xs
xsm
sm
md
lg

Digio สตาร์ทอัปฟินเทค เปิดใจ 13 ปีแห่งความสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย พร้อมเปิดประสบการณ์แนะแนวทางสำเร็จให้คนรุ่นใหม่และข้อควรระวังของวงการสตาร์ทอัป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



Digio สตาร์ทอัป ฟินเทค ผู้พัฒนาและให้บริการ mPOS และระบบรับชำระเงินอันดับต้นๆ ของไทยเตรียมประกาศความสำเร็จก้าวสู่ปีที่ 13 พิสูจน์การเติบโตอย่างยั่งยืนของสตาร์ทอัปไปสู่จัดเริ่มต้นขององค์กรที่ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรม พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ แนะเทคนิค 4 สเต็ปการเติบโตของบริษัทสตาร์ทอัป ตั้งแต่การระดมสมอง จนไปสู่การระดมทุน คว้าเงินล้านจากกองทุน หนทางแห่งความสำเร็จแบบก้าวกระโดดแก่น้องใหม่ จนถึงเส้นชัยแห่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น ฝากแง่คิด หลุมพรางการเติบโตในขั้นระดมทุน ต้องรอบคอบก่อนลงนามเอกสาร ในสัญญาอาจระบุรายละเอียดการชดใช้คืนเงินทุนเต็มจำนวนพร้อมค่าอื่นๆ พร้อมแนะนำน้องใหม่รับคำปรึกษาจากสมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย (Thai Startup Association) รวมถึงสมาคมผู้ประกอบธุรกิจร่วมลงทุน

นายนพพร ด่านชัยนาม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด (Digio) สตาร์ทอัปฟินเทค ผู้พัฒนาและให้บริการระบบชำระเงินแบบเบ็ดเสร็จแก่สถาบันการเงินหรือธุรกิจที่ต้องการมีระบบชำระเงินเป็นของตนเอง รวมถึงให้บริการระบบการรับชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile point of sale : mPOS) แก่สถาบันการเงินเจ้าแรกในไทย และภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยว่า Digio จะก้าวขึ้นสู่ปีที่ 13 ในปี 2568 ซึ่งการประกอบธุรกิจมาเป็นระยะเวลา 13 ปี ถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถของบริษัทที่เริ่มก่อตั้งในรูปแบบของสตาร์ทอัปให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ถือแม้ว่าระยะเวลา 13 ปีนี้จะยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเมื่อเทียบกับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานผ่านการบริหารรุ่นสู่รุ่น แต่ก้าวแห่งความสำเร็จของ Digio ในครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยง่าย ต้องผ่านการพิสูจน์ตัวตนครั้งแล้วครั้งเล่า จึงพร้อมที่จะเป็นอีกหนึ่งแห่งที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดในการก่อตั้งธุรกิจ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปพร้อมกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเท่าทัน

สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างธุรกิจในรูปแบบสตาร์ทอัปนั้น ก่อนอื่นมีคำแนะนำให้ทำการศึกษาข้อมูลต่างๆ ให้รอบด้านเพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างไม่สะดุด โดยสตาร์ทอัป คือ การเรียกถึงกลุ่มคนทำธุรกิจที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เน้นเรื่องของการทำให้ธุรกิจขยายและเติบโตได้อย่างรวดเร็วกว่าปกติมากๆ ซึ่งจะแตกต่างจาก SME ที่เน้นการทำธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งสตาร์ทอัปมีจุดเริ่มต้นเพื่อพัฒนาไปสู่ขั้นตอนแห่งความสำเร็จ ดังต่อไปนี้


1.ช่วงกำลังพัฒนาไอเดีย ให้เป็นสินค้า บริการ เพื่อหาโอกาสการทำธุรกิจ ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่เน้นการใช้ความรู้ความสามารถและการทดลองถึงการนำแนวคิดนั้นมาต่อยอดให้เกิดขึ้นได้จริง

2.ช่วงระดมทุน มองหาเงินทุนเพื่อเอาไปทดสอบไอเดียว่าสามารถทำเป็นธุรกิจ มีกำไรได้จริงในอนาคต การระดมทุนในช่วงแรกนั้น ส่วนมากจะระดมทุนจากเพื่อนฝูง คนรู้จัก หรือครอบครัว (FFF : Family, Friends, Fools) เพื่อใช้เป็นเงินตั้งต้นในการเริ่มธุรกิจ

3.ช่วงขยายต่อธุรกิจให้มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ธุรกิจกำลังขยายตัว ต้องใช้เงินจำนวนมาก เป็นหลักล้าน หรือบางรายอาจจะต้องใช้เงินทุนไปถึงระดับร้อยล้าน จะเริ่มมีการระดมทุนจากกองทุนร่วมลงทุน (VC : Venture Capitalist ) เป็นกองทุนที่รวบรวมเงินลงทุนมาจากผู้ลงทุนอื่นๆ ที่สนใจร่วมทุน หรือบริษัทพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง และเมื่อมีการระดมเงินทุนมากกว่า 1 ครั้งจะเรียกเป็น Series เช่น A, B, C เพื่อบ่งของถึงจำนวนรอบของการระดมทุน

4.ก้าวสู่บริษัทมหาชน เมื่อธุรกิจเริ่มมีกำไร หรือต้องการย้ายจากบริษัทจำกัด ไปสู่บริษัทมหาชน จะก้าวไปถึงขั้นตอนของการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อทำการระดมทุนจากประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทั้งประเทศมีโอกาสเข้ามาถือหุ้นของบริษัทผ่านกลไกตลาดทุนที่มีความน่าเชื่อถือ

อย่างไรก็ดี การที่คนรุ่นใหม่ที่เข้าถึงเทคโนโลยีและสามารถเกิดแนวคิดใหม่ๆ เพื่อต่อยอดเป็นธุรกิจและเติบโตอย่างรวดเร็ว การเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อระดมทุนให้ได้จำนวนมากนั้นถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้เติบโตและสร้างความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วที่นิยมกันอย่างมาก แต่จะต้องตระหนักว่าทุกครั้งว่าเงินทุนที่ระดมทุนมาได้นั้นที่ไม่ใช่ของตนเองไม่ว่าจะมาจากคนใกล้ตัว หรือบุคคลภายนอก หรือสถาบันการเงินขนาดใหญ่ เราจำเป็นต้องแน่ใจว่าเรามีความเข้าใจทั้งสองฝั่งทั้งผู้ลงทุนและผู้รับเงินทุน ความคาดหวัง รวมถึงกรณีที่เกิดเหตุที่ไม่เป็นไปตามที่วางแผนเอาไว้ ควรศึกษาถึงเงื่อนไขจากผู้ที่เข้าร่วมเพิ่มทุนให้อย่างละเอียดโดยเฉพาะเอกสารสัญญา เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต

“ส่วนใหญ่ผู้ก่อตั้งธุรกิจในแบบสตาร์ทอัปจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่ยังมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจไม่มาก แต่มีความมุ่งมั่นและมีไฟในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างเต็มเปี่ยม ทุกครั้งที่สามารถระดมทุนได้จะเกิดความตื่นเต้น จนอาจจะไม่ทันได้ระวังในการอ่านเอกสารสัญญาให้ละเอียดรอบคอบ เพราะที่ผ่านมา มีบางรายที่เจอกับการเพิ่มทุนที่มี Put option ในสัญญาการลงทุน ซึ่งคือสิทธิที่ให้ผู้ถือสิทธิ (Investor) เช่น หุ้น มีสิทธิขายสินทรัพย์ในราคาที่กำหนด เพื่อผลประโยชน์ของผู้ถือสิทธิ (Investor) เช่น ป้องกันการขาดทุน หากราคาหุ้นลดลง ผู้ถือสิทธิสามารถใช้ Put option เพื่อขายหุ้น ป้องกันการขาดทุนได้ หรือบางกรณีหากบริษัทขาดทุน หรือปิดกิจการ กองทุนที่เข้ามาเพิ่มทุนอาจจะเขียนสัญญาให้กลุ่มผู้ก่อตั้งชดใช้เงินเพิ่มทุนเต็มจำนวนพร้อมค่าชดเชยอื่นๆ ทุกครั้งที่ลงนามในเอกสารต้องตรวจสอบให้เกิดความเข้าใจในตนเอง ผู้ลงทุน ให้เกิดความเข้าใจตรงกัน รวมถึงการลงนามเอกสารสัญญาทางกฎหมายจำเป็นต้องมีความรอบคอบและมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ รวมถึงการถามคำถามสำคัญอย่าง Hard Questions หรือคือ การถามให้รอบด้านและรอบคอบ คำนึงถึงผลประโยชน์ และผลกระทบทั้งหลายเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะไม่คาดคิดในอนาคต”

อย่างไรก็ตาม หากคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นในการเป็นสตาร์ทอัปสามารถเข้าไปรับคำปรึกษาจากสมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย (Thai Startup Association) รวมถึงสมาคมผู้ประกอบธุรกิจร่วมลงทุน (TVCA Thai Venture Capital Association) เพื่อให้คำปรึกษาในการเริ่มต้นธุรกิจรวมถึงช่วยคัดกรองในกลุ่มสตาร์ทอัปที่กำลังมองหาเงินทุน

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น