xs
xsm
sm
md
lg

พาณิชย์ปทุมฯ เสริมแกร่งการตลาดกลุ่มเกษตรอัจฉริยะจัดเสวนาเพิ่มขีดความสามารถทางการตลาดสินค้าเกษตร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เสริมแกร่งการตลาดกลุ่มเกษตรอัจฉริยะ พาณิชย์ปทุมฯ จัดเสวนาเพิ่มขีดความสามารถทางการตลาดสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป และอุตสาหกรรมเกษตร สร้างขุมพลังแห่งการแข่งขันในโลกธุรกิจไร้พรมแดน พร้อมรับมือทำ MOU เป้ามูลค่ากว่า 8,000,000 บาท


สำนักงานพาณิชย์จังหวัดปทุมธานี ร่วมกับสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดปทุมธานี และสำนักงานพาณิชย์กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล ประกอบด้วย สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนนทบุรี สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสมุทรปราการ และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครปฐม จัดกิจกรรมเสวนา “ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดออนไลน์ Digital Marketing” โครงการส่งเสริมธุรกิจเกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture Business) กิจกรรมหลัก เพิ่มขีดความสามารถทางการตลาดสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป และอุตสาหกรรมเกษตรของกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล การตลาด เสริมแกร่งด้านตลาดดิจิทัลให้เกษตรกร กลุ่มเกษตรกรและกลุ่มผู้ประกอบการนับ 100 ราย เตรียมความพร้อมสร้างมูลค่าการค้าจากการทำ MOU กว่า 8,000,000 บาท

นายองครักษ์ ทองนิรมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการเสวนาด้านการตลาดดิจิทัล ในกิจกรรมเสวนา “ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดออนไลน์ Digital Marketing” โครงการส่งเสริมธุรกิจเกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture Business) กิจกรรมหลัก เพิ่มขีดความสามารถทางการตลาดสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป และอุตสาหกรรมเกษตรของกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล ของกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28-29 ตุลาคม 2567 ณ ห้องจูปิเตอร์ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ว่ากระทรวงพาณิชย์มีการปรับตัว ปรับแนวคิด โดยคำนึงถึงการค้าและธุรกิจรูปแบบใหม่ ผ่านนโยบายต่าง ๆ อาทิ การลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส โดยการนำเทคโนโลยีนวัตกรรมเข้ามาเสริมสร้างศักยภาพการค้าให้เป็นรูปธรรม การบริหารให้เกิดความสมดุลระหว่างผู้บริโภค เกษตรกร ผู้ประกอบการ การทำงานเชิงรุกระหว่างพาณิชย์จังหวัด และทูตพาณิชย์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการนำสินค้าไทยไปขายในต่างประเทศ โดย “รักษาตลาดเดิม เสริมตลาดใหม่” การแก้ไขข้อจำกัดของกฎหมายหรือปรับปรุงข้อกฎหมายที่เก่าล้าสมัยให้ทันเป็นเรื่องที่จำเป็น การร่วมขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงตลาดและเชื่อมต่อกับการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และการเร่งผลักดันการส่งออกให้ตัวเลขเป็นบวกยิ่งกว่าเดิม ผ่านกลไกการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก โดยเปิดตลาดการค้าใหม่ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนีี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดและเชื่อมโยงเครือข่ายการตลาดให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล เพื่อให้สามารถแข่งขันและขยายช่องทางการตลาด สามารถสร้างโอกาสทางการค้า ทำให้มีช่องทางในการจำหน่ายสินค้าเพิ่มมากขึ้น และยังทำให้ผู้ผลิตสามารถเชื่อมโยงกับผู้บริโภคได้โดยตรงอีกด้วย


“การจัดกิจกรรมนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งมีเป้าหมายการพัฒนาที่มุ่งเน้นการยกระดับศักยภาพของประเทศในหลากหลายมิติ ที่มุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ พัฒนาคนรุ่นใหม่ รวมถึงปรับรูปแบบ ธุรกิจเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด และสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ที่มุ่งพัฒนาภาคกลางให้เป็น “ฐานการผลิตสินค้าและบริการ มูลค่าสูง” ซึ่งภาคกลางถือเป็นภาคที่มีบทบาทสําคัญในการเป็นฐานการผลิตสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป และสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกที่หลากหลาย และมีศักยภาพสูง การจัดกิจกรรมครั้งนี้จึงเป็นการเสริมศักยภาพด้านการตลาดดิจิทัลให้กับเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มผู้ประกอบการให้สามารถขยายตลาดได้เพิ่มขึ้นในช่องทางใหม่ ๆ ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคด้วย”


ด้าน นายนิมิต ฆังคะจิตร พาณิชย์จังหวัดปทุมธานี กล่าวถึงกิจกรรมครั้งนี้ว่ามีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดและเชื่อมโยงเครือข่ายการตลาดให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการ และเพื่อส่งเสริมช่องทางการตลาด รวมถึงยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการ ของกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล ซึ่งประกอบด้วย4 จังหวัดคือ จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดนครปฐม โดยมีผู้เข้าอบรมจำนวนทั้งสิ้น 100 คน เป็นเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการจากกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล ซึ่งรูปแบบของกิจกรรมจะเป็นการเสวนาถ่ายทอดองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในห้องเรียน โดยวิทยากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ด้านการตลาดดิจิทัล และนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มีการจัดพื้นที่แสดงสินค้า Showcase เพื่อเชื่อมโยงสร้างเครือข่ายเจรจาธุรกิจของกลุ่มผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล 4 จังหวัด และมีการจัดบูธ ให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ ด้านการเงิน และสินเชื่อกับผู้ประกอบการ ซึ่งกิจกรรมเสวนาเป็นกิจกรรมแรกของโครงการฯ ที่จะพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ เพื่อนำไปต่อยอดสู่กิจกรรมการส่งเสริมช่องทางการตลาด ในกิจกรรมที่สอง ซึ่งกำหนดจัดกิจกรรมงานแสดงและจำหน่ายสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูปและอุตสาหกรรมเกษตร จำนวน 1 ครั้ง ระยะเวลาการจัดงาน 5 วัน และจัดเจรจาธุรกิจการค้า Offline/Online ระหว่างวันที่ 22-26 พฤศจิกายน 2567 ณ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค จังหวัดปทุมธานี ซึ่งคาดว่าจะสามารถต่อยอดเจรจาธุรกิจซื้อขายสินค้า เกิดมูลค่าการค้าได้ไม่น้อยกว่า 8,000,000 บาท

“กิจกรรมครั้งนี้เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการ ของกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑลจากทั้ง 4 จังหวัด จะได้รับการถ่ายทอดความรู้ด้านการตลาดดิจิทัล ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการขยายตลาดสินค้าในช่องทางการตลาดใหม่ ๆ เนื่องจากเกษตรกร และผู้ประกอบการสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูปในกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑลส่วนใหญ่ ยังขาดความรู้ในการขยายช่องทางการจําหน่ายสินค้า จึงส่งผลทำให้สินค้าไม่เป็นที่รู้จักในระดับประเทศ และไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ ซึ่งหลังจากการเสวนาในครั้งนี้เสร็จสิ้น ก็เชื่อว่าเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการที่เข้าร่วมการเสวนาจะสามารถนำความรู้ไปปรับปรุงพัฒนาธุรกิจของตนเอง เพื่อทำให้เกิดการยกระดับสินค้าให้มีมูลค่าเพิ่ม รองรับตลาดในยุคปัจจุบันได้มากยิ่งขึ้น”


พาณิชย์จังหวัดปทุมธานี ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล ว่าเป็นกลุ่มที่มีลักษณะเด่นคือเป็นเมืองศูนย์กลางการบริการ ธุรกิจและการพาณิชย์ การขนส่ง การศึกษา และเมืองที่อยู่อาศัย และยังเป็นฐานการผลิตและการบริการเชื่อมโยงกับกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นศูนย์กลางกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงเป็นกลุ่มจังหวัดที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตร สินค้าอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลายและมีอัตลักษณ์ ประกอบกับปัจจุบันแนวโน้มของผู้บริโภคมีความนิยมบริโภคสินค้าปลอดภัย และให้ความสําคัญในการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น ทําให้พฤติกรรมในการบริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มประชากรที่มีการศึกษา และอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ ซึ่งจะนิยมเลือกซื้อสินค้าที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งมักเป็นกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าสูง ซึ่งการเรียนรู้ทักษะด้านการตลาดดิจิทัล หรือตลาดออนไลน์จะสามารถช่วยขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้า และก่อให้เกิดการพัฒนาสินค้าให้ตรงกับโจทย์ความต้องการของตลาดได้มากขึ้นด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น