สมุนไพรไทย สินค้าที่ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐด้านการผลิตและการทำตลาดส่งออก หลายประเทศเริ่มรู้จักสมุนไพรไทย แต่โลกการค้าเมื่อตลาดมีความต้องการ มีผู้สนใจหันเข้ามาทำตลาดตรงนี้กันเยอะขึ้น แม้ว่าจะได้ชื่อว่าสมุนไพรไทย แต่ไม่จำเป็นต้องปลูกในประเทศไทย “บริษัท ชัยชาดา จำกัด” ผู้ผลิตและส่งออกสมุนไพรอบแห้ง ส่งออกกว่า 20 ประเทศ มานานกว่า 10 ปี สะดุดเมื่อคู่แข่งรายใหม่จากประเทศอื่นทำสมุนไพรไทยขายในราคาได้ถูกกว่าแย่งตลาดไป กลายเป็นว่าสมุนไพรไทยไม่จำเป็นต้องมาจากประเทศไทย
“ชัยชาดา” ส่งออกสมุนไพรไทยกว่า 20 ประเทศทั่วโลก
นายวสันต์ ฉายสวุรรณ เจ้าของบริษัท ชัยชาดา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยแปรรูป สมุนไพรอบแห้ง สารสกัดสมุนไพร ชาสมุนไพร เครื่องดื่มสมุนไพร อาหารเสริมสมุนไพร รวมถึงรับทำ OEM ทุกรูปแบบ เล่าถึงที่มาของการทำธุรกิจแปรรูปสมุนไพร เริ่มมาจากเพื่อนของคุณพ่อ ซึ่งเป็นคนญี่ปุ่น ต้องการหาสมุนไพรกระชายดำจากประเทศไทย ซึ่งในตอนแรกไม่ได้มีความรู้เรื่องของสมุนไพรเลย จึงอาศัยความขยัน ค้นหาความรู้ศึกษาทุกรูปแบบ ลองผิดลองถูกมาทุกอย่าง ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ จึงทำให้มีประสบการณ์นำมาใช้ต่อยอดสร้างธุรกิจส่งออก มาจนถึงทุกวันนี้กว่า 14 ปี ทำได้ทำตลาดส่งออกญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศ
ปัจจุบันไม่ได้มีแค่กระชายดำ แต่ยังมีสมุนไพรตัวอื่นๆ เช่น ไพล ขมิ้นชัน ขิง ตะไคร้ กระเจี๊ยบ อัญชัน มะตูม ตะไคร้หอม ซึ่งปัจจุบันส่งออกไปขายกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ที่ผ่านมาลูกค้าส่วนใหญ่ของเราคือ ต้องการวัตถุดิบสมุนไพรไทยที่เป็น raw material นำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งในตอนแรกมีแค่แบบอบแห้ง และต่อมาพัฒนาต่อยอดมาทำเป็นสารสกัดสมุนไพรด้วย ซึ่งได้ใช้นวัตกรรมทั้งจากญี่ปุ่นและเกาหลีมาเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อให้สินค้าสารสกัดของเราได้รับมาตรฐาน ทั้งจากบริษัทผลิตยา บริษัทผลิตอาหารและเครื่องดื่มจนเป็นที่ยอมรับ
เริ่มจากส่งออกกระชายดำไปญี่ปุ่น
นายวสันต์ เล่าถึงการทำตลาดส่งออก ว่า การทำตลาดส่งออกมาตรฐานสินค้าเป็นเรื่องสำคัญ ทุกโรงงานรวมถึงโรงงานของเราก็จำเป็นที่จะต้องได้มาตรฐานอุตสาหกรรมส่งออก ซึ่งโรงงานของเราได้มาตรฐาน GHP การสร้างมาตรฐานเพื่อส่งออกเราทำมาตั้งแต่ต้น เนื่องจากเราเริ่มเปิดตลาดจากการส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่น ซึ่งประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพมาตรฐานสูง ทางเราเองกว่าจะได้ส่งออกไปญี่ปุ่นได้ ต้องทำงานร่วมกับทางเพื่อนคุณพ่อที่เป็นผู้นำเข้าอยู่นานพอสมควร เมื่อส่งออกญี่ปุ่นได้ ประเทศอื่นๆ ใช้มาตรฐานเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน อย่างประเทศที่เราส่งออกหลักๆ ตอนนี้มีประเทศแถบยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย
ส่งออกสมุนไพรไทย เมื่อ 10 ปีก่อนไม่มีคู่แข่ง
“สำหรับการทำตลาดส่งออกสมุนไพร ที่เป็น raw material การแข่งขันสูงขึ้น ในช่วงแรกที่ผมทำเมื่อย้อนกลับไปสัก 10 ปี ตอนนั้น แทบจะไม่มีคู่แข่งเลย ปัจจุบันไม่ได้แข่งกันเองระหว่างผู้ประกอบการคนไทยด้วยกันแล้ว แต่ยังต้องแข่งกับคู่แข่งนอกประเทศที่หันมาทำสมุนไพรส่งขายต่างประเทศเช่นเดียวกับเรา และ ขายในราคาที่ต่ำมาก ในแบบที่เราไม่สามารถแข่งขันได้ ซึ่งคุณภาพและมาตรฐานที่ได้รับจะไม่ได้รับสารสำคัญในสมุนไพรที่ออกฤทธิ์ช่วยบำรุงร่างกายได้เท่ากับของทางเรา เพราะของทางเรามีการตรวจวัดปริมาณสารสำคัญกับหน่วยงาน วว.(สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย) อยู่ตลอด เชื่อว่าคุณภาพของเราสามารถแข่งขันได้”
แข่งเรื่องราคาไม่ได้ หันมาพัฒนาคุณภาพเจาะกลุ่มพรีเมียม
อย่างไรก็ดี ในเมื่อไม่สามารถแข่งเรื่องราคาได้ คงต้องหันมาพัฒนาคุณภาพของเราให้ดี และมุ่งไปเจาะตลาดกลุ่มที่มีกำลังซื้อ และต้องการสมุนไพรคุณภาพดี เกรดพรีเมียม ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยได้เปรียบคู่แข่งเพราะเรามีการโปรโมตสมุนไพรไทยหลายตัว จนเป็นที่รู้จักในนามของสมุนไพรไทย นำความได้เปรียบตรงนี้ มาเป็นจุดขาย และบอกลูกค้าเสมอว่า สมุนไพรของเราเป็นสมุนไพรไทย แม้ประเทศคู่แข่งก็ทำสมุนไพรชนิดเดียวกับเรา แต่ปลูกในประเทศของเขา ซึ่งผลผลิตของสมุนไพรขึ้นอยู่กับปัจจัยการเพาะปลูกหลายอย่างทั้งพื้นที่ ดิน น้ำ อากาศ เป็นต้น ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เหมือนกัน ในส่วนของวัตถุดิบสมุนไพร ทางโรงงานได้ทำคอนแทรกฟาร์มมิ่งกับเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพร เพื่อจะได้ดูแลควบคุมวัตถุดิบตั้งแต่ต้นน้ำ ทำให้ได้วัตถุดิบที่สะอาด ปลอดภัย และได้มาตรฐานที่ทางโรงงานกำหนด
เจอพิษค่าบาท จากผู้ส่งออกหันมาทำตลาดในประเทศ
นายวสันต์ บอกว่า ในปีนี้หันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดในประเทศมากขึ้น โดยมีสินค้าที่เป็นเครื่องดื่มสมุนไพรจาก สารสกัดกระชายดำ แบรนด์ไฮโปร (Hipro) เครื่องดื่มชาสมุนไพรออกมาจำหน่าย ภายใต้แบรนด์ ฌาดา (Chada) สินค้าสมุนไพรแห้งและ แบบบดผงแบรนด์ ฌาดาสุวรรณ์ (Chadasuwanna) รวมถึงสินค้าน้องใหม่ อาหารเสริมสารสกัดกระชายดำ แบรนด์ 5E (ไฟว์อี) ที่ช่วยบำรุงสุขภาพร่างกายอย่างแท้จริง ทางเรามีส่งออกไปที่ฮ่องกงอีกด้วย สินค้าทุกอย่างขายผ่านช่องออนไลน์ทุกช่องทาง และโมเดิร์นเทรด
ชาตะไคร้หอม เบอร์ต้นๆ ที่นักดื่มชาทั่วโลกนิยมชื่นชอบ
ส่วนในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรป ชื่นชอบการดื่มชาสมุนไพรกันเยอะมาก และชาสมุนไพรที่ได้รับความนิยม คือ ชาตะไคร้ เพราะให้กลิ่นหอม ซึ่งได้รับผลการตอบรับอย่างดีมาก ทำให้เขาเริ่มสั่งชาสมุนไพรที่แปลกใหม่เพิ่มขึ้น และทางเราสามารถจัดหาสินค้าหายากให้ทางลูกค้าได้อีกด้วย เป็นการต่อยอดสมุนไพรไทย ให้เป็นที่รู้จักกับต่างชาติมากขึ้นไปอีก ในอีกทางเมื่อมีความต้องการสูง การแข่งขันจึงสูงตาม ทำให้ประเทศอื่นๆ หันมาทำชาตะไคร้ส่งออกเช่นกัน ตามที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งสามารถทำได้ในราคาที่ถูกกว่า แต่ส่วนรสชาติ สี คุณภาพอาจเทียบเท่าของไทยเราไม่ได้
แผนส่งเสริมพัฒนาสมุนไพรไทย
สำหรับแผนส่งเสริมพัฒนาสมุนไพรไทย ตามแผนแม่บทแห่งชาติ ฉบับที่ 1 พ.ศ.2560-2564 กำหนดเป้าหมายให้เพิ่มมูลค่าการบริโภคผลิตภัณฑ์สมุนไพรจาก 1.8 แสนล้านบาท เป็น 3.6 แสนล้านบาท ในปี 2564 และให้ไทยเป็นผู้นำการส่งออกสมุนไพรและผลิตภัณฑ์เป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ทำให้ตลาดสมุนไพรไทยเติบโตก้าวกระโดด นับเป็นอัตราการเติบโตมากกว่าจีน เติบโตเฉลี่ย 5.06% ญี่ปุ่น 0.85% และเกาหลีใต้ 5.43%
โดยสมุนไพรไทยที่สร้างรายได้หลักๆ ประกอบด้วย ขมิ้นชัน ไพล บัวบก กระชายดำ ฟ้าทะลายโจร กระชาย กระวาน ข่า ขิง คำฝอย ตะไคร้ บุก พริกไทย ว่านชักมดลูก กระเจี๊ยบแดง เก๊กฮวย ดีปลี บอระเพ็ด พญายอ เพชรสังฆาต มะระขี้นก มะลิ มะแว้งเครือ และมะแว้งต้น เป็นต้น ประเทศที่ไทยส่งออกหลัก ญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกา
ติดต่อ www.chaichada.com
โทร: 08-5185-9595, Line ID: 08-5185-9595
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด