“หนูชอบกินผัก” เป็นเพจขายผักของสาวชื่อว่า “เก้” (สุกัญญา จันทร์หอม) เธอหันมาปลูกผักช่วงโควิด ถึงตอนนี้ผ่านมา 5 ปี และโด่งดังจากการไลฟ์สด โพสต์เรื่องราวการปลูกผัก และด้วยความน่ารักสดใสในวัย 25 ปี และการให้ความรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการปลูกผักของเธอ ทำให้มีผู้ติดตามช่วงโควิด มากกว่า 1 แสนคน จากปลูกผักไว้กินเอง กลายเป็นอาชีพหลักเลี้ยงและดูแลคนในครอบครัว
โควิดเป็นเหตุ...ปลูกผักขาย
สุกัญญา (เก้) เล่าถึงจุดเริ่มต้นที่มาปลูกผัก และจุดเริ่มต้นของการทำเพจ “หนูชอบกินผัก” ว่า เมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ความคิดริเริ่มแค่จะปลูกผักไว้กินเองในช่วงโควิด ทำไปทำมาเริ่มเห็นช่องทางเลยทำเพจ "หนูชอบกินผัก" ขึ้น โดยตั้งใจจะขายต้นกล้าผัก เพราะช่วงโควิดหลายคนทำงานที่บ้าน มีเวลาได้ปลูกต้นไม้ ปลูกผักไว้กิน ตนเลยคิดว่า ถ้าทำเพจและขายต้นกล้าผักของเราน่าจะขายได้ เป็นที่มาของเพจ หนูชอบกินผัก ตอนนี้ผ่านมากว่า 5 ปี บนเส้นทางจากปลูกกินผักอินทรีย์ไว้กินเองกลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้สามารถดูแลตนเองและคนในครอบครัวได้
“แม้ว่าปัจจุบันมีแพลตฟอร์มต่างๆ มากมาย นอกจากขายต้นกล้าผัก มีคนมาซื้อเมล็ดพันธุ์ วัสดุปลูก พีทมอส ปุ๋ย ดิน เรามีโอกาสจัดหาอุปกรณ์มาขายเรื่อยๆ ตามที่ลูกค้าต้องการ และใช้การทำคลิปแนะนำสินค้าของเรา ทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ พอมีคนเห็นว่าปลูกผัก ผักสวยน่ากินก็ขอซื้อ พอคนซื้อมากขึ้น ผักไม่พอก็ขยายแปลงปลูก จนทุกวันนี้แปลงปลูกผักเต็มพื้นที่ 1 ไร่”
ปลูกผักแล้วจะขายใคร หนูชอบกินผักมีคำตอบ
ทั้งนี้ ก่อนที่จะมาปลูกผักหลายคนจะทักว่าปลูกผักจะไปขายใคร ตอนนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า ลูกค้ามาจากทั่วประเทศ ที่เห็นเพจหนูชอบกินผัก เมื่อก่อนลูกค้าในพื้นที่น้อยมาก ส่งต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ และคุณเก้ บอกว่า มักจะเจอคำถามที่ถูกถามบ่อย คือ “ลูกค้าจะมาจากไหน” อยากจะบอกว่า ไม่ว่าจะขายอะไร ลูกค้ามีอยู่ทุกที่ แต่ทำยังไงให้เขารู้ว่าเราขายของที่เขาต้องการอยู่ นั่นคือสิ่งสำคัญ ซึ่งเก้จะใช้การขายออนไลน์เป็นช่องทางหลัก และแจ้งเกิดจากโลกออนไลน์
แต่การขายออนไลน์ปัจจุบัน หลายคนมองว่า โลกออนไลน์เชื่อไม่ได้ “คุณเก้” บอกว่าเธอเติบโตมาจากออนไลน์ โจทย์คือทำยังไงให้ผู้คนเชื่อว่าเรามีตัวตนจริง ทำสวนจริง ค้าขายจริง ไม่ใช่มิจฉาชีพ และเธอนำเสนอทุกอย่างแบบตรงไปตรงมาตลอดระยะเวลา 5 ปี ในชื่อ "หนูชอบกินผัก" ข้อมูลทุกอย่างที่เผยแพร่ผ่านสื่อมาจากประสบการณ์ตรง บางเรื่องศึกษาหาความรู้เพิ่มก่อนจะมาเผยแพร่ ไม่โพสต์เอากระแส หากส่วนไหนไม่รู้จริงจะไม่โพสต์
“ส่วนตัวทำสวนจริง มีหน้าร้านอยู่จริง ปัจจุบันช่องทางการขายมีทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ทุกอย่างที่เราทำ เรายึดจรรยาบรรณในทุกวิชาชีพทำสวนแบบจริงใจ ค้าขายแบบสุจริต ส่วนหน้าร้านเราคัดสรรแต่ของดีๆ มาขาย หากรับจากชาวสวนมาเราจะเลือกสวนที่ไว้ใจได้ ทุกอย่างที่เก้ทำ เก้ต้องมั่นใจว่าดีที่สุด”
สร้างรายได้ตัวเองและยังทำรายได้คนในครอบครัว
ปัจจุบัน “หนูชอบกินผัก” กลายเป็นธุรกิจครอบครัวไปแล้ว โดยมีคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ พี่ น้อง ญาติทั้ง ป้า น้า และ หลานมาช่วยกันทำงาน จากการขายต้นกล้า เมล็ดพันธุ์ ตอนนี้มีผักสด และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผัก เช่น น้ำผักสกัดเย็น และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผักอื่นๆ มาขาย มีการออกบูท ช่องทางออฟไลน์ ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น
ในส่วนของช่องทางการขายและลูกค้า “หนูชอบกินผัก” ประกอบไปด้วย ลูกค้าประจำในพื้นที่สวน ช่องทางการขายในตลาดนัด ลูกค้าต่างจังหวัดทั่วประเทศ โดยใช้การส่งผักผ่านห้องเย็น และมีหน้าร้านอยู่ที่ในห้าง และมีบริการส่งผ่านเดลิเวอรี่ผ่านแกร็บ Grab และ Lineman ไลน์แมน ส่วนผักที่สวนหนูชอบกินผัก เป็นผักสลัด และผักเคลเป็นหลัก เพราะเป็นผักที่ลูกค้านิยม เราเลยเลือกปลูกผักเพียงแค่ 2 ชนิด พื้นที่ปลูกประมาณ 1 ไร่ ตั้งอยู่ที่อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปัจจุบันผักที่ได้รับความนิยม และขายได้มากที่สุด คือ ต้นกล้าผักเคล ขายราคาต้นละ 150 บาท
เริ่มจากศูนย์ ความรู้มาจากประสบการณ์ต้องลงมือทำ
"เก้" เล่าว่า “ความรู้ในการปลูกผักสามารถหาได้จากประสบการณ์ ที่ลงมือทำ ยิ่งทำยิ่งรู้ ทำมากรู้มาก เจอปัญหามากมายก็แก้ได้ด้วยความรู้ ประสบการณ์ ซึ่งข้อนี้ไม่สามารถแนะนำกันได้ แต่ละคนเจอไม่เหมือนกัน ต้องลงมือทำเท่านั้น ทำมาจนถึงปัจจุบัน (5 ปี) เรายิ่งรู้ว่าสิ่งไหนควรหยุด สิ่งไหนควรไปต่อ สิ่งไหนทำเงินให้เราได้ สิ่งไหนทำให้เรามีความสุขก็เลือกทำสิ่งนั้น”
ทั้งนี้ จากประสบการณ์การทำสวนผักอินทรีย์มากว่า 5 ปี พบว่า การปลูกผักสามารถปลูกได้หมด ไม่ว่าจะเป็นการปลูกกลางแจ้ง แบบเดิมสำหรับคนงบน้อย หรือการปลูกในโรงเรือน สำหรับคนที่มีงบ หรือการปลูกบนดิน ปลูกในกระถาง หรือการปลูกบนโต๊ะ จะปลูกในโรงเรือนไม้ไผ่ หรือโรงเรีอนเหล็ก บนโต๊ะเหล็ก หรือโต๊ะไม้ไผ่ ทุกอย่างทำได้หมด แต่ทำด้วยไม้ไผ่ประหยัดงบ แต่อายุการใช้งานจะสั้น เพราะไม้ไผ่เมื่อเจอน้ำจะค่อยผุพังไปได้ ถ้าให้บอกตามตรงว่าแบบไหนดีสุด แน่นอนว่าควรปลูกในโรงเรือนบนโต๊ะปลูก แต่สิ่งที่ต้องแลกคือเงินลงทุนเพิ่มขึ้น
ตั้งราคาขาย และวางแผนการปลูกหัวใจสำคัญปลูกผักขาย
"เก้" บอกว่า ในช่วงที่อากาศหนาวผักสวย แน่นอนว่าทุกสวนก็สวยไม่แพ้กัน เมื่อทุกสวนมีผักที่สวย น้ำหนักดีพร้อมกันๆ ทำให้ล้นตลาดเพราะผู้ซื้อยังมีเท่าเดิม แต่จำนวนผักมากขึ้นหลายเท่านี่คือสิ่งที่เกษตรกรต้องเจอ หากไม่วางแผน ไม่มีตลาดของตัวเอง จะวนมาเรื่องการขายตัดราคาเพื่อปล่อยของในสวน ขายได้ก็อาจเท่าทุน ถ้าขายไม่ได้ขาดทุน ทางออกของปัญหานี้ เราควรมีจุดขายของตัวเอง รักษาคุณภาพผัก วางแผนการปลูกให้สอดคล้องกับลูกค้าที่เรามี หากรู้ว่าผลผลิตเพิ่มขึ้นควรทำการตลาดให้มากขึ้น การวางแผนการปลูก เรื่องสำคัญ อย่าคิดแต่ว่าปลูกไปก่อนค่อยว่ากัน การขายผักในราคาที่เหมาะสม อย่าลดราคาจนผักที่เราปลูกไม่มีคุณค่า รักษามาตรฐานของตัวเอง ทำสวนได้ต้องขายเป็น
ที่มาของเพจ หนูชอบกินผัก
เจ้าของเพจ และสวนผัก “หนูชอบกินผัก” เล่าว่า ปัจจุบันเธออายุ 31 ปี ตอนเริ่มปลูกผักในตอนนั้น อายุ 26 ปี ก่อนจะมาปลูกผัก เคยทำงานมาสารพัด ไม่ว่าจะเป็นสาวโรงงาน โดยทำงานในตำแหน่งพนักงานบัญชี ตอนทำงานประจำ เจอนายจ้างมาสารพัดรูปแบบ พอได้ออกทำงานของตัวเอง อยากจะสร้างสังคมการทำงานให้มีแต่รอยยิ้ม สร้างงานที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิต ไม่กดดัน ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น ซึ่งจะไม่มองว่า คนทำงานกับเรา คือ ลูกน้อง แต่เขาคือเพื่อนร่วมงาน คือ ทีมงาน ทุกคนสำคัญเท่าๆ กัน พูดในฐานะเจ้าของกิจการเล็กๆ ที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวไปพร้อมๆ กับสร้างทีมงาน อยากให้การทำงานของเราสร้างความสุขให้ผู้คนไปพร้อมๆ กัน
ส่วนที่มาการเลือกปลูกผักขาย มาจากตัวเองคลั่งไคล้การกินผักผลไม้เป็นอย่างมาก จึงคิดว่าน่าจะปลูกผักไว้กินเอง เพื่อจะได้ประหยัดเงินในกระเป๋า และยังได้ผักที่ปลอดภัยเพราะเราปลูกเอง ทำให้หันมาปลูกผักจากปลูกกินเอง และแบ่งปันให้เพื่อนที่ติดตามหน้าเพจ จนกลายมาเป็นอาชีพสร้างรายได้ให้เราได้ ปัจจุบันพัฒนาตั้งแต่การปลูกมาจนถึงแปรรูปเป็นน้ำผักสกัดเย็นพร้อมดื่มที่เราคัดสรรผักคุณภาพจากสวนของเราเพื่อให้ลูกค้าได้น้ำผักที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ
ติดต่อ Facebook : หนูชอบกินผัก
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด