สมุนไพรไทย ได้รับการยอมรับในเวทีระดับโลก ในหลายครั้งจะมีผู้ประกอบการนำงานวิจัยและนวัตกรรมมาต่อยอดผลิตสินค้าจากสมุนไพรไทยออกไปขายในต่างประเทศและประสบความสำเร็จ เป็นแบบอย่างให้กับผู้ประกอบการด้านสมุนไพรไทยอีกหลายแบรนด์ ให้บรรลุเป้าหมายในการสร้างแบรนด์มัดใจลูกค้าในเวทีระดับโลก
นำภูมิปัญญาดั้งเดิมต่อยอดสู่เวชสำอางมาตรฐานส่งออก
วันนี้ พามารู้จักกับ บริษัท เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามจากสมุนไพรไทย ภายใต้แบรนด์ ชีววิถี, Sense, และ Sens’eที่ได้นำนวัตกรรมใหม่ มาใช้ร่วมกับภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย สร้างเวชสำอางจากสมุนไพรไทยไปสร้างชื่อในต่างประเทศ ไม่แค่จะสามารถสร้างรายได้นำเงินตราเข้าประเทศแล้ว ยังช่วยสร้างอาชีพให้กับชาวบ้านในชุมชนอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ด้วย
นางอรประภา พรมรังฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก กล่าวว่า เซนต์บิวตี้ คอสเมติก ก่อตั้งเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ตั้งอยู่ที่อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม บริษัทฯ มีประสบการณ์กว่า 18 ปี ในการพัฒนาเครื่องสำอางสมุนไพร ด้วยการวิจัยอย่างต่อเนื่อง โดยนำภูมิปัญญาดั้งเดิมด้านเวชสำอางและการแพทย์แผนไทยมาประยุกต์ใช้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยมีบริษัทในเครือ คือ บริษัท ไบโอเวย์เนเจอรัล (ประเทศไทย) จำกัด (ผู้ผลิตเครื่องดื่มสมุนไพร”ตรีผลา”ชีววิถีเพื่อสุขภาพ)
ที่ผ่านมา บริษัทฯ ผลิตสินค้าออกสู่ตลาดกว่า 300 ผลิตภัณฑ์ ที่ใช้สมุนไพรธรรมชาติ ลดการใช้สารเคมีและสารแต่งต่างๆ ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดได้ผ่านการวิจัยพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ โดยมีมาตรฐานรับรอง อาทิ มาตรฐาน อย., OTOP 5 ดาว, Halal และมาตรฐานการผลิต GMP, ระบบมาตรฐานบริหารงานคุณภาพระดับสากล ISO 9001 : 2015 และตราสัญลักษณ์รับรองคุณภาพมาตรฐาน Thailand Trusted Mark (T MARK ) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ
ส่งออกกว่า 20 ประเทศ วางขายโมเดิร์นเทรดชั้นนำ
ปัจจุบันสินค้ามีการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยภายในประเทศกระจายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายทั้งร้านค้าปลีกและร้านค้าส่งทั่วประเทศ ร้านโมเดิร์นเทรดชั้นนำ เช่น บิ๊กซี, เทสโก้โลตัส, ท๊อปส์ มาร์เก็ต, เดอะมอลล์, แม็กซ์แวลู, แม็คโคร และร้านเซเว่น อีเลฟเว่น , ร้านซีเจ และร้านค้าสมุนไพร รวมถึงมีตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศกว่า 20 ประเทศ ตลาดในอาเซียน อาทิ กัมพูชา พม่า ลาว มาเลเซีย ฮ่องกง จีน เป็นต้น ในแถบยุโรป อาทิ เดนมาร์ก เยอรมัน เป็นต้น ในแถบตะวันออกกลาง อาทิ ดูไบ ซาอุดิอาระเบีย เยเมน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีร้านจำหน่ายสินค้าของบริษัทเอง 4 สาขา ได้แก่ ตลาดนัดจตุจักร ศูนย์การค้าแพลตินั่ม ห้างโกรเซอรี่ จังหวัดภูเก็ต และที่ศูนย์เรียนรู้สวนสมุนไพรชีววิถีท่าม่วง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในพื้นที่และนักท่องเที่ยวได้อย่างครบวงจร นอกจากนี้บริษัทยังรองรับการรับจ้างผลิตแบบ OEM ด้วย และในปี 2568 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 270 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นจากปี 2567 ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ เพราะ ในปี 2568 บริษัทมุ่งพัฒนาสินค้าและการรับจ้างผลิต (OEM) ให้มากขึ้น
เปิดศูนย์เรียนรู้สวนสมุนไพรชีววิถี สอนอาชีพฟรี
นางอรประภา กล่าวว่า ล่าสุด บริษัทฯ มีแผนขยายความร่วมมือกับสถานศึกษา กลุ่มชุมชน และหน่วยงานราชการทั่วประเทศ โดยศูนย์การเรียนรู้สวนสมุนไพรชีววิถีฯ ได้จัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุน CSR และพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน โดยเปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมได้เรียนรู้ตั้งแต่หลักเศรษฐกิจพอเพียง การใช้สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ไปจนถึงคอร์สพัฒนาทักษะอาชีพ โดยเรียนฟรี เช่น การทำเครื่องดื่มสมุนไพร เบเกอรี่และขนมไทย งานมัดย้อม eco print ธาตุเจ้าเรือน การแต่งหน้าพัฒนาบุคลิกภาพ และการใช้เครื่องมือออนไลน์เพื่อส่งเสริมการขาย
“ในปี 2567 ศูนย์การเรียนรู้ของเราได้รับความสนใจจากผู้เยี่ยมชมทั่วประเทศมากถึงประมาณ 100,000 คน และในปี 2568 เราเชื่อมั่นว่ายอดผู้เข้าชมจะทะลุเกินหลักแสนคนอย่างแน่นอน เนื่องจากเราได้พัฒนาและปรับปรุงคอร์สเรียนให้ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของยุคปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น” นางอรประภา กล่าว
วิจัยสมุนไพรต่อยอดผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ตลาดโลก
คว้ารางวัลในประเทศและต่างประเทศ
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาสมุนไพรไทยให้ตอบโจทย์ตลาดโลก โดยมีผลิตภัณฑ์เด่นที่คว้ารางวัลทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ทรีทเม้นท์บำรุงผมมะพร้าว รางวัลธุรกิจสมุนไพรดีเด่นแห่งชาติ 2564 เซรั่มรังไหม ได้รับรางวัลเหรียญทองจากงานประกวดสินค้านวัตกรรมโลก ประเทศโปแลนด์ และครีมนวดส้นเท้าแตกสูตรกล้วยหอม คว้ารางวัลเหรียญทอง จากการประกวดสินค้านวัตกรรมและจัดแสดงสินค้าระดับนานาชาติ ประเทศอังกฤษ
“แม้เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญความท้าทาย แต่ความต้องการผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่ยั่งยืนและปลอดภัยยังคงเติบโต ธุรกิจของเราไม่ได้มุ่งเพียงตัวเลขยอดขาย แต่เน้นการสร้างคุณค่าให้กับชุมชน ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว” นางอรประภา กล่าว และย้ำว่า บริษัทจะเดินหน้าสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโตไปพร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
เริ่มต้นธุรกิจจากครอบครัวเล็กทำน้ำมันมะพร้าว
นางอรประภา เล่าว่า ตนเองเริ่มต้นจากธุรกิจครัวเรือนเล็กๆ ที่นำ “น้ำมันมะพร้าว” มาใช้เป็นส่วนผสมสำคัญ และพัฒนาจนเป็นธุรกิจเติบโตขึ้นที่มีสินค้าออกสู่ตลาดมากกว่า 300 รายการ และได้รับคัดสรรโอทอประดับ 5 ดาว จนได้รับการคัดเลือกให้วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อชั้นนำ เช่น เซเว่น อีเลฟเว่น ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการพัฒนาธุรกิจ ทำให้ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสามารถเปิดตลาดในต่างประเทศทั้งในอาเซียนและจีน
บริษัทได้ร่วมมือกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มแม่บ้านในหลายๆพื้นที่ เพื่อให้สามารถจัดการเรื่องวัตถุดิบที่ดีและเพียงพอต่อการผลิต เช่น 1. กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านน้ำเกี๋ยน จ.น่าน มีสมาชิกมากกว่า 600 คน เริ่มต้นจาการนำผลิตภัณฑ์ชุมชนจากกลุ่ม คือแชมพูใบหมี่อัญชันไม้ยืนต้นในท้องถิ่นที่มีสรรพคุณกันผมร่วง มาทำเป็นแบรนด์ของบริษัท และเป็นที่มาของแบรนด์ ชีววิถี ปัจจุบันเป็นวิสาหกิจชุมชนอันดับหนึ่งของประเทศ
และ 2. กลุ่มเกษตรกรแม่บ้านตำบลรำมะสัก จ.อ่างทอง มีสมาชิกกว่า 300 ครัวเรือน ที่ปลูกสมุนไพรประเภทหัวเง้า ขิง ข่า ตระไคร้ ให้กับบริษัทมานานกว่า 10 ปี เพื่อเป็นส่วนประกอบในการทำลูกสมุนไพรประคบอบตัวต่างๆ 3. กลุ่มเกษตรกรจังหวัดขอนแก่นและหนองบัวลำพูน มีสมาชิกมากกว่า 3,000 คน เป็นกลุ่มที่ส่งสมุนไพรแห้ง เช่น ขิง มะกรูด กระเจี๊ยบ มะตูม และรังไหม ให้บริษัทมายาวนาน รวมถึงจากเกษตรกรโดยตรงอีกหลายพื้นที่ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่ผลิตจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ปัจจุบันมีมูลค่าการซื้อขายสมุนไพรจากเกษตรกรรวมกว่าสิบล้านบาทต่อปี
ติดต่อ โทร.08-2714-1084 , 08-4884-5522
* * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *