จากการรายงานสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่วิกฤตสำหรับคนเมืองหลวง จังหวัดใกล้เคียง และหลายพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ของประเทศไทยอยู่ในขณะนี้ ทำให้คนไทยหันมาตื่นตัวกับการใช้ชีวิตมากขึ้น โดยเฉพาะการรณรงค์ให้คนไทยหันมาสวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น PM 2.5
เรื่องราวหน้ากากอนามัย ช่วงค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่ง
ครั้งนี้มาอัปเดตโรงงานผู้ผลิตหน้ากากอนามัยมาตรฐาน ที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีแบรนด์คนไทย ที่เหลืออยู่ไม่กี่โรงงาน เพราะหลังจากที่สถานการณ์โควิดคลี่คลาย โรงงานผลิตหน้ากากที่เปิดขึ้นมาในช่วงนั้นค่อยเลิกกันไป จะเหลือแต่โรงงานผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน และมีลูกค้าให้การตอบรับดี ก็ยังคงดำเนินกิจการอยู่ได่
ที่ผ่านมา จะได้เห็นการรีวิวหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐาน และช่วยกันฝุ่น PM 2.5 หลายคนจะโฟกัสไปที่แบรนด์ดังๆ ระดับอินเตอร์หลายๆ แบรนด์ แต่ครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนกิจการเอสเอ็มอีของคนไทย พามารู้จักกับหน้ากากอนามัยมาตรฐานทางการแพทย์ แบรนด์คนไทย
พร้อมกับคำแนะนำการเลือกซื้อหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น PM 2.5 จากผู้ผลิตหน้ากากอนามัย ว่า จริงๆ แล้วหน้ากากอนามัยแบบไหนที่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเราอาจจะไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินกับการซื้อหน้ากากอนามัยราคาแพง ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงหน้ากากอนามัยที่ป้องกันฝุ่น PM 2.5 ในราคาที่จับต้องได้เช่นเดียวกับในช่วงโควิด
หน้ากากแบรนด์คนไทย แจ้งเกิดช่วงโควิด
นายศุภโชค อินทริง กรรมการผู้จัดการ บริษัทศุภโชค เมท เมดิคอล จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ และหน้ากากอนามัย เล่าว่า ได้เริ่มผลิตหน้ากากอนามัยขาย เมื่อปี 2563 ในช่วงโควิด-19 ระบาดในช่วงนั้น โดยเรามีพื้นฐานจากการผลิตสินค้าเกี่ยวกับทางการแพทย์ ส่งให้ทางโรงพยาบาลอยู่แล้ว และก่อนหน้านั้น คิดว่าจะเพิ่มไลน์การผลิตหน้ากากอนามัยได้มาตรฐานทางการแพทย์ส่งให้ลูกค้าหลักของเราที่เป็นสถานพยาบาล ที่ต้องใช้หน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ พอดีมีสถานการณ์โควิด-19 ขึ้นมา เราเลยได้จังหวะช่วงนั้น ทำเรื่องยื่นขอผลิตหน้ากากอนามัยมาตรฐานทางการแพทย์ออกมาจำหน่าย
โดยครั้งแรกตั้งใจว่าจะขายให้สถานพยาบาลเป็นหลัก แต่มองเห็นว่าในช่วงโควิดระบาดหนัก ประชาชนเองก็ต้องการหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานเช่นกัน จึงได้ทำหน้ากากออกมาขายให้คนทั่วไปด้วย ในราคาที่ทุกคนสามารถจับต้องได้ เพราะเป็นแบรนด์ของคนไทย ผลิตในประเทศไทย แม้ว่าสถานการณ์โควิดคลี่คลายไปแล้ว โรงงานที่เกิดในช่วงโควิดก็เลิกกันไปหลายแห่ง แต่เราเองยืนหยัดที่จะทำหน้ากากอนามัยคุณภาพออกมาขายเพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้า และเพื่อให้คนไทยได้ใช้สินค้าที่ได้มาตรฐานและทุกคนจะมีสุขภาพที่ดี
แม้แบรนด์เอสเอ็มอีรายเล็กๆ มาตรฐานไม่ได้แพ้แบรนด์อินเตอร์
นายศุภโชค กล่าวว่า การผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ต่างจากการผลิตหน้ากากอนามัยทั่วๆ ไป โดยการขอมาตรฐานการผลิตจะมีขั้นตอนที่มากกว่า หน้ากากอนามัยทั่วไป เนื่องจากได้ขึ้นชื่อว่า ใช้ทางการแพทย์ ทุกอย่างต้องได้มาตรฐานการแพทย์ ซึ่งต้องได้รับการรับรองมาตรฐานจากกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข นอกเหนือจากการขอมาตรฐาน อย. และมาตรฐาน มอก. ISO ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้เรามั่นใจว่า หน้ากากที่เราผลิตออกมาจำหน่าย ในช่วงโควิด-19 ได้มาตรฐานในระดับสากล เพราะทางการแพทย์ใช้หน้ากากอนามัยของเรา
ในส่วนราคาจำหน่าย หลายคนมองว่า มาตรฐานการแพทย์แล้วจะต้องขายราคาแพง แต่เราสามารถทำราคาที่ไม่ต่างจากหน้ากากที่ขายทั่วไป ราคากล่องละ 60 บาท มีทั้งหมด 50 ชิ้น เป็นหน้ากากอนามัย 3 ชั้น ชนิดยางยืดคล้องหู โครงลวดเหล็กปรับได้ ได้ผ่านมาตรฐานการกรองเชื้อไวรัสขนาด 0.1 ไมครอนได้ 95 เปอร์เซ็นต์ โดยหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ส่งให้ทางสถานพยาบาลบรรจุในกล่องสีส้ม ส่วนขายทั่วไปกล่องสีฟ้า ภายใต้แบรนด์ LION MASK ใช้มาตรฐานการผลิตเดียวกัน โดยผลิตออกมารองรับตลาดทั้งเด็ก และผู้ใหญ่
หน้ากากใช้ป้องกันไวรัส กันฝุ่น PM 2.5 ได้หรือไม่
อย่างไรก็ดี เนื่องจากประเทศไทยต้องเจอกับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และปีนี้ 2568 ก็เป็นอีกหนึ่งปีที่ประเทศไทยโดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีค่าฝุ่น PM 2.5 ที่สูงมาก จนทำให้ทุกคนต้องหันมาสวมหน้ากากอนามัย กัน และทางบริษัทของเราได้ผลิตหน้ากากอนามัย เพื่อรองรับความต้องการสำหรับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ด้วย
อย่างไรก็ดี จะมีคำถามเข้ามาบ่อยๆ ทำไมจะต้องแยกหน้ากากอนามัยป้องกันไวรัส และ ป้องกันฝุ่น และหน้ากากป้องกันไวรัสป้องกันฝุ่นได้ไหม
“เจ้าของผู้ผลิตหน้ากากแบรนด์ LION MASK” กล่าวว่า ในความเป็นจริงหน้ากากอนามัยที่เราผลิตเพื่อป้องกันไวรัสนั้น ได้ผ่านมาตรฐานการตรวจสอบประสิทธิภาพ ซึ่งถ้าจะผ่านมาตรฐานกรมการแพทย์ กำหนดว่าจะต้องสามารถกรองเชื้อโรคในระดับโมเลกุล 0.1 ไมครอนได้ แต่ฝุ่น PM 2.5 มีขนาดโมเลกุลที่ใหญ่กว่า คือ 2.5 ไมครอน ดังนั้น หน้ากากอนามัยของเราสามารถที่จะใช้กรองฝุ่น PM 2.5 แต่ที่เราผลิตหน้ากากอนามัย ในแบบกันฝุ่นขายเพิ่ม เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค
ทำไมบริษัทผลิตหน้ากากกันฝุ่น PM 2.5 เพิ่ม
โดยหน้ากากอนามัยที่ทำออกมาเพื่อเจาะลูกค้าต้องหน้ากากที่มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น PM 2.5 นั้น ระดับการกรอง ความหนาไม่เท่ากับหน้ากากกรองไวรัส หรือเชื้อโรค ซึ่งช่วยให้ระบายอากาศจะดีกว่า ผู้สวมใส่จะหายใจได้คล่องกว่าไม่อึดอัดมาก ที่สำคัญ คือ ประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากกว่า เพราะราคาถูกกว่า
สำหรับหน้ากากอนามัยกรองฝุ่น PM 2.5 เราจะขายในราคากล่องละ 45 บาท มี 50 ชิ้นและการผลิตหน้ากากกรองฝุ่น ไม่ต้องขอมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข ได้มาตรฐาน แค่ มอก. สามารถออกจำหน่ายได้ การผลิตไม่ซับซ้อนเหมือนหน้ากากทางการแพทย์ทำให้ราคาถูกกว่า และเมื่อถามว่า หน้ากากกรองฝุ่น สามารถกรองเชื้อไวรัสได้ไหม คำตอบคือ กรองได้ แต่ประสิทธิภาพการกรองไวรัสเชื้อโรคน้อยกว่า อาจจะได้แค่ 80-90 เปอร์เซ็นต์
จากยอดขายลูกค้าเราเลือกใช้หน้ากากกันไวรัสใส่กันฝุ่น
ในช่วงที่สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพในขณะนี้ ทำให้มียอดการสั่งซื้อหน้ากากเข้ามาเพิ่มขึ้น ทั้งแบบเดิม หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ และหน้ากากอนามัยกรองฝุ่นที่ผลิตเพิ่มขึ้นมา แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าสั่งซิ้อแบบเดิม คือ หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เพราะราคาไม่ได้ต่างกันมาก และยังสามารถสวมใส่ป้องกันเชื้อไวรัสด้วย
เนื่องจากปัจจุบันยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก อยากให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขออกมารณรงค์ให้เด็กสวมหน้ากากอนามัย เพราะปัจจุบันจะเห็นเด็กสวมหน้ากากอนามัยน้อยมาก ทั้งที่หน้ากากอนามัย มีความจำเป็นมากสำหรับเด็กๆ ผู้ปกครองเองควรจะตระหนักถึงเรื่องนี้
สุดท้าย ในช่วงที่คนไทยหันมาสวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น PM 2.5 หน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานและใช้ป้องกันไวรัส ก็สามารถนำมาใช้กรองฝุ่น PM 2.5 ได้เช่นเดียวกัน เพราะเชื้อไวรัสมีขนาดเล็กกว่าฝุ่น ในช่วงนี้ คนไทยหันมาสวมใส่หน้ากากอนามัยมากขึ้น เพื่อสุขภาพที่ดี
ติดต่อ www.supachock co.th
โทร.09-5168-6556, 09-6696-5544
ID. @SCS.CO.LTD