“บัวนี้เรารู้อยู่ในใจเสมอว่าเป็นบัวนำเข้ายังไงก็ต้องแพง แต่เหมือนเราอยากได้แล้วเราก็เป็นคนที่แบบว่าอยากได้อะไรต้องไม่เกินความสามารถก็ไปหาซื้อ หาซื้อก็สั่งเป็นเดือนต้นหนึ่งก็ 1,500 บาทแล้วเราเป็นคนจน กลับบ้านเอามือก่ายหน้าผากอยากได้ อย่างไรก็ต้องเอาให้ได้
เก็บตังค์ได้ 1,600 บาทเก็บตังค์อยู่เป็นเดือนเลย ในเงิน 1,600 บาทแล้วไปซื้อบัวมาต้นละ 1,500 บาท เหลือเงิน 100 บาท ซื้อไข่ไก่กลับมาทำกับข้าวให้สามีกับลูก ๆ กิน พอทั้งลูกทั้งแฟนถามไปไหนมา ยังไม่บอกว่าเราไปซื้อบัวเราบอกวันนี้กินไข่นะฉันเอาเงินไปซื้อบัวหมด ลุงพงศ์ (สามี) บอกอย่างงั้นก็กินบัวนั่นแหละไป! โกรธให้เราว่าทำไม ทั้ง ๆ ที่เป็นคนจนแต่ไปซื้อต้นไม้ขนาดนี้ ลูกก็มองเราด้วยสายตาที่เราเองก็พออ่านใจของเขาออก แม่นะเอาเงินไปซื้อบัวแทนที่จะซื้ออาหารมาให้เขาทานแต่ดันไปซื้อบัวมา ตอนนั้นยังไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นแม่ค้าขายบัวซื้อมาเพราะความอยากได้”พี่มาลัย-นางมาลัย มณีดำ เจ้าของ “สวนมาลัยบัววิคตอเรีย”แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร จ.นนทบุรี ผู้เป็นเจ้าแรกในไทยกับการเปิดโลก “เรื่องบัวยักษ์” (บัววิกตอเรีย) ที่สามารถให้คนลงไปอยู่บนบัวใบได้โดยที่ไม่จมน้ำ! สร้างปรากฏการณ์สุดอเมซิ่งในห้วงช่วงเวลากว่า 29 ปีที่ผ่านมาซึ่งพี่มาลัยเองก็ได้ถือโอกาสเปิดตัวอาชีพใหม่อย่างไม่คิดไม่ฝันและนำมาสู่การพลิกชีวิตได้! จากเงินทุนเพียง 1,500 บาทก้อนเดียวที่มีอยู่ในบ้านตอนนั้น
“สมัยก่อนตอนที่พี่มาลัยเด็ก ๆ ก็แบบว่าจะเห็นอยู่ที่เดียวคือ ที่หน้าพระราชวังสวนจิตรลดาฯ(พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน) ทีนี้แม่พาเข้ากรุงเทพฯ เนี่ยค่ะก็อายุประมาณ 8-10 ขวบผ่านหน้าพระราชวังนี้ ก็เห็นบัวมันเหมือนตกใจแต่เราไม่รู้ว่าอะไรก็ตะโกนถามแม่นะคะ ดังลั่นรถเมล์เลยว่าแม่นั่นอะไร! แม่บอกบัวกระด้ง เราก็เลยจำฝังใจมาตั้งแต่เด็ก ๆ นั่นแหละค่ะ” ต่อมาพอเรามีครอบครัวแล้วและก็ได้มาอยู่ตรงจุดนี้ ก็นึกถึงเมื่อตอนเด็ก ๆ เราได้เห็น “บัว” เป็นบัวที่สวยงาม แต่รู้จักในนามของบัวกระด้งแต่จริง ๆ แล้วเขามีชื่อว่า “บัววิกตอเรีย”(Victoria) “พี่มาลัยเนี่ยเป็นคนที่ทำอาหารอร่อย ทำอาหารอร่อยอาหารทุกอย่าง ข้าวแกง ข้าวหมก ข้าวมัน โจ๊ก ก๋วยจั๊บ หอยทอด ผัดไท ฯลฯ คืออร่อยหมดทุกอย่างไปขายที่ตลาด แต่เหมือนกับว่าของเราอร่อยแต่แปลก! ขายดีสู้คนที่ทำไม่อร่อยไม่ได้ มันแปลกตรงนี้ค่ะ ใครมากินของเราก็ว่าอร่อยหมดเลย แต่คนที่เขาทำไม่อร่อยเอ๊ะทำไมเขาขายดีกว่าเรา? ก็มานึกในใจว่า “พระเจ้า” แต่ละคนเนี่ยพระเจ้าเขาจะให้พรสวรรค์มาคนละด้าน ซึ่งพี่มาลัยคงไม่ใช่ตรงนั้น”มันคงไม่ใช่ทางของเรา อยู่ ๆ มาก็เอาบัวนี้มาปลูก ซึ่งเหมือนกับว่าเรารักเราอยากได้ ซื้อมาเพราะความอยากได้ยังไม่คิดว่าจะเป็นแม่ค้าขายบัว“พี่มาลัยเป็นมุสลิมนะคะก่อนจะออกไปขายอาหารก็จะละหมาด เราต้องละหมาดใช่ไหม พอละหมาดเสร็จก็ยกมือขึ้นอย่างนี้ พระองค์ทรงเมตตา ให้ลูกทำอะไรก็ได้ที่อยู่บ้านแล้วได้ตังค์ ลูกลำบากเหลือเกินเหมือนกับออกไประหกระเหิน กว่าจะได้เงินกลับมาเลี้ยงลูกเลี้ยงอะไรอย่างเงี้ยค่ะ คือเราระหกระเหินไปค้าขายตลอดเลยแต่ไม่เคยประสบความสำเร็จ พอกินบ้างไม่พอกินบ้าง พี่มาลัยประสบความสำเร็จเพราะ “บัว” ต้นแรก เหมือนพระเจ้าให้เรา”
เปิดโลก “เรื่องบัวยักษ์” ในไทย คนลงไปอยู่บนใบบัวได้โดยที่ไม่จม!!!
ตอนพอบัวโต ใหญ่สักขนาดนี้ก็มีหลานเล็กที่นอนดิ้นดุ๊กดิ๊ก ๆ อยู่ในเบาะ ลองเอาหลานลงไปวางอยู่บนใบบัวลองดู ตอนนั้นก็นุ่งกระโจมอกพร้อมกับยกเอาเบาะนอนที่มีหลานอยู่ในนั้นลงไป ใจหนึ่งก็กลัวว่าหลานจะจมน้ำไหม แต่ปรากฏว่าพอเอาหลานลงไปวางแล้วใบบัวนั้นมันกลับไม่กระดิกเลย“ดีใจค่ะสมัยก่อนยังไม่มีมือถือ (โทรศัพท์) ที่มีกล้องนะคะ ก็ใช้กล้องถ่ายรูปที่กดแป๊ก ๆ นั่นละถ่ายเดี๋ยวหลานนั่ง เดี๋ยวหลานนอน พอโตหน่อยก็หลานยืน นั่นล่ะค่ะดังสุด ๆ “ถนนก็ไม่มี นักข่าวเดินคันดินมาตะโกนกันโว๊กว๊าก ๆ อยากจะดูบัวยักษ์! ที่เด็กลงไปนั่งไปนอนได้ หลังจากนั้นก็มีการถ่ายทำทั้งข่าวทั้งรายการทีวีมากมาย “ตอนแรกพอบัวเริ่มโตใช่ไหมคะ พอถ่ายรูปออกมาเนี่ยพี่มาลัยก็ไปหาเกษตรอำเภอบางบัวทอง เอารูปไปให้เขาดู โอ้โห! เขาตกใจเกษตรอำเภอบอกว่าอู้ยบัวยักษ์! เด็กลงไปนั่งไปนอนได้ เกษตรไม่เคยเห็นเพราะพี่มาลัยเป็นคนแรกเอาเป็นว่า ของโลก! เลยดีกว่าทีนี้ก็ เกษตรอำเภอก็พาหนังสือพิมพ์เดลินิวส์มายุคนั้น” แล้วก็เริ่มผลิตมันมีลูกมีอะไรขึ้นมา เริ่มผลิตเราก็จนไม่มีเงินไปซื้ออ่างบัวก็นำกะละมังที่มีอยู่ในครัวนั่นละ เอามาใช้ชำบัวจนหมดเลย พอขายได้เงินก็นำไปซื้อมาทีละ 5 ใบ 10 ใบมาชำบัวต่อ
“แต่ว่าเราดีใจ เหมือนกับเราว่าเราอยู่บ้านแล้วเรามีความสุขนะ ทำต้นไม้ไปซึ่งแต่ก่อนมีต้นไม้อื่นที่นำมาชำด้วยนะ แต่ด้วยความที่ ที่นี่น้ำจมบ่อยเราก็เลยผลิตบัวอย่างเดียว แล้วก็พอหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ หนังสือพิมพ์มิติชน รายการที่นี่ประเทศไทย อะไรต่ออะไรเยอะแยะทุกอย่าง แล้วพอจดทะเบียนเกษตรทีนี้สำนักงานเกษตรอำเภอเขาก็ทำลงในเว็บไซต์ให้ สื่อมาเหมือนกับว่าเดือนหนึ่งหลายสำนักเลย แต่เราก็ดีใจแล้วก็สำนักงานเกษตรฯ เขาช่วยเหลือเรา แล้วพี่มาลัยไม่ลืมนะคะพอออกสื่อเราจะบอกว่าเกษตรอำเภอ เกษตรจังหวัดเข้ามาสนับสนุนถึงเราได้มีวันนี้” แล้วก็ประสบความสำเร็จถึงทุกวันนี้เพราะมี “สื่อสารมวลชน” เข้ามาช่วยเหลือเรา
สร้างรายได้ช่วงแรกมาจากการขาย “พันธุ์บัว” ก่อน
พ่อแม่แฟนเขาบอกว่าอยากจะมาอยู่ที่นี่เขาก็จะให้ที่ แล้วก็มาเลือกที่ปลูกเอา พอเรามาปลูกก็บ่อนี้เป็นบ่อที่พ่อเขาขุดทำสวนทำไร่ ตอนแรกยังเป็นพื้นนาแต่พ่อไม่ชอบทำนาเขาก็ขุดเป็นร่องสวน ปลูกพริกปลูกมะเขือปลูกกล้วยปลูกข้าวโพด ฯลฯ พอพี่มาลัยมาอยู่ด้วยความที่เราชอบต้นไม้เราก็เลยจัดไปเรื่อย ๆ“แต่พอทางเจ้าหน้าที่เขามาเห็น มันเหมือนธรรมชาติที่หายากแล้วเป็นธรรมชาติที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ นะคะ ทีนี้ทุกคนก็สนับสนุนเราทุกอย่างถ้าเราทำเนี่ยถ้าเรามีกำลังใจแล้วทุกอย่างเราใส่ใจมันจะประสบความสำเร็จทุกอย่างนะคะ” ตอนแรก ๆ รายได้ที่เราได้ ได้จากการขาย “พันธุ์บัว” เพียงอย่างเดียวเราขายตั้งแต่ เมล็ด ต้นใหญ่-ต้นเล็ก จะได้จากตรงนี้เพียงอย่างเดียว แล้วก็ท่องเที่ยวคนมาชมก็เข้าฟรีหมด ตอนนั้นขึ้นบนใบบัวก็ยังฟรีเลย แต่หลังจากที่เจ้าหน้าที่ (หลายปีต่อมา) บอกว่า ให้เราเก็บค่าเข้าไหม?“มันเหมือนเราอึดอัดใจ มันเหมือนเราจะอ้าปากบอกนักท่องเที่ยวว่าเก็บเขา ค่าเข้าชม ค่ายืนใบบัว อะไรเงี้ยมันเหมือนเราอึดอัดใจ เหมือนกับว่าเราให้เขาฟรีอย่างเดียวนะ กว่าจะอ้าปากบอกเขาได้ว่าขอเก็บค่าเข้า คนละ 20 บาท(คนโต) แต่ถ้าเป็นเด็กแค่ 10 บาท แต่ถ้ายืนใบบัวเด็ก ๆ 50 บาท ผู้ใหญ่ 100 บาท มันเหมือนจะอ้าปากบอกเขาเหมือนเราเกรงใจเขามากนะ อึดอัดใจมาก แต่บางคนจะบอกว่าโอ้ยเต็มใจให้แค่ 20 บาท แค่ 20 บาทไม่มีปัญหา แต่บางคน(แต่ว่าส่วนน้อยนะคะ) อะไร! มาดูบัวแค่นี้ต้องเก็บด้วยเหรอ? แต่เราก็ไม่ว่าอะไรเขาบอกว่า ที่นี่เก็บมาก็ไม่ได้เอาไปทำอะไรนะคะมาทำห้องน้ำให้เข้าแบบสบาย ๆ แล้วก็เราปลูกต้นไม้ให้สวย ๆ ที่นี่เข้ามาจะได้ร่มรื่นนะคะ เขาก็อ่ะ ๆ เต็มใจ”ต่อมาหลังจากนั้นก็ไม่มีปัญหา
ด้วยธรรมชาติที่ร่มรื่นใกล้เมืองลูกค้าเรียกร้องให้เปิดเป็น “ที่พัก” ด้วย
นักท่องเที่ยว ลูกค้าที่มาซื้อบัว เขาบอกว่าที่นี่ร่มรื่นมากถ้ามี “บ้านพัก” จะดีมากคนที่ชอบอยู่กับธรรมชาติ เขาจะชอบมาก“พี่มาลัยก็เอาเงินจากตรงนั้น เหมือนกับว่าเราพอมีรายได้เริ่มสร้างค่ะ เริ่มสร้างหลังที่ 1 นะคะ ทีนี้เราก็เปิดหลังที่ 1 นะก็เชิญคุณรักชาติ สุขเปรม เขาเป็น ททท.ทั่วไทยให้มาเปิด แล้วเขาสนับสนุนเราทุกอย่าง ใช่ค่ะแล้วเขาก็พูดว่า วันนี้นะเปิดหลังที่1 หลังแรกแล้วต่อไปคุณมาลัยเขาจะค่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ มันเหมือนพระเจ้าให้เขาตามปากเขาทุกอย่างเลยนะ” เราไม่มีเงินสร้างทีเดียวทุกอย่าง แต่เราจะค่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ แล้วตอนเด็ก ๆ พี่มาลัยชอบไปอยู่บนต้นไม้นะขนาดเป็นเด็กผู้หญิง พอทำโฮมสเตย์ที่หน้าบ้านแล้ว 2 ห้องแล้ว ก็มาต้นไม้เพาะจากเมล็ดเลย “ต้นมะขวิด” อายุ 30 ปี จมน้ำไม่ตาย แต่ต้นอื่นจมน้ำตายหมด“เราก็เลยสร้างหลังแรก หลังแรกคือบ้านมะขวิดซึ่งต้นเพาะจากเมล็ดเลย แล้วพอสร้างหลังแรกเอ๊ะ! ฝรั่งต่างชาติใครมาก็ชอบบ้านบนต้นไม้หมด สร้างหลังที่สองชื่อบ้านมะขาม มะขามเราก็เพาะจากเมล็ดอีกอันโน้นอายุ 29 ปี ทีนี้ถ้าต่างชาติมาพักจะพักบ้านบนต้นไม้ทั้งสองหลัง” ถึงตอนนี้ถ้ารวมทั้งหมดแล้วในส่วนของที่พักก็จะมีอยู่ทั้งหมด6 หลัง
พลิกชีวิตได้เพราะ “บัววิกตอเรีย” เพาะพันธุ์ขายมีเท่าไรก็ไม่พอ!
เอาเป็นว่าเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วพี่มาลัยดังมาก! จากที่เราแบบเป็น “จน” อาหารไม่พอกิน กลายเป็นว่าเราผลิตบัวเท่าไรก็ไม่พอขายนะช่วง 4-5 ปีที่แล้ว ผลผลิตเท่าไหร่ไม่พอขาย แม้กระทั่งต่างชาติก็มาซื้อเราไปมีคนมาติดต่อแล้วเขาส่งไป เวียดนาม กัมพูชา ญี่ปุ่น ฯลฯ ต่างประเทศคือเราดังมาก เราขายสายพันธุ์ผลิตเท่าไรก็ไม่พอขาย“มันเหมือนเรามีพรสวรรค์ทางด้านนี้ แต่เราอยากผลิตบัวสีแล้วก็ไปซื้อมาทุกสีเลยนะมาปลูก แต่มันไม่ประสบความสำเร็จ มันแปลกมาก แล้วลูกค้าที่เขามาซื้อบัวนี้เราไป เขาก็จะทำแบบเรา เราก็ไม่เคยปิดกั้นนะคะ เราบอกเขาทุกอย่างแต่เขา ไม่ประสบความสำเร็จ เขาทำบัวสีสำเร็จแต่ทำบัววิกตอเรียไม่สำเร็จเหมือนเรา” แต่เราทำบัวสีซื้อมาให้แพงยังไงก็ตายหมด มันแปลก!
แล้วก็ลูกชายบอกว่าแม่คนมาที่สวนเราเยอะนะเราเปิด “คาเฟ่” ดีกว่า ก็เลยมีคาเฟ่ด้วยซึ่งจะเป็นของลูกชาย เราก็เลยไม่ขายน้ำตู้แล้ว(พวกน้ำขวดต่าง ๆ แช่เย็น) เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาได้ไปอุดหนุนคาเฟ่ แล้วก็ลูกสาวช่วงที่มีคนมาเยอะมาก ๆ ลูกสาวเขาก็จะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ ส้มตำก็จะมีตำก้านบัวด้วย โอ้โหเวิร์กมาก อร่อย กรอบมากจากก้านบัว นอกจากนี้ยังสามารถทำเมนู แกงส้ม ต้มกะทิปลาทู ผัดกุ้ง-ไก่-ปลาหมึก แล้วก็ทำ ขนม แต่ช่วงนี้มะพร้าว(ใช้มะพร้าวทึนทึก) หายากก็เลยไม่ได้ทำ ขนมบัววิกตอเรียหนึ่งเดียวในโลก แล้วก็เป็น OTOP จ.นนทบุรี ด้วย หนึ่งเดียวในโลกจริง ๆ จะไปที่ไหนก็ช่างจะไม่ได้กินนอกจากที่สวนมาลัยบัววิคตอเรีย
วิกฤต “โควิดฯ” แต่ไม่วิกฤตศรัทธา ยังคงเดินหน้าพัฒนาต่อ...
ที่พี่มาลัยคิดว่าเอาหลานลงไปได้เพราะอะไร เพราะว่าพี่มาลัยเนี่ยอ่านหนังสือแล้วก็ดูสารคดีเห็นบัวใบใหญ่ ๆ ดูในสารคดี “งูอนาคอนด้า” ตัวใหญ่มาก! แล้วเขาขึ้นไปพันกันอยู่ในใบบัว พี่มาลัยเลยนึกงูอนาคอนด้าตัวใหญ่เป็น 100 กิโลขึ้น! เราลองเอาคนซิให้คนลองลงไปอยู่บนใบบัว แล้วหลานที่ลงไปคนแรกเด็ก ๆ แบเบาะใช่ไหม พอต่อไปเขานั่งได้ ยืนได้ ทุกอิริยาบถเลยนะแล้วพอหลัง ๆ เนี่ย เขาน้ำหนักมาก(เป็น100 กิโล!) จนเขาลงไปไม่ได้แล้ว เราก็เลยให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาตั้งแต่ 20-30 กก. ล่าสุดตอนที่บัวสมบูรณ์มาก ๆ เคยได้ถึง82 กิโลกรัม อันนั้นว้าว! มาก(เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.10 เมตร) แต่ว่าก็ไม่ใช่ทุกใบที่จะให้คนลงไปได้ มันจะเป็นบางใบที่เราเลือกแล้วว่าใบไหนสมบูรณ์ที่สุด ของเราทำมานานเราจะรู้ว่าใบไหนสมบูรณ์ ใบไหนไม่สมบูรณ์
“วิกตอเรียจะพิเศษกว่าบัวไทยบ้านเรา วิกตอเรียดอกเขาจะบานตอนกลางคืนพอเริ่มพลบค่ำเขาจะเริ่มแย้ม ในสวนของเราจะมีกลิ่นหอม เริ่มแย้มจะเริ่มเป็นสีขาวในสวนของเราถ้ามาเดินกลางคืนจะหอมนะ หอมชื่นใจ แล้วก็พอรุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งจะกลายเป็นชมพูอ่อน พอ 16.00-17.00 น.จากสีขาวเมื่อคืนเป็นสีแดงม่วง แล้วก็จะบานคนละรูปแบบหมดเลยนะคะ พอบานได้สองวันกลีบดอกจะเริ่มเน่าสลายแต่ว่าจะเหลือตุ้มดอกของเขา ตุ้มดอกของเขาก็จะค่อย ๆ โน้ม จมลงในน้ำ แต่ว่าดอกใหม่ก็จะโผล่ขึ้นมาคือเขามีตลอด”
แล้วพอมาเจอกับวิกฤต “โควิด-19” ก็เหมือนกับว่านักท่องเที่ยวน้อยลง แล้วก็หลังโควิดฯ ก็เป็นเศรษฐกิจย่ำแย่“ช่วงโควิดฯ
จริง ๆ ก็ไม่ได้ถึงกับนิ่งไปเลยนะ คนโทรมาบอกว่า อยู่บ้านมันเหมือนกับว่ากลุ้มใจอะไรอย่างเงี้ย ลูกหลานก็อยากจะมาเที่ยวมาอยู่กับธรรมชาติ ขออนุญาตเข้ามาเดินอยู่ในสวนคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม ก็เข้ามานะในนี้เราก็มีเปลมีที่ให้นั่งพักผ่อนกันได้ พาลูกมาเดินในสวน มีค่ะมีตลอดแต่ว่าเราก็ให้เขาใส่แมสก์ป้องกัน แล้วก็เราจะมีแอลกอฮอล์ไว้ให้ล้างมือด้วย เพื่อเป็นการป้องกัน” แต่พี่มาลัยไปเที่ยวทุกที่ก็เหมือนกัน ก็เงียบเหมือนกับสวนเรา แต่พี่มาลัยสู้เหมือนกับว่าเราก็ไปเที่ยวที่อื่น ที่อื่นเขาก็เหมือนเรา เขาก็เงียบเหมือนเรา แต่เราสู้มาตลอดยังไงก็สู้แล้วเราก็ปรับปรุงสถานที่ของเราไปเรื่อย ๆ ไม่จำเป็นว่านักท่องเที่ยวมาเยอะแล้วเราถึงจะปรับปรุง เราจะปรับปรุงของเราไปเรื่อย ๆ แล้วก็พอนักท่องเที่ยวเริ่มมา ของเราก็ดูดีเหมือนเดิม
กว่า 29 ปีสวนมาลัยบัววิคตอเรีย ความหลงใหลสู่อาชีพพลิกชีวิตได้! จากเงิน 1,500 ก้อนเดียวที่มีอยู่ในบ้านขอบคุณไอเดียอาชีพดี ๆ จากพี่มาลัยเจ้าของสวนมาลัยบัววิคตอเรียที่กรุณาร่วมแบ่งปันแนวคิดและประสบการณ์สุดพิเศษในการแจ้งเกิดธุรกิจได้จาก “บัวยักษ์” ความหลงใหลสู่อาชีพพลิกชีวิตได้! อย่างแท้จริงและถึงแม้ว่าในวันนี้สถานการณ์และก็สภาพการณ์ทางเศรษฐกิจอาจจะส่งผลต่อการมาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวอยู่บ้าง แต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่ยังแน่วแน่อยู่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยก็คือ ความรัก ความตั้งใจ และเอาใจใส่ในอาชีพนี้พยายามพัฒนาเพื่อจะไปต่อไป อย่างไม่เคยหมดศรัทธาเหมือนดั่งเป็นอาชีพที่ “พระเจ้าให้มา” ที่มาลัยเชื่ออย่างหมดใจมาตั้งแต่นั้น
สามารถไปดื่มด่ำบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติมาก ๆ ใกล้เมือง หรือไปท้าพิสูจน์ความใหญ่ยักษ์! ของบัววิกตอเรียที่นี่ได้ซึ่งจะมีมือโปรอย่าง “คุณลุงพงศ์” คอยดูแลใกล้ชิดที่รับรองได้ขึ้นแล้วไม่จมแน่นอนจากประสบการณ์กว่า 29 ปีเป็นประกัน ติดตามผลงานหรือสอบถามเพิ่มเติมไปได้ที่ 66/1 ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี FB : สวนมาลัย บัววิคตอเรีย Victoria Water Lily Malai Garden หรือโทร.089-057-2289
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *