นางบังอร วันน้อย เจ้าของน้ำพริกป้าแว่น ที่โด่งดัง จนไปห้างไหนก็ต้องเจอน้ำพริกป้าแว่น หลายปีก่อน ออกสื่อแทบจะทุกสำนัก เป็นเอสเอ็มอี ที่สร้างตัวจากชีวิตที่ติดลบ ล้มละลายจนแทบจะหมดตัว แต่พอลุกขึ้นมาได้ชีวิตพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ วันนี้ มาดูกันว่า ป้าแว่นเจ้าของน้ำพริกที่โด่งดัง ตอนนี้ต้องบอกว่าได้ฉายาน้ำพริกร้อยล้านตัวจริงไปแล้ว เป็นอย่างไรกันบ้าง ผ่านการบอกเล่าของ ป้าแว่น “นางบังอร วันน้อย”
ป้าแว่น ตัวอย่างความสำเร็จอายุเพียงตัวเลข
ไต่เอสเอ็มอีรายเล็กสู่ เถ้าแก่ร้อยล้าน วัยกว่า80 ปี
ป้าแว่น ชื่อนี้ รู้จักกันทั่วประเทศ จากน้ำพริกที่แจ้งเกิดในร้านสะดวกซื้อชื่อดัง จนซุปเปอร์มาร์เก็ตทุกแห่งติดต่อเพื่อจะขอน้ำพริกของป้าแว่น ไปขาย ทำให้วันนี้ ไปที่ไหนในซุปเปอร์มาร์เก็ต เราจะได้เห็นแบรนด์น้ำพริกป้าแว่น วางขายอยู่แทบทุกห้าง
“นางบังอร” (ป้าแว่น) เล่าว่า ที่เห็นน้ำพริกป้า วางขายในห้างหลายแห่งนั้น ป้าก็ไม่ได้ไปขอเขาวางนะ แต่ทางห้างเห็นว่าน้ำพริกป้าดังจาก การขายในร้านเซเว่น เค้าก็เลยติดต่อเข้ามา ขอเอาน้ำพริกของป้าไปวางขายในห้างของเค้าบ้าง ทำให้วันนี้ น้ำพริกของป้า วางขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตแทบจะทุกห้างแล้ว
หลังโควิดปีทองของป้าแว่น ยอดขายเพิ่มเท่าตัว
ทั้งนี้ ต้องบอกว่า ในช่วง 1-2 ปีนี้ กิจการน้ำพริกของป้าแว่น ดีวันดีคืน “ป้าแว่น” บอกว่า “ได้ยินลูกที่เค้าเป็นผู้จัดการ และลูกที่ดูแลด้านบัญชี เห็นเค้าคุยกันว่าปีนี้ ยอดขายน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท จากก่อนหน้านั้น ป้าก็มียอดขายแค่ไม่เยอะเท่านี้ ถึง100 ล้านบาทไหมอันนี้ ป้าก็ไม่แน่ใจ เพราะป้าก็ไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งเรื่องรายได้ เรามีหน้าที่พัฒนาสูตรน้ำพริก ส่วนเรื่องเงิน เรื่องการบริหารจัดการให้ลูกๆ เค้าจัดการ แต่พอจะรู้ว่า ปีนี้ รายได้เพิ่มเยอะอยู่”
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่า กิจการน้ำพริกของป้าแว่น จะเติบโตแบบดีวันดีคืน จากตลาดที่มีแน่นอนหลายช่องทางทั้งในซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือ ร้านสะดวกซื้อชื่อดัง แต่ป้าก็ไม่หยุดพัฒนาสูตรน้ำพริกของตนเองตลอด โดยในทุกๆ เดือน ป้าแว่นจะต้องมีสูตรน้ำพริกใหม่ๆ ออกมาให้ลูกค้าได้ทดลองชิม ตัวไหนไปต่อไม่ได้แก่ก็จะเลิก และไปพัฒนาตัวใหม่ต่อไป พอถามว่า ตอนนี้ ป้ามีน้ำพริกกี่สูตร แก่บอกว่า “นับไม่ถ้วนหรอกหนู มันเยอะมาก ตัวไหนดีก็ทำต่อ ตัวไหนไม่ดีก็เลิกทำไป”
พัฒนาสูตรน้ำพริกใหม่ต่อเนื่อง
ตัวไหนไม่ได้เอาออกเปลี่ยนใหม่เข้าไป
“ป้าจะคอยเช็กเลยว่า ถ้าน้ำพริกตัวไหนหรือสูตรไหนขายไม่ได้ป้าจะขอทางร้านเซเว่น ถอดน้ำพริกตัวนั้นของป้าออกเลย รวมถึงในห้างอื่นๆ ด้วย ถ้าไม่ดี เราจะขอเองเลยว่าให้เอาออก แต่ทางเซเว่น เขาก็ใจดีกับป้า บอกป้า ทำต่อจนหมดสติกเกอร์พิมพ์มาก่อนแล้วค่อยเลิกก็ได้ แต่ป้าจะรู้ว่าตัวไหนไปได้ตัวไหนไปไม่ได้จากสติกเกอร์ของเรานี้แหละ”
ป้าแว่นยังได้ฝากไปบอกกับ คนที่ค้าขายกับห้าง หรือ ร้านสะดวกซื้อแบบนี้ เราจะต้องรู้ว่า สินค้าของเราไปได้ไหม ถ้าไปไม่ได้ ก็ไม่ต้องให้เขาแจ้งยกเลิกเรา เราเองจะบอกยกเลิกเค้า หรือ หาตัวอื่นๆ เข้าไปแทน
เปิดรับ OEM ต่างชาติบินมาขอผลิตน้ำพริกถึงเมืองไทย
นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา ทางโรงงานน้ำพริกป้าแว่น ยังได้เปิดรับผลิตให้กับคนที่สนใจต้องการจะทำแบรนด์น้ำพริกของตัวเองออกมาขาย และหลังจากที่ป้าแว่นเปิดรับ OEM ก็มีคนสนใจสั่งเข้ามาขอทำน้ำพริกแบรนด์ตัวเองออกไปขายกันพอสมควร แต่ยังไม่ได้เยอะมากมายอะไร แต่ที่ป้ารออยู่ก็จะเป็น ลูกค้าจากต่างประเทศ ที่ประเทศเยอรมันและสวิสเซอร์แลนด์ที่ติดต่อเข้ามา ให้ป้าทำ OEM น้ำพริกให้ เพื่อจะเอาไปขายที่ประเทศของเขา แต่ตอนนี้ ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องสูตรการทำ เพราะในต่างประเทศ จะไม่กินน้ำปลา ไม่กินกะปิ เราก็จะต้องปรับอาจจะหันมาใช้ ความเค็มจากซีอิ้วแทน คาดว่า ถ้าได้ลูกค้าต่างประเทศทั้ง 2 ประเทศนี้ ออเดอร์ก็จะต้องหลายตู้คอนเทนเนอร์ เราก็คงจะต้องลงทุนเพิ่มเครื่องจักร เพราะต้องผลิตจำนวนมาก จะได้ไม่กระทบต่อการทำงานผลิตส่งลูกค้าในประเทศ
ปัจจุบัน น้ำพริกป้าแว่น มีโรงงานผลิตบนพื้นที่กว่า 10 ไร่ กำลังการผลิตน้ำพริกวันละหลายตัน มีพนักงานทำงานที่โรงงานมากกว่า 150 คน มีรายได้ปีนี้ กว่า 200 ล้านบาท มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดทุกปี และป้าแว่นก็พูดเสมอ มีวันนี้ได้ เพราะ “คุณตัน” ที่ช่วยผลักดันน้ำพริกของป้าให้เข้าไปขายในเซเว่น ได้ และเซเว่น ก็ได้เปลี่ยนชีวิตป้าแว่นจากล้มลายในวันนั้น ให้กับมามีชีวิตที่ดีขึ้นในวันนี้ จากเอสเอ็มอีตัวเล็ก ขยับขึ้นมาเป็นเอสเอ็มอีรายใหญ่ ที่หลายคนพูดถึง และอยากจะเป็นอย่างป้าแว่น
ประวัติ ความเป็นมาของน้ำพริกป้าแว่น
ทั้งนี้ เดิมป้าแว่นเป็นลูกชาวนา จบแค่ประถม 4 และมาปลูกผักขาย แต่รายได้จากการปลูกผัก ขายไม่พอ และแก่มีฝีมือในการทำอาหาร โดยเฉพาะการปรุงน้ำพริกอาหารพื้นบ้าน ป้าแก่ก็เลยหันมาขายน้ำพริก ขายดีจนใครรู้จักกันในชื่อของน้ำพริกป้าแว่น แต่ได้เข้าคัดสรรโอทอป และได้ โอทอป 5 ดาว ทำให้ได้ออกบูทในห้าง
และมาถึงจุดเปลี่ยนที่มีคนรู้จักมาสั่งน้ำพริกเยอะขึ้น ป้าแก่ก็เลยมาลงทุนขยายจากทำเล็ก ก็มีโรงงาน แต่พอทำไปตลาดไม่แน่นอน มีหนี้สินจากเงินที่กู้ยืมมากว่า 30 ล้าน ทำให้ไม่มีเงินส่งสุดท้ายป้าแก่ก็เลยเกือบจะต้องเลิกกิจการและล้มลาย แต่โชคดี ที่ป้าแว่นได้มาจากคุณตัน มาช่วยผลักดันน้ำพริกได้เข้าไปขายในเซเว่น แก่ก็เลยมีวันนี้ แม้วันนี้ จะอยู่ในวัย กว่า 80 ปี แต่ก็ยังแข็งแรงทั้งร่างกายและการทำงาน บริหารกิจการน้ำพริก จนมียอดขายหลายร้อยล้าน
โทร 038-209-394
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด