ทำความรู้จักกับ HAKU แบรนด์ทิชชู่เปียกแบรนด์ไทยที่ทำธุรกิจมา 7 ปี แต่มีแบรนด์ OEM กว่า 400 แบรนด์ พร้อมกับสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SME ที่มีงบประมาณน้อยเข้ามาสั่งทำในยอดการผลิตจำนวนน้อยได้ พร้อมกับดัน Baby Wipes ป้อนตลาดคนไทยและส่งต่อองค์ความรู้เรื่องคุณภาพและมาตรฐานของทิชชู่เปียก ยอดขายปี 2567 ที่ผ่านมาประมาณ 50 ล้านบาท ตั้งเป้าปีนี้แตะ 100 ล้านบาท
ดร.กฤต เลิศเศรษฐการ Managing Director เจ้าของบริษัทปิ่นเพชร โกลบอล จำกัด และเจ้าของแบรนด์ทิชชู่เปียก HAKU Baby Wipes เล่าว่า เริ่มทำทิชชู่เปียกมาเกือบทศวรรษและมีความสนใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่มีความ Hygienic ซึ่งที่ผ่านมามองว่าทิชชู่เปียกเป็นสินค้าที่ถูกใช้งานกันจำนวนมากและสามารถเติบโตในตลาดและเป็นที่นิยมได้ ซึ่งถ้าหากพูดถึงทิชชู่เปียกก็ไม่ได้มีแค่สำหรับเช็ดตัวอย่างเดียว แต่ยังมีใช้สำหรับจุดอื่นๆ บนร่างกาย ใช้สำหรับสัตว์เลี้ยงและใช้สำหรับสิ่งของหรือพื้นผิว นอกจากนี้ทางแบรนด์ได้มองเห็นถึงความสำคัญด้านสุขอนามัยของคนในยุคปัจจุบัน จึงเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลายมาเป็นบริษัท ปิ่นเพชร โกลบอล จำกัด โดยผลิตภัณฑ์ตัวแรกของทางแบรนด์คือ Refreshing Tissue และอีกหนึ่งแบรนด์คือ HAKU ปัจจุบันดำเนินธุรกิจมาได้ 7 ปี
ในช่วงโควิด-19 ทิชชู่เปียกได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะทิชชู่เปียกที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซึ่งในช่วงโควิด-19 ทางแบรนด์ได้มีการรับทำ OEM ให้หลายแบรนด์เพราะเป็นที่ต้องการของตลาด ผู้ประกอบการหลายเจ้าก็มุ่งเป้ามาที่ผลิตภัณฑ์ทิชชู่เปียกที่ผสมแอลกอฮอล์จำนวนมาก นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังแตกไลน์การผลิตเป็นสเปรย์แอลกอฮอล์ โดยมีห้างสรรพสินค้าชื่อดังมาสั่งทำ OEM จำนวนมาก ส่งผลให้ตั้งแต่ช่วงโควิด-19 และหลังจากนั้นทั้งทิชชู่เปียกและสเปรย์แอลกอฮอล์เริ่มขายดี และเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ถ้าหากพูดถึงทิชชู่เปียกแอลกอฮอล์นั้นทางแบรนด์ใช้แบบฟูดเกรดที่ลูกค้าสามารถใช้เช็ดจานชามในครัวเรือนหรือนอกบ้านได้ ถือเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์สูตรฟูดเกรดที่เติบโตได้เป็นอย่างดี การันตีได้จากการมีลูกค้าเข้ามาสั่งทำ OEM ทิชชู่เปียกแอลกอฮอล์สำหรับเช็ดจาน ชาม ช้อน และส้อม เป็นจำนวนมาก โดยลูกค้า OEM ในกลุ่มนี้มีประมาณ 5 แบรนด์ และ OEM โดยรวมทั้งหมดประมาณ 400 แบรนด์ อีกทั้งมีแบรนด์ OEM ที่สั่งผลิตในรูปแบบของการย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติใน 3-6 เดือน
น.ส.ณัฐรดี วัชรปรีชานนท์ Sale & Marketing Director ให้ข้อมูลว่า ทางบริษัทมีการสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการมีแบรนด์เป็นของตัวเองเพราะว่าบางรายอาจจะมีต้นทุนต่ำแต่ต้องการสร้างแบรนด์ ทำให้ทางบริษัทกำหนดจำนวนการผลิตขั้นต่ำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเหล่านี้ได้ตามความเหมาะสมและต้นทุนไม่สูง ผู้ประกอบการสามารถสั่ง OEM ในงบประมาณที่มีอย่างจำกัดได้
ความพิเศษและจุดเด่นคือการมีประเภทของทิชชู่เปียกที่หลากหลาย เช่น สำหรับเช็ดตัว หน้า จุดซ่อนเร้น เช็ดแว่น สำหรับเด็ก สำหรับผู้สูงอายุ และสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีขน นอกจากนี้ ยังมีการส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งประเทศที่นิยมมากที่สุดคือประเทศจีน โดยสินค้าที่ส่งออกไปจีนจะเป็นสูตรเย็นและได้รับผลตอบรับที่ดีกลับมา
“สำหรับทิชชู่เปียกสำหรับเช็ดตัวมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องเพราะว่าเป็นตัวที่ไม่ได้ทำการตลาดอะไรแต่มีออเดอร์เข้ามาเองและเป็นออเดอร์ที่สั่งประจำ โดยที่ทางแบรนด์ไม่ได้โปรโมตเท่าไหร่ คิดว่าเป็นสินค้าตัวที่ 2 รองจากสูตร Baby Wipes ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก” น.ส.ณัฐรดี ระบุ
ทิชชู่เปียกสูตร Baby Wipes ในตลาดกำลังถูกแข่งขันกันอย่างดุเดือดและหั่นราคาสู้กันอย่างเต็มที่ พร้อมงัดกลยุทธ์และหมัดเด็ดมาสู้เพื่ออยู่รอด พร้อมกับสินค้าจากจีนเข้ามาตีตลาดในไทยและได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีราคาที่ถูกและสามารถซื้อได้ง่ายตามแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ แต่ทางแบรนด์ให้คำแนะนำสำหรับผู้บริโภคว่าให้ดูข้อมูลและอ่านฉลากก่อนเลือกซื้อสินค้าที่มีราคาถูกจนน่าตกใจ ซึ่งทางแบรนด์มองว่าเอาคุณภาพเข้าสู้และตั้งราคาที่เหมาะสมให้คนในประเทศ
ในส่วนของกำลังการผลิตในตอนนี้อยู่ที่ 50,000 ชิ้นต่อวัน ซึ่งถ้าหากในอนาคตมีโปรเจกต์กับแบรนด์อื่นก็อาจจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2,000,000 ชิ้นใน 20 วัน วันละ 100,000 ชิ้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับทางบริษัทอย่างมาก โดยโปรเจกต์ดังกล่าวจะเริ่มผลิตกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2568 และเริ่มส่งให้ลูกค้าในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ทางแบรนด์มองว่าถ้าหากมีโปรเจกต์แบบนี้เข้ามาอีก ทางบริษัทจะต้องเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้รองรับความต้องการของลูกค้าได้ ซึ่งยอดขายที่สามารถขายได้พีกสุดอยู่ที่ประมาณ 500,000 ชิ้นต่อเดือน
“โรงงานผลิตทิชชู่เปียกมันไม่ได้ทำกันง่ายๆ เพราะเป็นความรู้เฉพาะทางที่ค่อนข้างต้องมีประสบการณ์ ความรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติค่อนข้างเยอะ แต่เราเป็นโรงงานที่ผลิตเองในไทยจริงๆ ผลิตทุกอย่างเอง เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนในไทยสนับสนุนสินค้าไทยที่มีคุณภาพ มีมาตรฐานรองรับ มีฉลากและผ่านทดสอบจากแพทย์ผิวหนังแล้ว ซึ่งเราเป็นโรงงานในไทยที่เน้นเรื่องคุณภาพเป็นหลักและสามารถส่งตรวจสอบได้” น.ส.ณัฐรดี ระบุ
ปัจจุบันสินค้า HAKU มีวางขายที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ห้างสรรพสินค้าต่างๆ เช่น เดอะมอลล์ ท็อปส์ ซีเจ โกลเดนเพลส รวมถึงห้างท้องถิ่นตามต่างจังหวัด และมีราคาเริ่มต้นที่หลักสิบ นอกจากนี้ทางบริษัทมองว่าการเติบโตในตลาดทิชชู่เปียกสามารถเติบโตและสามารถยืนในตลาดได้ เพราะในยุคปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มสนใจเรื่องสุขอนามัยและความสะอาดมากขึ้น สินค้าอย่างทิชชู่เปียกจึงตอบโจทย์ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี สำหรับรายได้ในปี 2567 ที่ผ่านมาทางบริษัทให้ข้อมูลว่าสามารถสร้างได้ประมาณ 50-60 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าให้แตะหลัก 100 ล้าน
นอกจากนี้ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายมากขึ้น ทางบริษัทได้ทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ รวมไปถึงทาง KTC U SHOP เพื่อขยายฐานลูกค้าและตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ความท้าทายในการทำธุรกิจขายสินค้าทิชชู่เปียกทางบริษัทมองว่าการเข้ามามีบทบาทและเข้ามาตีตลาดของประเทศจีนเป็นเรื่องที่ท้าทายเพราะกำลังการผลิตและราคาอาจจะทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อของจีนมากกว่า แต่เอาเรื่องคุณภาพเข้าสู้และอาศัยการมอบองค์ความรู้เรื่องคุณภาพและมาตรฐานสินค้าให้ผู้บริโภคเข้าใจ
“แนวคิดการทำธุรกิจเรามองว่าสินค้าเราทุกตัวเราต้องใช้เอง มาตรฐานเรา เราต้องใช้เอง เราเขียนอะไรลงในสินค้าเราต้องทำให้ได้ตามที่เราเขียนทั้งหมด ซื่อสัตย์กับผู้บริโภคเพราะเราก็คือผู้บริโภคเหมือนกัน ซึ่งทดลองเองทั้งหมดก่อนที่เราจะส่งตรวจหรือส่งต่อให้ลูกค้า” ดร.กฤต ระบุ
อย่างไรก็ตาม ในอีก 3-5 ปี มีการวางแผนต่อยอดธุรกิจให้ไปในทิศทางของการขยายกลุ่มทิชชู่เปียกที่เป็นห่อใหญ่ตั้งแต่ 40 แผ่นขึ้นไปเพื่อเน้นความคุ้มค่าในการใช้งาน เนื่องจากห่อเล็กใช้ไม่กี่ครั้งก็หมดและมีราคาสูงกว่าห่อใหญ่ถ้าหากเปรียบเทียบต่อแผ่น ซึ่งหากผู้บริโภคมีความต้องการใช้งานมากขึ้น ทิชชู่เปียกห่อใหญ่ก็อาจจะเป็นตัวที่สามารถโลดแล่นในตลาดได้เป็นอย่างดี ในการวางแผนยังรวมถึงการแตกไลน์การผลิตที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องการเห็นบริษัทเป็นองค์กร 4.0 ที่นำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ได้มากที่สุด
ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook : PP Global Wipes
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *