เนื่องในวันนวมินทรมหาราช วันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ตรงกับวันที่ 13 ตุลาคม 2567 เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย โดยเฉพาะแนวทางการดำเนินชีวิตตามปรัชญา“เศรษฐกิจพอเพียง” ที่ทำให้หลายคนผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจที่เลวร้ายในหลายช่วงไปได้ เช่นเดียวกับ “นายราชันย์ ชาติสุทธิ” ได้น้อมนำพระราชดำรัสของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้ในดำเนินชีวิต
น้อมนำปรัชญาศก.พอเพียงและทำเกษตรทฤษฎีใหม่
สร้างความมั่นคงในชีวิต
โดยได้ซื้อที่ดิน จำนวน 25 ไร่ อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี เพื่อจะทำสวนเกษตร โดยยึดหลักการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เกี่ยวกับการจัดพื้นที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยและมีชีวิตอย่างยั่งยืน โดยมีการแบ่งพื้นที่เป็นส่วน ๆ ได้แก่ พื้นที่น้ำ พื้นที่ดินเพื่อเป็นที่นาปลูกข้าว พื้นที่ดินสำหรับปลูกพืชไร่นานาพันธุ์ และที่สำหรับอยู่อาศัยและเลี้ยงสัตว์
นายราชันย์ ชาติสุทธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภูริชา ดิเวลล็อป จำกัด เจ้าของ BN RESORT จังหวัดอุทัยธานี เล่าว่า ตนเองทำงานเป็นพนักงานประจำ แต่ต้องการจะมีอีกหนึ่งอาชีพเพื่อให้ครอบครัวและตนเองได้มีรายได้ยึดตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จึงได้ใช้เงินเก็บที่มีอยู่มาซื้อที่ดิน อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี มาทำเป็นสวนเกษตรอินทรีย์ ยึดหลักการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดำริ ในหลวงรัชกาลที่ 9
ทำสวนเกษตรเพื่อครอบครัวทำกิจกรรมร่วมกันวันหยุด
นายราชัน เล่าว่า ส่วนตัวเป็นคนจังหวัดนครสวรรค์ แต่ที่มาถูกใจพื้นที่ อำเภอทัพทันแห่งนี้ เพราะเป็นพื้นที่โอบล้อมไปด้วย ธรรมชาติ และอากาศที่บริสุทธิ์ มีทั้งภูเขาและแหล่งน้ำ เลยตัดสินใจซื้อที่ดินแปลงนี้ และชักชวนพ่อแม่ และครอบครัวย้ายกันมาทำสวนเกษตรแห่งนี้ พ่อแม่จะได้อยู่ในพื้นที่อากาศบริสุทธิ์และใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลาย ในการทำเกษตรที่ชื่นชอบ ได้อยู่กับธรรมชาติทำให้แม้จะมีอายุมากขึ้นแต่สุขภาพก็ยังแข็งแรง
“หลังจากผมได้ซื้อที่ดินและได้ลงมือทำสวนเกษตร ปลูกผัก ทำนา และเลี้ยงปลา แบบเกษตรอินทรีย์ โดยยึดหลักการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ มาถึงวันนี้ ผ่านมา 10 ปี ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ปัจจุบันแม้ว่าตรงนี้ไม่ใช่อาชีพหลัก แต่ก็เป็นอาชีพเสริม ช่วยให้ตนเองและครอบครัวได้อยู่ด้วยกันในช่วงวันหยุด และยังมีรายได้เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย ความสำเร็จตรงนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการน้อมนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระราชามาใช้”
จากทำบ้านสวนเล็กให้เพื่อนมาพัก
ต่อยอดเป็นโรงแรมในสวน แห่งแรก อ.ทัพทัน
ส่วนที่มาเป็นรีสอร์ต และโรงแรมในสวนเกษตร มาจากความบังเอิญ หลังจากที่ได้มาสวนเกษตร เราก็ได้สร้างบ้านสวนพักหลังเล็กไว้ต้อนรับเพื่อนๆ ที่ต้องการจะมาเที่ยวบ้านสวน ซึ่งทุกคนชื่นชอบและหลงรักบ้านสวน เพราะได้สัมผัสอากาศที่บริสุทธิ์ และได้อยู่กับธรรมชาติ ได้ทำกิจกรรมเก็บผัก เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ฯลฯ จนต้องการจะมาพักอีก ก็เลยขอให้เราทำโฮมสเตย์เล็ก เพื่อจะได้ชวนครอบครัวมาพักในช่วงวันหยุด กลายเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจรีสอร์ต และโรงแรมสวนเกษตร BN RESORT แห่งแรกของอำเภอทัพทัน มาจนถึงปัจจุบัน
นายราชัน เล่าว่า หลังจากจุดเริ่มต้นเล็กที่ทำบ้านสวนให้เพื่อนมาพัก ในวันนั้น ไม่คิดว่าจะต่อยอดกลายมาเป็นโฮมสเตย์ที่คนมาต่อคิวเข้าพักไม่ขาดสาย จนทำให้จาก 3 ห้อง ค่อยเพื่อเป็น 5 ห้อง 10 ห้อง และกลายเป็นรีสอร์ต จากรีสอร์ต สุดท้ายวันนี้ มาเปิดเป็นโรงแรมในสวนเกษตรอินทรีย์ ที่มีห้องพักจำนวน 20 ห้อง มีสระว่ายน้ำ ห้องประชุมสัมมนา ครบวงจร ในขณะที่สวนเกษตรของเราก็ยังคงดำเนินต่อไป เพราะใช้พื้นที่ การทำโรงแรมเพียงแค่ 20-30 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ การทำนา บ่อเลี้ยงปลา การเลี้ยงไก่ ปลูกผัก ปลูกมะพร้าว ผลไม้ และไม้ป่าพะยูง ฯลฯ ทุกอย่างก็ยังคงอยู่ เพราะเป็นจุดขายของโรงแรมเรา
สำหรับกิจกรรมต้อนรับแขกที่มาเยือน นอกจากได้พักผ่อน อยู่กับธรรมชาติ แล้ว ก็ยังมีกิจกรรมดูนก เพราะด้วยอากาศที่บริสุทธิ์ เราไม่ได้ใช้สารเคมี ในพื้นที่จะมีนกหลากหลายสายพันธุ์แวะเวียนมาให้นักท่องเที่ยวชื่นชอบการดูนก ซึ่งเคยนักท่องเที่ยวจากประเทศเนเธอแลนด์ที่เคยมาพักกับเรา ตั้งใจจะพักแค่คืนเดียว แต่พอได้มาเจอนก หลังจากนั้นอยู่ยาวเลย เป็นสัปดาห์ ก่อนจะเดินทางไปเที่ยวที่อื่นๆ และในตอนกลางคืนนักท่องเที่ยวก็จะได้สัมผัสและได้ชมหิ้งห้อยในยามค่ำคืน
ผลผลิตปลอดสารที่ได้จากสวนนำมาใช้เสิร์ฟลูกค้ามาพัก
นอกจากนี้ เนื่องจากที่นี่เป็นสวนเกษรอินทรีย์ มีการทำนา เรามีเครื่องสีข้าว ข้าวที่นำมาเสิร์ฟให้ลูกค้ากินกันก็มาจากนาของเราเอง และยังมีพืชผักอื่นๆ ที่เราปลูกไว้แบบไม่ได้มีการใช้สารเคมีมาใช้ในการทำอาหารให้กับลูกค้าที่มาพักกับเราด้วย
ทั้งนี้ ยังได้เปิดสวนเกษตรของเราเป็นศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ศูนย์เครือข่ายด้านการประมง ปี 2564 ด้วย ส่วนราคาค่าห้องพักเมื่อก่อนที่เปิดเป็นโฮมสเตย์คิดค่าบริการอยู่ที่คืนละ 500 บาท พักกันได้ทั้งครอบครัว ส่วนราคาค่าห้องพักโรงแรมเริ่มต้นที่คืนละ 650 บาท ไปจนถึง 2,500 บาท
ที่มาของลูกค้าที่มาใช้บริการ
ในส่วนของลูกค้าที่มาใช้บริการ 98 เปอร์เซ็นต์ นักท่องเที่ยวคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติตอนนี้มีเพียงแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือ จะกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาจัดสัมมนา ส่วนผลผลิตการเกษตร นอกจากข้าวที่นำมาบริโภคภายในโรงแรม ยังมีมะพร้าว มีผักสลัด มีปลาแดดเดียวที่ลูกค้าสามารถซื้อกลับไปเป็นของฝากได้
นายราชันย์ บอกว่า ในตอนเปิดโฮมสเตย์ ก่อนจะมาเป็นโรงแรม และรีสอร์ต ในอำเภอทัพทัน ยังไม่มีที่พักในรูปแบบของเรามาก่อน ลูกค้าในช่วงแรกเกิดจากกลุ่มคนรู้จัก และการบอกกันแบบปากต่อปาก ต่อมาได้ขยายมาเป็นโรงแรม ได้มีการทำโฆษณา ผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มด้านที่พัก และโรงแรม อย่าง Agoda รวมถึงการโฆษณาผ่านโซเชียลฯ ทั้ง เฟซบุ๊ก และTiktok เป็นต้น ปัจจุบันมีลูกค้าที่มาเข้าพักอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่คือ ตั้งใจจะมาไม่มีลูกค้าที่วอล์กอินเข้ามา เนื่องจากไม่ได้อยู่ในพื้นที่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ
จากตั้งใจแรกทำการเกษตรทฤษฎีใหม่
สู่ธุรกิจสร้างอาชีพมั่นคงส่งต่อลูกหลานอนาคต
ท้ายสุด เจ้าของ บีเอ็นรีสอร์ต บอกว่า จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ต้องการทำเกษตรยึดหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ และความตั้งใจที่จะเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ให้คนในชุมชน และคนอื่นๆ ได้เข้ามาเรียนรู้การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ในแบบของในหลวงรัชกาลที่ 9 แต่ใครจะคิดว่าจะต่อยอดสร้างอาชีพที่มั่นคงให้กับตนเองและครอบครัว “ชาติสุทธิ” พ่อ กับแม่ ได้มีกิจกรรมทำ ครอบครัวได้มีรายได้เพิ่มขึ้น และที่สำคัญได้แบ่งปัน ผลผลิตการเกษตรที่ปลอดภัยให้กับคนอื่นๆ และยังได้ แบ่งปันธรรมชาติสวยงาม และอากาศที่บริสุทธิ์ ของอำเภอทัพทัน ให้กับแขกที่มาเยือนด้วย
โทร 08-1280-6410
Facebook : สวนเกษตรอินทรีย์ รีสอร์ท อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี