ในอดีตผลิตภัณฑ์ซักผ้า ไม่ว่าจะเป็นผงซักฟอก หรือน้ำยาซักผ้า ส่วนใหญ่ในตลาดจะโดนผูกขาดอยู่กับผู้ผลิตแบรนด์ใหญ่ การเข้ามาแทรกตัวของแบรนด์เล็กจะทำได้ค่อนข้างยาก แต่ด้วยปัจจุบัน การตลาดออนไลน์ ทำให้เราเห็นแบรนด์ใหม่ที่ยังไม่เคยรู้จักมาขายบนโลกโซเชียลเป็นจำนวนมาก และต้องบอกว่ายอดขายไม่ธรรมดา จุดขายนอกจากจะต้องซักสะอาดแล้ว กลิ่นหอมกลายเป็นจุดขายที่ทำให้แบรนด์ผลิตภัณฑ์ซักฟอกรายเล็กอย่าง SME แจ้งเกิดได้ไม่ยาก วันนี้ พามารู้จักกับ ผู้ผลิตน้ำยาซักผ้า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นแบรนด์แรกๆ ที่ผลิตน้ำยาซักผ้าแบบ 2 IN 1 ออกมาจำหน่าย
จากแม่บ้านทำน้ำยาซักผ้าใช้เอง
ก่อนต่อยอดกลายเป็นเจ้าของแบรนด์ขายทั่วประเทศ
นายธันวา ตั้งตระกูล (บอส) เจ้าของบริษัท ไนซ์วอช โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าในครัวเรือน ภายใต้แบรนด์ ดีทัช (Dtouch) เล่าว่า จุดเริ่มต้นที่มาทำน้ำยาซักผ้าดีทัช เริ่มมาจากคุณแม่ มีความสนใจ และต้องการจะทำผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าออกมาจำหน่าย โดยคุณแม่มีสูตรการทำน้ำยาซักผ้าที่ทำใช้เองมาก่อน และหลายคนที่ได้ใช้ต่างชื่นชอบ คุณแม่เลยตัดสินใจทำออกมาจำหน่าย โดยมีโรงงานผลิตของเราเอง และยังรับผลิตให้คนที่สนใจและต้องการจะทำแบรนด์ของตัวเองด้วย
แบรนด์แรกๆ ที่นำนวัตกรรม 2 in 1 มาใช้ในปี 2551
โดยจุดเด่นของน้ำยาซักผ้าแบรนด์ดีทัชของเรา ที่โดนใจใครหลายคน มาจากเราเป็นแบรนด์แรกที่นำนวัตกรรมการผสมผลิตภัณฑ์ซักผ้ากับน้ำยาปรับผ้านุ่มมาไว้เป็นหนึ่งเดียว แบบ 2 in 1 เพื่อช่วยคุณแม่บ้านประหยัดเงินในกระเป๋า ไม่ต้องไปซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่มเพิ่ม และลดขั้นตอนที่ยุ่งยากออกไป เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการทำงาน ที่สำคัญช่วยประหยัดน้ำในการซักด้วย หลังจากที่เราเปิดตัวน้ำยาซักผ้า แบบ 2 in 1 ออกมาเมื่อประมาณ ปี 2551 ตอนนั้นยังไม่มีใครทำมาก่อน เราเลยจะเป็นรายแรกที่นำนวัตกรรมดังกล่าวมาใช้ แต่หลังจากนั้นจะมีผู้ผลิตแบรนด์อื่นๆ หันมาทำ แบบ 2 in 1 ออกมาขายกันมากขึ้น
ผลิตภัณฑ์ซักผ้าปัจจุบันแข่งกัน
กลิ่นหอมใครจะติดทนนานกว่ากัน
นอกจากนี้ จุดขายอีกอย่างหนึ่งที่ปัจจุบันหลายแบรนด์นำมาเป็นจุดขายมัดใจลูกค้า คือ กลิ่นหอมที่ติดทนนาน ซึ่งเป็นจุดขายของผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าดีทัชของเราเช่นกัน เนื่องจากปัจจุบัน คุณแม่บ้านจะชื่นชอบที่จะให้เสื้อผ้าของตนเองและคนในครอบครัวมีกลิ่นหอม ทำให้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าจะหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของการออกแบบน้ำยาซักผ้า และน้ำยาปรับผ้านุ่มให้มีกลิ่นหอม จะเห็นได้จากหลายคนต้องใช้เงินไปกับการซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่ม เพื่อเพิ่มความหอมให้เสื้อผ้าในราคาที่แพงขึ้น โดยเราเองให้ความสำคัญ นอกเหนือจากการซักผ้าที่สะอาดแล้ว น้ำยาซักผ้าของเรายังช่วยทำให้ผ้ามีกลิ่นหอม อ่อนๆ และหอมยาวนาน จากกลิ่นฟลอรัล เป็นกลิ่นอโรมา
นายธันวา เล่าว่า กว่าจะได้สูตรน้ำยาซักผ้าแบรนด์ดีทัช ออกมาจำหน่าย คุณแม่ได้ใช้เวลาในการพัฒนาสูตรกว่าจะลงตัวและนำออกมาจำหน่ายนานพอสมควร โดยได้มีการทดลองปรับสูตรหลายครั้งมาก ซึ่งการปรับสูตรแต่ละครั้ง เหมือนกับว่า คุณแม่จะคิดค้นสูตรไปพร้อมกับลูกค้า ซึ่งเป็นผู้ใช้งานจริงว่าต้องการอะไร และอยากให้เราเพิ่มอะไร เพื่อจะได้สูตรที่ดีที่สุด และโดนใจลูกค้ามากที่สุด
จนได้แบรนด์ดีทัช และนำออกมาจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ผ่านมาประมาณ 15 ปีมาแล้ว และจากการทดลองก่อนออกขายหลายรอบ ทำให้เราเข้าใจความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันที่ต้องการสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยย่นระยะเวลาทำให้สะดวกและรวดเร็ว รวมถึงต้องมีคุณภาพ และประสิทธิภาพ ในราคาที่เหมาะสมด้วย
ช่องทางการขายแบรนด์เล็ก
ขอแชร์ตลาดซูเปอร์มาร์เกตชั้นนำ
ในส่วนของการทำตลาด เนื่องจากถ้าย้อนไป 15 ปี ตลาดออนไลน์มันยังไม่บูม เราขายสินค้าของเราเลยยึดตลาดออฟไลน์เป็นหลัก โดยตลาดหลักของเราอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในช่วงแรก หลังจากนั้นจะขยายตลาดออกไปต่างจังหวัดทั่วประเทศ ผ่านช่องทางการขายที่เป็นชอป และซูเปอร์มาร์เกต แต่มีเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์เข้ามาบ้าง แต่อยู่ประมาณแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ สัดส่วนการขายของเราตอนนี้ยังเป็นลูกค้าที่อยู่ในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงมากกว่า
โดยปัจจุบันสินค้าของเรามีวางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เกต และร้านชอปขายสินค้าอีกหลายแห่ง เช่น ร้านเจ้เล้ง กูรเม่มาร์เก็ต วิลล่ามาร์เก็ต ฟู้ดแลนด์ และร้านพอดีชอป บนถนนพระอาทิตย์ และในส่วนของช่องทางออนไลน์ อยู่ในแพลตฟอร์ม อย่างลาซาด้า และช้อปปี้ และมีเพิ่มช่องทางโซเชียลหน้าเพจ Facebook และ Tiktok
การขายน้ำยาซักผ้าบนโลกออนไลน์
ถ้าดีจริงแจ้งเกิดได้ไม่ยากเลย
นายธันวา พูดถึงการแข่งขันในตลาดออฟไลน์ การแข่งขันสูง แต่การที่เราจะเบียดเข้าไปขอส่วนแบ่งตลาดพอจะทำได้สินค้าของเรามีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพที่มัดใจลูกค้า เพราะลูกค้าจะกลับมาซื้อซ้ำ และเนื่องจากผลิตภัณฑ์ซักผ้า มูลค่าการตลาดสูง และเป็นสินค้าจำเป็น ยังไงถ้าเราทำสินค้าดีมีคุณภาพ จะสามารถขายได้อย่างแน่นอน แม้ว่าการแข่งขันจะสูงก็ตาม เพราะถ้าขายไม่ได้ เราเป็นแบรนด์เอสเอ็มอีเล็ก คงจะอยู่ไม่ได้ยาวนานถึง 15 ปี โดยที่ไม่ได้ทุ่มการทำประชาสัมพันธ์เหมือนผู้ผลิตรายใหญ่ๆ
อย่างไรก็ดี ถ้าให้มองการแข่งขันในตลาดออนไลน์ที่มีการหันมาไลฟ์สดขายกันเยอะขึ้น ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเลี่ยงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไม่ได้ ช่วยทำให้แบรนด์เล็กอย่างเราสามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้นด้วย เป็นโอกาสในการแจ้งเกิดแบรนด์เล็กในตลาดด้วย เพราะแบรนด์เล็ก โอกาสจะนำเงินไปทุ่มโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อที่ต้องใช้เงินเยอะ คงจะเป็นไปได้ยาก แต่พอมีช่องออนไลน์ ถ้าสินค้าดีและมีประสิทธิภาพ โอกาสการเข้าถึงลูกค้าและโอกาสการขายมีมากขึ้น หลังจากลูกค้าซื้อใช้ ดีจริง จะซื้อซ้ำและเกิดการบอกต่อ
ติดต่อ โทร.08-3829-6265
www.dtouchthailand.com
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด