xs
xsm
sm
md
lg

น้อมรำลึกในหลวง ร.9 ผ่านภาพถ่ายในร้านก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ “อึ้งเอี่ยมเฮง” ย่านสะพานควายที่ “ขอเป็นส่วนเล็กๆคนไทยไม่ลืมพระองค์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เนื่องใน วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 และที่ผ่านมารัฐบาลกำหนดให้เป็นวันพ่อแห่งชาติ และเป็นวันชาติ ด้วย เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ในครั้งนี้ ขอนำเสนอเรื่องราวของผู้ประกอบการรายหนึ่งที่ ได้น้อมนำศาสตร์ของพระราชา มาใช้ในการดำเนินชีวิต


ร้านก๋วยเตี๋ยวประดับประดาไปด้วยภาพ ในหลวง 9

แม้ว่า วันนี้ จะไม่มีพระราชาที่เค้ารักและเทิดทูนแล้ว แต่ยังคงเก็บภาพความทรงจำผ่านภาพถ่ายที่มีติดไว้ภายในร้านก๋วยเตี๋ยวของตนเองเสมือนแกลอรี่ย่อมๆ ให้คนที่ได้มากินก๋วยเตี๋ยวได้ชมและไม่ลืมนึกถึงในหลวงที่ปวงชนชาวไทยรักและเทิดทูน

ครั้นเมื่อได้มีโอกาสเดินผ่านย่านสะพานควาย ได้ไปสะดุดตากับร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านหนึ่งในย่านนั้น ที่ยังคงเก็บภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไว้เต็มร้าน แม้ว่า การสิ้นพระชนม์ของพระองค์จะผ่านมา หลายปี แต่เจ้าของร้านก็ยังคงรำลึกถึงท่าน ผ่านภาพถ่ายที่จัดแต่งอยู่เต็มร้านเสมือนแกลอรี่ย่อมๆ และเราไม่พลาดที่จะเข้าไปพูดคุยถึงความรู้สึกของเจ้าของร้านว่ารู้สึกอย่างไร ทำไมถึงยังคงเก็บภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ของในหลวง รัชกาล 9 ไว้เต็มร้าน


ทำไมถึงตกแต่งร้านด้วยภาพในหลวง ร.9

นายภาณุวัฒน์ ธรรมโส เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ ชื่อว่า “อึ้งเอี่ยมเฮง” บนถนนสุทธิสาร เล่าให้เราฟังว่า ตนเองได้เปิดร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งนี้ เมื่อปี 2562 ถึงตอนนี้ผ่านมากว่า 5ปี ส่วนการตกแต่งร้านด้วยพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 เกิดจากความรักในพระองค์ท่าน และต้องการจะน้อมรำลึกถึงคุณงามความดีที่พระองค์ท่านทำให้กับปวงชนชาวไทย มาตลอดพระชนม์ชีพ และต้องการให้ทุกคนที่ผ่านไปผ่านมาหรือคนที่ แวะมากินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านพอได้มาเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านก็ไม่ลืมที่จะย้อนรำลึกถึงคุณงามความดีที่พระองค์กระทำให้กับพวกเราคนไทยทุกคน หรือ แม้แต่คำสอนของพระองค์ที่ทิ้งไว้ให้เราได้ใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตจนถึงทุกวันนี้


ยึดแนวทางศก.พอเพียงก้าวข้ามวิกฤติต่างๆมาได้

ส่วนตัวเองที่ผ่านมา จะน้อมนำคำสอนของพระองค์มาใช้ในการดำเนินชีวิตมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการน้อมนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต ทำให้ผ่านพ้นวิกฤตทางการเงินมาได้ตลอด แม้ว่าจะเจอผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงเวลาใดๆ ก็ตาม รวมถึงการก้าวข้ามสถานการณ์โควิด19 ที่ทำให้ตัวเองไม่มีรายได้เลยในช่วงนั้น แต่ด้วยความยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาตลอด ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟื่อย ทำให้เราสามารถผ่านพ้นวิกฤติตรงนั้น และรุกขึ้นยืนได้ โดยไม่ต้องเป็นภาระและไปรบกวนคนอื่นๆ ภายในบ้าน

สำหรับหลักคำสอนของพระองค์มีมากมาย แต่ที่ตนเองรู้สึกชื่นชอบ ในหลักคำสอนของพระองค์ คือ การที่พระองค์ เคยสอนว่า “เราไม่ควรให้ปลาแก่เขา แต่ควรจะให้เบ็ดตกปลา และสอนให้รู้จักวิธีตกปลาจะดีกว่า” ความหมายของการให้เบ็ด เป็นการยกตัวอย่าง ว่าควรสอนคนให้รู้จักวิธีทำมาหากินตามความสามารถ เพื่อความเป็นอยู่แบบพอเพียงจะได้มีชีวิตแบบยั่งยืน ครอบครัวอบอุ่นและช่วยลดปัญหาสังคมไปในตัวด้วย เพราะที่ผ่านมา ตนเองเป็นทั้งผู้รับ และเป็นทั้งผู้ให้ ซึ่งคำสอนตรงนี้ นำมาใช้ได้ อย่างดี เมื่อเราเป็นผู้ให้แบบยั่งยืน (แต่สูตรก๋วยเตี๋ยว ผมขอไว้นะครับ อย่างอื่นผมบอกได้)


ที่มาของพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ร.9

ทั้งนี้ ที่มาของพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาตกแต่งร้าน มาจากภาพเก่าที่เก็บสะสมมาตั้งแต่สมัยที่เปิดร้านขายของเก่า ค่อยสะสมมาเรื่อย หลายภาพอาจจะหาชมไม่ได้แล้ว เราก็ไปหามาจากตามบ้านของคนทั่วไป บ้าง โดยเข้าไปขอแบ่งเขามา หลายคนที่ยอมขายให้เราเพราะเห็นว่าเราชื่นชอบ และรักในพระองค์ท่านอยากจะเก็บภาพของพระองค์ที่หายากเหล่านี้ เอาไว้จริง ๆ เขาถึงยอมขายให้ ซึ่งต้องบอกว่ากว่าจะได้มาแต่ละภาพก็ต้องเจรจากันอยู่นาน ราคาภาพมีตั้งแต่หลักพัน ไปจนถึงหลักหมื่นบาท ซึ่งกว่าจะรวบรวมภาพเหล่านี้ มาได้ ใช้เวลาหลายปี พอได้มาก็อยากจะแบ่งปันให้กับคนที่ยังรักพระองค์ ได้ชื่นชมและขอที่จะเป็นส่วนเล็กๆ ที่ทำให้คนไทยไม่ลืมพระองค์ ฯ


วิกฤตโควิด ต้องปิดร้านขายของเก่า มาเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว

นายภาณุวัฒน์ เล่าถึงที่มาของร้านว่า จุดเริ่มต้นมาจากสถานการณ์โควิด ทำให้เดิมตนเองทำอาชีพค้าขายของเก่าโบราณ ที่ตลาดนัดจตุจักร แต่พอเจอสถานการณ์โควิดทำให้ต้องปิดกิจการลงไป ช่วงนั้น ก็เลยขอกับทางครอบครัวแฟน ว่าขอพื้นที่หน้าบ้าน เปิดเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวได้ไหม เพราะย่านนั้นมีพนักงานออฟฟิศ อยู่ย่านนั้นจำนวนมาก โดยเฉพาะพนักงานธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ มีอยู่หลายร้อยคน แม้ว่าการแข่งขันในย่านนั้นจะมีร้านอาหารเปิดอยู่เป็นจำนวนมากก็ตาม

แต่ทางร้านของเราก็ยังคงสามารถแข่งขันได้ด้วยรสชาติที่ดี และราคาที่ไม่แพง ขายในราคาชามละ 50 บาท พิเศษ 65 บาท ส่วนกำไรในขายก๋วยเตี๋ยว ปัจจุบันไม่ได้สูงเหมือนในอดีต เพราะวัตถุดิบทุกอย่างปรับราคาขึ้นทั้งหมด ขายแค่ 5 ปี แต่วัตถุดิบ โดยเฉพาะเนื้อไก่ก็ขึ้นตลอดเกือบทุกปี


“ส่วนที่มาของสูตรก๋วยเตี๋ยว เริ่มมาจากผมมาจากครอบครัวที่ ค้าขายอาหารข้าวแกง อยู่ที่ตลาดปากเกร็ด ตอนสมัยเด็กๆ ผมได้มีโอกาสช่วยเป็นลูกมือของป้า ในการทำข้าวแกง ทำให้ผมทำอาหารเป็นมาตั้งแต่เด็กๆ และส่วนตัวเองชอบทำอาหาร ถามเคยทำก๋วยเตี๋ยวบ่อยไหม ผมแทบจะไม่ได้ทำก๋วยเตี๋ยวเลย แต่ชอบทำอาหารไทยมากกว่า ส่วนสูตรก๋วยเตี๋ยว สอบถามคนขายก๋วยเตี๋ยวบ้าง และหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตบ้าง และได้ทดลองทำ ให้คนบ้านได้กินก่อนเปิดร้านอยู่สักระยะหนึ่ง จนคนในบ้านบอกว่า สูตรลงตัวแล้ว ทุกคนชื่นชอบ ผมก็เลยตัดสินใจเปิดร้าน และที่ผมเลือกขายก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ เพราะส่วนตัวชอบกิน และบังเอิญที่ย่านนั้น ไม่มีใครขายมาก่อน”


รายได้ไม่มากเท่าอาชีพเดิม แต่ยึดหลัก ศก.พอเพียงอยู่ได้

ถามว่าขายดีไหม “นายภาณุวัฒน์” บอกว่า พอขายได้เรื่อยๆ ครับ แต่ด้วยที่ผมเองไม่ได้เช่าพื้นที่ เหมือนกับร้านอื่นๆ ทำให้เราสามารถประคับประคองกิจการ และมีรายได้พอจะดูแลตัวเอง และแม่ที่ป่วย ต้องใช้เงินในรักษาตัว ส่วนแฟนมีเงินเดือนประจำ เราก็เลยไม่จำเป็นต้องช่วยเหลืออะไรเขามาก ส่วนการลงทุนในการเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวของผม ก็ต้องบอกว่า ผมยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาตลอด โดยเริ่มจากเล็กๆ จริง

“ตอนนั้นผมมีเงินติดตัวหลังจากปิดกิจการร้านขายของเก่า จตุจักร อยู่ประมาณ 20,000 กว่าบาท
ก็เอาเงินก้อนนั้นมาลงทุนทำร้าน ทุกอย่างหาเอาจากสิ่งที่เรามีก่อน ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะ เก้าอี้ มาจากร้านขายของเก่า ส่วน เคาน์เตอร์ ลงมือทำเองง่าย ลงทุนแค่ถ้วยชาม หม้อก๋วยเตี๋ยว เท่านั้น พอขายได้ และค่อยลงทุนเพิ่มตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง แต่หัวใจหลักการขายอาหาร คือ ร้านต้องสะอาด ผมจะต้องทำร้านให้สะอาด ให้คนอยากเข้ามาใช้บริการ และเมื่อร้านสะอาดคนก็อยากเข้ามาลองกิน หลังจากที่ได้กินในครั้งแรก และชื่นชอบ บอกต่อ และกลับมากินอีกในครั้งต่อๆไป”

ติดต่อ โทร.084-652-1848




กำลังโหลดความคิดเห็น