเก่งกว่าช่วยสอนเพื่อนที่เรียนช้ากว่า ให้ครูจัดกิจกรรมให้นักเรียนทำร่วมกันเพื่อให้เห็นคุณค่าของความสามัคคี..”
แนวปฏิบัติดังกล่าวนี้สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตเด็กนักเรียนได้อย่างแท้จริง โดยโครงการนี้มิได้เพียงช่วยลดพฤติกรรมเสี่ยงของเด็กๆ เช่นเลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เลิกสูบบุหรี่ ไม่หนีเรียน ลดความก้าวร้าวรุนแรงในโรงเรียนแล้ว แต่ยังส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวก ทำให้การเรียนรู้ด้านวิชาการของเด็กดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ขยายความสำเร็จจากประถมสู่มัธยม
จากความสำเร็จของโครงการในระดับประถมศึกษา ได้นำไปสู่การขยายผลสู่ระดับมัธยมศึกษา โดย "โรงเรียนชุมชนวัดหาดสำราญ" สำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษา (สพป.) จังหวัดชุมพร เขต 2 เป็นหนึ่งในโมเดลต้นแบบของการประยุกต์ใช้แนวทางของโครงการโรงเรียนคำพ่อสอนจนเกิดผลสำเร็จ
น ส.รจนา กลิ่นหอม ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนวัดหาดสำราญ ตำบลหาดยาย อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร กล่าวว่า "โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนขยายโอกาส มีทั้งนักเรียนประถมศึกษา (ป.1-ป.6) และมัธยมศึกษา (ม.1-ม.3) ซึ่งก่อนหน้านี้พบปัญหาด้านพฤติกรรมของเด็ก เช่น การไม่เข้าเรียน การยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข เราจึงได้นำหลักการของโรงเรียนคำพ่อสอนมาใช้กับเด็กระดับมัธยมในกระบวนการเดียวกัน แต่ละเอียดอ่อนต่างกัน ด้วยพฤติกรรมเป็นเด็กที่โตกว่า โดยมีกิจกรรมที่โรงเรียนได้นำมาจากโครงการโรงเรียนคำพ่อสอนมาทำเป็นกิจวัตรหรือเป็นวิถีของโรงเรียนคือ 'เปิดเทอมสร้างสุข ให้ความรักก่อนให้ความรู้' เช่น การกอด ยิ้ม ชม สบตา สวัสดี ซึ่งโครงการโรงเรียนคำพ่อสอนได้พาครูไปเรียนรู้จิตวิทยานีโอฮิวแมนนิส กับ รศ.ดร.เกียรติวรรณ อมาตยกุล เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างครูกับนักเรียน
นอกจากนี้ ยังมีขบวนการตาสับปะรด ที่ให้นักเรียนช่วยกันสอดส่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและรายงานครูโดยไม่เปิดเผยตัวตน ซึ่งช่วยลดปัญหาการหนีเรียนและพฤติกรรมเสี่ยง ซึ่งเด็กมัธยมสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต เข้าถึงสื่อโซเชียลได้ง่าย เช่น บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งมาในรูปแบบต่างๆ เราต้องใส่ใจให้มาก การชวนนักเรียนมาทำกิจกรรมในหลายๆ มิติ มอบหมายให้มีบทบาทในกิจกรรมต่างๆ จะทำให้เขารู้สึกมีคุณค่าและได้รับการยอมรับจากสังคม เด็กจะมีความภูมิใจในตนเอง ผลลัพธ์ที่ได้ คือ เด็กมีจิตสาธารณะมากขึ้น ลดพฤติกรรมก้าวร้าว และเรียนรู้เกี่ยวกับโทษภัยของยาเสพติดอย่างมีประสิทธิภาพ"
เปลี่ยนแปลงครู สู่การเปลี่ยนแปลงเด็ก
“โรงเรียนคำพ่อสอน” ที่เริ่มต้นจากการเปลี่ยนพฤติกรรมของครูที่เข้าร่วมโครงการ ทำให้เกิดความเข้าใจต่อพฤติกรรมของนักเรียนและรับฟังนักเรียนมากขึ้น ทำให้นักเรียนมีความกล้าเข้ามาปรึกษาครู การเปลี่ยนแปลงของครู จึงนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเด็กนักเรียนเช่นกัน
น ส.เบญจมาศ คงคาชัย หรือ "ครูบิว" โรงเรียนชุมชนวัดหาดสำราญ อ.หลังสวน จ.ชุมพร กล่าวถึงแนวทางการนำโครงการ "โรงเรียนคำพ่อสอน" มาประยุกต์ใช้ว่า "เมื่อก่อนครูบางคนอาจจะใช้คำพูดรุนแรงกับเด็ก แต่หลังจากเข้าร่วมโครงการ ครูกลายเป็นผู้รับฟังที่ดี ใช้คำพูดสุภาพ และให้ความรักความเข้าใจเด็กมากขึ้น ส่งผลให้เด็กกล้าปรึกษาครู ลดช่องว่างระหว่างครูกับนักเรียน และทำให้บรรยากาศในโรงเรียนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด" นอกจากนี้ ทางโรงเรียนยังมีกิจกรรม "พี่สอนน้อง" ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนมัธยมเป็นพี่เลี้ยงดูแลน้องประถม ส่งเสริมความรับผิดชอบและภาวะผู้นำ ทำให้เด็กๆ รู้สึกมีคุณค่า และช่วยลดปัญหาพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ และการใช้สื่อโซเชียลในทางที่ผิดอีกด้วย
เปลี่ยนแปลงตนเองจนเป็นแบบอย่าง
ด.ช.จรูญโรจน์ ปานมณี หรือน้องกัน นักเรียนชั้น ม.2 เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากโครงการโรงเรียนคำพ่อสอน เดิมทีเขาติดบุหรี่ตั้งแต่ชั้น ม.1 เนื่องจากอิทธิพลจากเพื่อนกลุ่มเก่า แต่เมื่อครอบครัวทราบและขอให้เลิก เขาจึงตัดสินใจเลิกสูบบุหรี่โดยอาศัยกิจกรรมสนับสนุนของโรงเรียน เช่น การเข้าร่วมโครงการ "พี่สอนน้อง" และการใช้ลูกอมเลิกบุหรี่ที่ทางโรงเรียนจัดทำขึ้น
น้องกันกล่าวว่า “พอเลิกบุหรี่ได้ ผมรู้สึกดีขึ้นมาก มีความตั้งใจเรียน และอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องๆ ในโรงเรียน ตอนนี้เข้ามาเป็นทีมงาน ทำกิจกรรมดีๆ สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนครับ"
โมเดลแห่งการสร้างสังคมที่ดี
นอกจากนี้ ทางโรงเรียนยังได้เชื่อมโยงโครงการกับชุมชน โดยการนำทรัพยากรที่มีอยู่มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น "สาหร่ายใบไชยาทอดกรอบ" และ "ชามัทฉะไชยา" (ชาเขียว) ซึ่งได้รับรางวัลระดับจังหวัด นอกจากนี้ ยังมี "ลูกอมหญ้าหมอน้อย" ที่ได้รับการตอบรับอย่างดี ทำให้นักเรียนได้เรียนรู้การสร้างรายได้ และเพิ่มความภาคภูมิใจในตนเองด้วย
การนำกระบวนการจากโครงการ "โรงเรียนคำพ่อสอน" มาใช้ในโรงเรียนชุมชนวัดหาดสำราญได้สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม ไม่เพียงแต่ลดพฤติกรรมเสี่ยงของนักเรียน แต่ยังช่วยปรับเปลี่ยนแนวทางการสอนของครูและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในโรงเรียน โมเดลนี้แสดงให้เห็นว่า หากมีแนวทางที่เหมาะสมและการสนับสนุนที่ดีจากครู ผู้ปกครอง และชุมชน ก็สามารถสร้างโรงเรียนที่เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และการพัฒนาเยาวชนได้อย่างแท้จริง