xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) จากคนตกงานสู่การแบ่งปันอาชีพ “แซนด์วิชไอตัวเล็ก” ฉีกกฎโบราณด้วยไส้ทะลัก! ขายง่ายกำไร 5-10 บาท/ชิ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เพราะว่าเราผ่านจุดตรงนั้นมาแล้วที่ว่าเขาทำให้เราไม่ทันก็คือเราจะรับแค่เราไหว รับแค่ที่ว่าเราทำได้ ลูกค้าจะได้ของตามวันที่เรากำหนดทุกอย่าง บางคนเขาไปจองตลาดไว้ของก็ต้องไปถึงให้ทัน ของเรามันสดใหม่เพราะน้ำสลัดหนูทำใหม่ทำตามออเดอร์ทุกวัน”


จิตติญา วิเศษดอนหวาย หรือ “อัง” แม่ค้าคนสวยเจ้าของร้าน “แซนด์วิชไอตัวเล็ก” แห่งตลาดเซฟวัน Go จากแซนด์วิชโบราณที่ฉีกกฎด้วยไส้ทะลัก! แบบจัดเต็มสู่ความสำเร็จในการขายอย่างถล่มทลายมาแล้ว คุณอังเล่าให้เราฟังว่า จากวิกฤต “โควิด-19” ที่ผ่านมาตนเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ ตอนนั้นตกงาน! เพราะว่าร้านเบเกอรี่ที่ทำงานเป็นลูกจ้างอยู่เขาไปต่อไม่ไหว แล้วเราจะเอายังไงต่อกับชีวิต? เลยลองโพสต์หาอะไรขายจนกระทั่งมาได้รู้จักกับ “แซนด์วิชโบราณ” ตอนแรกเรารับเขามาขายก่อน แล้วทีนี้เลยอยากหารายได้เสริมเราลองโพสต์ขาย “ทีนี้พอโพสต์มันมีออเดอร์มาเรื่อยๆ ออเดอร์แรกคือ 10 ชิ้นค่ะ ตอนนั้นคือดีใจมาก (หัวเราะ) ได้ออเดอร์มาคือเราขายแต่แซนด์วิชอย่างเดียวค่ะ ตั้งแต่ 10 ชิ้นนั้นจนถึงพีกๆ สุดได้ประมาณ 300 ชิ้น/วัน” สิ่งที่ทำให้ลูกค้าติดใจคือว่า รสชาติ ราคา และความคุ้มค่า ในตอนนั้นที่เรารับเขามาขายแล้วมันจะมีจังหวะที่แบบว่าลูกค้าเราเยอะ ในขณะที่ร้านเองเขามีลูกค้าของเขาเยอะเหมือนกัน แล้วเขาทำให้เราไม่ทัน“ตอนนั้นคือเราแย่เลยค่ะ ไม่มีของส่งลูกค้า แล้วช่วงนั้นไม่ได้ของมาขายบ้างได้บ้างไม่ได้บ้างอะไร ทำให้เราผิดนัดลูกค้าช่วงนั้นลูกค้าหายไปหมดเลยค่ะ หายไปเลย! ช่วงนั้นคือดาวน์มากคือเครียดเลยค่ะช่วงนั้น” จากนั้นเลยลองทำเอง ลองทำเองทำน้ำสลัดที่เรียนสูตรมาจากยูทูบบ้างอะไรบ้าง แต่มันไม่ได้คือเละตุ้มเป๊ะไปเลย ขนมปังไม่รู้จะใช้ของอะไร หมูหยองใช้ของอะไร โบโลน่าใช้ของอะไร คือเละเทะหมดเลยคือไม่ได้เลย ลูกค้าไม่ติดเลย“เราเลยแบบว่าปรึกษาพี่ที่เขาขายให้เราค่ะ น้ำสลัดอันนี้คือเราไปขอซื้อสูตรเขามา แล้วเราเอามาปรับเป็นสูตรของร้านไอ้ตัวเล็กโดยเฉพาะเลยค่ะ เอามาปรับเปลี่ยนใหม่ให้หมดเลยค่ะเรื่องความหอม เรื่องความกลมกล่อม คือเด่นขึ้นมาเลยแล้วมันก็เป็นแบบว่าโบราณที่เรากินกันตอนเด็กๆ รสชาติคือเป็นโบราณเลยค่ะ” จากแซนด์วิชโบราณที่ว่าสมัยตอนนั้น “ไส้” มีนิดเดียว แต่อันนี้เราคืออัดไปเต็มที่! ให้มันเป็นฉีกกฎแซนด์วิชโบราณยุค’90 ความทรงจำในอดีตของหลายๆ คน




“แซนด์วิชโบราณไส้ทะลัก” คือคำตอบ ขายดีมากจนแม่ค้าผลิตให้ไม่ทัน!
อันนี้เราคืออัดให้ลูกค้า ลูกค้าคือได้ไปคุ้มค่าแน่นอน และลูกค้าติดใจเรื่องรสชาติ เรื่องความคุ้มค่าแล้วเขากลับมาซื้อ “แรกๆ เขาก็ซื้อไปกิน หลังๆ เขาก็ซื้อไปขายค่ะ” ตอนนั้นที่ไปคุยกับเจ้าของสูตรดั้งเดิมบอกกับเขาว่า เราอยากมีรายได้เพราะว่าตอนนั้นเราไม่มีงานทำด้วย ตกงาน เลยเกิดเป็นความเห็นใจกัน“แต่ว่าสูตรของเขาเราเอามาปรับใหม่หมดเลย อย่างอันนี้ (หมูหยองน้ำพริกเผา) เรามาทำเอง ไม่ใช่ของเขาอะไรอย่างเงี้ยค่ะ คือมาทำใหม่หมดเลย” อย่างสูตรนี้หัวใจหลักของเขาเลยคือว่า “น้ำสลัด” ซึ่งตัวนี้จะเด่นไปทางความหอมหวาน มันกลมกล่อมและไม่เปรี้ยว บางเจ้าจะมีออกเปรี้ยวลูกค้าไม่ติดเลย แต่อันนี้จะหอมหวานมัน ตอนที่รับมาจะมีเป็นโบราณ (น้ำสลัดโบราณ) อันนี้เรามาทำเอง ทำเองหมดเลย และมาปรับเอาใส่ “ฝอยทอง” เอาน้ำสลัดมาใส่ฝอยทองพอลองชิม มันเข้ากัน แล้วมี “ใบเตย” เราลองทำขึ้นมาเอง สรุปคือมันเข้ากัน ลูกค้าติดใจ“ตอนนี้คือมี โบราณ จะเป็นหมูหยองกับไก่หยอง พริกเผา จะมีหมูหยองกับ “ไก่หยอง” สำหรับลูกค้าอิสลามด้วย แล้วจะเป็น ฝอยทองน้ำสลัด และอีกตัวหนึ่งเป็นฝอยทองใบเตย”





พัฒนาต่อยอดจาก “สูตรดั้งเดิม” สู่ยอดขายสุดพีก 2,000 ชิ้น/วัน!
อันนี้ขายได้พีกสุดประมาณ 2,000 ชิ้น/วัน คือรวมยอดขายทั้งหมดเลยต่อวันทั้งออนไลน์และหน้าร้านด้วย “เพราะว่าตอนนี้หนูมีลูกน้องแล้วไงคะ (หัวเราะ) จากเมื่อก่อนคือทำสองคนกับแฟนช่วยกัน ตอนหลังคือต้องรับคนเพิ่มเพราะว่าลูกค้าเรามีตอนนี้ทั่วประเทศเลย คือส่งได้ทุกจังหวัดเลยค่ะเพราะว่าแซนด์วิชของเรามันอยู่ได้ 5 วัน โดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น แต่ถ้าแช่ตู้เย็นอยู่ได้ 7 วัน จะยืดเวลาออกไปอีก” ส่งต่างจังหวัดได้และลูกค้ามีระยะเวลาการขายด้วย แต่จริงๆ แล้วแซนด์วิชโบราณสมควรที่จะกินให้หมดภายใน 3 วันจะดีกว่า มันไม่เสีย แต่ว่าขนมปังมันจะเริ่มแข็งตามอายุของเขาเพราะว่าขนมปังมันจะอยู่ได้แค่ 7-9 วัน ถ้าเราไม่ใส่โบโลน่าคืออยู่ได้ถึง 7-9 วันเลย อันนี้ของเรามันมีโบโลน่าไก่ด้วย“ของเราไม่มีการใส่สารกันบูด ไม่มีอันนี้คือเราทดลองโบโลน่าหลายยี่ห้อแล้วค่ะ คือศึกษาเองอะไรเองหมดเลย แซนด์วิชเราทำเองจะไม่ใส่สารกันบูดค่ะ” ทุกครั้งเวลาที่จะมีการทำไส้ใหม่ๆ ออกมา คือมาจากการเห็นอะไรใหม่ๆ จะลองเอามาทำดูก่อน อย่างน้ำสลัดใบเตยจะใช้เวลาทำอยู่ประมาณ 3-4 รอบ กว่าจะได้ กว่าจะได้สูตรที่เป๊ะเรามีการส่งให้ลูกค้าชิมด้วย พอเขาได้ชิมแล้วและมีการตอบรับกลับมาดี เราจึงจะเริ่มทำออกมาจำหน่ายต่อไป“ลูกค้าสั่งมาเรื่อยๆ เลยค่ะ ทั้งสั่งเป็นตัวน้ำสลัดไปทำเอง แล้วก็สั่งแบบสำเร็จไปสำหรับคนไม่มีเวลา” ลูกค้าตอบกลับมาดี อย่าง “พริกเผา” ตัวนี้ไม่เผ็ดเด็กๆ ก็กินได้ กลมกล่อม บางคนชอบพริกเผามากกว่าโบราณอีกเพราะว่ามันจะมีรสชาติมากกว่า หรืออย่าง “ฝอยทอง” อันนี้เลือกใช้ฝอยทองเกรดค่อนข้างดี ตัวนี้จะไม่มีกลิ่นคาวไข่เลยจะหอมแบบเป็นกลิ่นดอกมะลิ พอมาทานคู่กับน้ำสลัดโบราณคือเข้ากันมาก




ใช้ของดีทำจนลูกค้าติดใจ รู้สึกคุ้มค่าในราคาที่ไม่แรง!
เราใช้ของคุณภาพแน่นอนเพราะว่าเราก็กินเองด้วย อย่างลูกชายของแม่ค้าเองก็ชอบ อย่างตอนเช้าเขาก็กินไปโรงเรียน เรามั่นใจได้เลยว่าของๆ เรามีคุณภาพ ไม่งั้นลูกค้าไม่ติดเยอะขนาดนี้ “ถ้าขายปลีกปกตินะคะ ขายปลีกราคา 20 บาท แต่ถ้าหนูมาออกตลาดมันจะมีค่าใช้จ่าย มันต้องเพิ่มเป็น 25 บาท ใช่ ถ้าออกตลาดออกบูทคือ 25 บาทค่ะ แต่ถ้าซื้อในเพจหรือสั่งทางเฟซบุ๊กอะจะชิ้นละ 20 บาทราคาปลีก แต่ราคาส่งจะเป็น 15 บาท ขั้นต่ำ 20 ชิ้น” ลูกค้าถ้าอยู่ใกล้เขาจะมาซื้อที่นี่เลยที่ตลาดเซฟวัน Go จะแสตนด์บายในการขายอย่างวันธรรมดาประมาณ 200 ชิ้น แต่ถ้าเป็นช่วงวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ถ้าพีกๆ สุดประมาณวันละ 600 ชิ้น ไม่รวมกับออนไลน์ “ตอนนี้กำลังการผลิตสูงสุดที่ทำได้ต่อวัน คือ 2,300 ชิ้น เต็มที่แล้วคือแทบจะไม่ได้กินข้าวกินปลากันเลย (หัวเราะ) คนงานที่ช่วยงานกันอยู่ตอนนี้คือมี 8 คน ขั้นตอนตั้งแต่ทาน้ำสลัด วางโบโลน่า และขนมปังทุกชิ้นคือเราทาน้ำสลัดทุกแผ่นเลยค่ะ เราไม่ได้ทาแผ่นแรกแล้วแผ่นที่สองมาประกบไม่ใช่ เราทาทุกแผ่นเลยบน-ล่าง ทุกแผ่นเลย แต่ละคนคือจะเป็นแต่ละแผนกในการทำไปเลย แผนกปาดขอบขนมปัง อันนี้เราปาดขอบขนมปังด้วยนะคะเพราะว่าเราเอาขอบออกหมดเลย” เหตุผลที่ปาดขอบขนมปังออกไปคือจะได้ “นิ่ม” เวลากินลูกค้าส่วนมากจะชอบแบบนี้




“ยิ่งให้ ยิ่งได้” กลายเป็นการแบ่งปันอาชีพด้วย
ตั้งแต่มาทำเองเลยคือตั้งแต่มาปรับสูตรน้ำสลัดเองได้เริ่มแบ่งปันอาชีพให้คนอื่นเลย “หนูจะอัดคลิปของหนูไว้เรื่อยๆ ว่าตั้งแต่หยิบขนมปังขึ้นมาทาเลยว่าเอามาวาง เอาโบโลน่ามาวางแบบค่อยๆ ทำ เขาจะทำตามได้ คือง่ายมาก เหมือนจับมือทำเราตั้งโทรศัพท์แล้วอัดคลิปของตัวเองด้วย พูดไปด้วยทำไปด้วยอะไรเงี้ยค่ะ เวลาพับแบบไหน พับซ้าย พับขวา เอาขึ้นมาอย่างเงี้ยค่ะ” บางคนแบบว่าเป็นแม่ลูกอ่อนเขาอยากหารายได้เอง เขาทำได้ เราก็ดีใจที่ได้แบ่งปันตรงนี้ “สอบถามได้ตลอดบางคนทักมาดึกๆ หนูก็ลุกขึ้นมาตอบ (หัวเราะ) บอกหมดทุกอย่างในการทำที่เขาอยากจะรู้ แต่ส่วนมากลูกค้าจะซื้อวัตถุดิบจากร้านเราไปเลย เพราะว่าอย่างค่าส่งหนูจะคิดเป็นแบบเหมา 50 บาท คุณจะซื้อน้ำลสัด 10 โลหนูคิดแค่ 50 บาท แบบลูกค้าบางคนซื้อหลายๆ อย่าง หมูหยอง น้ำสลัด โบโลน่าอะ หนูคิดเหมา 50 บาท คิดแบบง่ายๆ ไปเลยค่ะ 50 บาท เขาจะได้ไม่ต้อง แบบว่าไปซื้อร้านนั้นเสียค่าส่งเท่านี้ ไปซื้อร้านนี้เสียค่าส่งเท่านี้ คือจบที่ร้านหนูร้านเดียว” ถ้าอยากจะทำสดเองก็คือซื้อวัตถุดิบจากทางร้านไปทำ แต่ถ้าไม่มีเวลาซื้อแบบสำเร็จไปตั้งขายได้เลย “บางคนโพสต์หาออเดอร์ก่อน แล้วค่อยมาสั่งกับเราก็มี บางคนโพสต์หาออเดอร์แล้วให้เราส่งให้ลูกค้าก็มี ไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะแค่โพสต์อย่างเดียวแล้วก็คือได้กำไรไปชิ้นละ 5 บาท 10 บาท”




ช่องทางจำหน่ายตอบโจทย์ได้ทั้งออนไลน์และหน้าร้านจริง
คุณอัง จิตติญา วิเศษดอนหวาย เจ้าของร้านแซนด์วิชไอตัวเล็ก ยังบอกด้วย ลูกค้าหนูเยอะมากตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็คือ ฟ้ากับเหวเลย! คือไม่คิดว่ามันจะสำเร็จได้ขนาดนี้ จากออนไลน์ช่วงเริ่มต้นจนมาถึงตอนนี้ที่ขายแบบมีหน้าร้านจริงด้วย“ลูกค้าจะได้มีตัวเลือกด้วยค่ะ บางทีว่าออเดอร์มันเยอะมาก ลูกค้าต้องต่อคิว เพราะวันหนึ่งเรารับได้กี่ชิ้นค่ะ บางทีข้ามเดือนไปเลยก็มี (หัวเราะ) ช่วงที่มันพีกๆ ใช่ค่ะ แต่ว่าช่วงนั้นคือเราไม่ได้มีคนเยอะเท่าตอนนี้ คือทำไม่ทันเหมือนกัน คือคุณต้องต่อคิว จอง โอนเงินเรียบร้อย คือโอนเงินก่อนด้วยนะ (หัวเราะ) โอนเงินเรียบร้อยแล้วคือรอเราส่งวันนั้นๆ เราก็นัดวัน บางทีข้ามเดือนก็มี แล้วถ้าเกิดใครไม่อยากรอคิวคือหน้าร้าน เซฟวัน Go ที่เดียว ขายหมดคือกลับ มาช้าคืออดกิน (หัวเราะ) เคยหมดเร็วที่สุดประมาณ 18.30 น. เก็บร้านแล้วค่ะ (เริ่มขาย 15.00-16.00 น.) ขายหมดก็กลับ ของหมดทุกวัน ที่นี่ของหมดทุกวันคนเยอะมาก” ลูกค้าจะมีทุกวัยเลยตั้งแต่นักเรียนจนถึงวัยทำงาน ไปยันคนแก่ทุกวัยเลย ช่วงนี้น้ำสลัดหนูจะขายออกในช่องทางชอปปี้เพราะว่าช่องทางนี้เขาจะมีโค้ดส่งฟรีให้ลูกค้าซึ่งเขาจะกดสั่งกันทางนั้นเยอะ แล้วจะมีแซนด์วิชโบราณลงขายเหมือนกันแต่ว่าชิ้นละ 25 บาท เพราะว่าในแพลตฟอร์มหนูจะมีค่าธรรมเนียมการขายเลยต้องขาย 25 แต่ถ้ามาสั่งกับหนูโดยตรงคือชิ้นละ 15 บาท ของหนูจะมีเป็นในเพจแล้วก็ช้อปปี้ และก็ติ๊กต็อกค่ะ”




เราถามแม่ค้าว่าเคยเจอดรามาอะไรบ้างไหม? คำตอบที่ได้รับตอบมาทันควันเลยคือ มีค่ะ มี ต้องมีทุกร้านดรามา ดรามาของที่ร้านเจอคือ ขนมปังชิ้นเล็ก (หัวเราะ) ส่วนมากเลยคือขนมปังชิ้นเล็ก “บางทีขนมปังถ้าหนูได้มาแบบใหม่จากโรงงานแล้วทำเลย มันชิ้นเล็กนะคะ เพราะว่ามันยังไม่ฟูหนูจะต้องทิ้งขนมปังไว้คืนหนึ่งก่อน เหมือนให้เขาได้เซ็ตตัว ถ้าได้ขนมปังมาใหม่ๆ แล้วมาทำเลยชิ้นเล็กค่ะ แต่ว่านิ่มมาก ลูกค้าจะมีติมาว่าชิ้นมันเล็ก แต่ว่าบางทีขนมปังที่มาจากโรงงานบางล็อตก็จะชิ้นเล็กแล้วเรามาตัดขอบอีก เราได้แจ้งลูกค้าไปว่าถ้าคุณอยากได้ชิ้นใหญ่แจ้งเราไม่ตัดขอบได้ เราทำให้ได้" แจ้งได้หมดเลยหรือ อยากได้น้ำสลัดฉ่ำแค่ไหนก็แจ้งกับทางร้านได้ น้ำสลัดจะมีอายุการเก็บอยู่ได้นานประมาณ 1 เดือน ไม่ต้องแช่ตู้เย็น ราคาจำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 160 บาท ใช้ทาขนมปังเพื่อทำแซนด์วิชโบราณได้ประมาณ 40 ชิ้นขึ้นไป แล้วแต่ว่าการทามากน้อยของลูกค้า ทาเยอะจะได้น้อย ทาน้อยจะได้เยอะ ซึ่งเทคนิคต่างๆ ในการทำจะมีสอนไว้ (เป็นคลิป) ลูกค้าสามารถเข้าไปดูได้ “ทุกอย่างที่ทำคือตั้งใจทำทุกอย่างเลยค่ะ ตั้งแต่เลือกคัดสรรวัตถุดิบอะไรเราเลือกเอง เราทดสอบเองเราชิมเองเราอะไรเองหมดทุกอย่าง แล้วเราซื่อสัตย์กับลูกค้าค่ะ เราไม่เอาเปรียบผู้บริโภค” ตรงปกไม่จกตาแน่นอน ภาพโฆษณาอย่างไรมาดูของจริงได้ก็เป็นอย่างนั้น ใครว่าชิ้นเล็กแม่ค้ากล้าท้าให้มาดูของจริงที่ร้านได้



จากคนตกงานสู่การแบ่งปันอาชีพ “แซนด์วิชไอตัวเล็ก” ฉีกกฎโบราณด้วยไส้ทะลัก! แบบจัดเต็มขายง่ายกำไร 5-10 บาท/ชิ้น อีกทางเลือกการสร้างรายได้เสริมสำหรับคนที่กำลังมองหาโอกาสใหม่ๆ ขอบคุณเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจในการประกอบอาชีพจากแม่ค้าคนสวยเจ้าของร้านแซนดฺวิชไอตัวเล็กที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์แห่งความสำเร็จในครั้งนี้

สามารถติดตามผลงานหรือใครที่อยากมีอาชีพอยากมีรายได้เสริมติดต่อไปได้ที่ เพจ : แซนด์วิชไอตัวเล็ก


คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น