นิกิวาอิ กรุ๊ป แฟรนไชส์ร้านอาหารที่มีร้านอาหารในเครือมากกว่า 10 แบรนด์ มีทั้งอาหารไทย ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม และเทรนด์อาหารยอดนิยมต่างๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ในราคาแฟรนไชส์หลักแสน หลักหลายสิบล้าน จุดขายเน้นดูแลแฟรนไชส์อย่างครบวงจรตลอดอายุสัญญา ที่ผ่านมา เปิดมา 5 ปี มีแฟรนไชส์ 100 สาขา และมีแฟรนไชส์เลิกกิจการไปเพียงไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์
นายสุทธิพร ตั้งสกุลสันติ ประธานบริหาร บริษัท นิกิวาอิ กรุ๊ป จำกัด ผู้ให้บริการธุรกิจแฟรนไชส์อาหารและเครื่องดื่ม กล่าวว่า บริษัทเปิดให้บริการธุรกิจแฟรนไชส์อาหาร มากกว่า 10 แบรนด์ มีทั้งอาหารญี่ปุ่น อาหารเกาหลี อาหารเวียดนาม และอาหารไทย และอาหารตามเทรนด์ เช่น DURIANISM CAFÉ แฟรนไชส์ YUUPOT ส่วนที่ทำยอดสูงสุด แฟรนไชส์ Nigiwai ร้านอาหารญี่ปุ่น ที่เป็นแบรนด์ที่เราพัฒนาขึ้นเอง
ในอนาคตเตรียมจะมีอาหารตามเทรนด์อีกหลายแบรนด์ เพื่อที่จะเป็นทางเลือกให้คนที่กำลังมองหาแฟรนไชส์ ร้านอาหารลงทุนหลักแสนไปจนถึงหลักหลายสิบล้าน ซึ่งปัจจุบันแฟรนไชส์ของเราที่มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 250,000 บาท ไปจนถึงหลัก 10 ล้านบาท ราคาแฟรนไชส์ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้ามากที่สุด เฉลี่ยอยู่ที่ราคาประมาณ 600,000 บาท ไปจนถึง 1,000,000 บาท
จุดขายของเราคือ การคัดเลือกโปรดักต์คือ อาหารที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและการให้บริการดูแลกันทุกขั้นตอนไปตลอดการทำสัญญา ซึ่งเชื่อว่ายังไม่มีผู้ให้บริการแฟรนไชส์รายไหนที่สามารถดูแลได้เช่นเดียวกับเรา เป็นจุดแข็งของเราที่ทำให้ลูกค้าแฟรนไชส์ของเราสามารถอยู่รอด และผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ ไปได้ ซึ่งอัตราการอยุ่รอดแฟรนไชส์เราตอนนี้มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ มีแฟรนไชส์ปิดกิจการเพียง 17 เปอร์เซ็นต์ในปีที่ผ่านมา
ส่วนสำคัญมาจากประสบการณ์ที่เราทำงานตรงนี้มากว่า 5 ปี เรานำปัญหาต่างๆ มาวิเคราะห์เพื่อจะช่วยเหลือให้แฟรนไชส์ของเราอยู่รอดไปด้วยกัน เช่น ปัญหาพ่อค้า แม่ครัวลาออก เราจะหาทีมใหม่เข้าไปรองรับทันที ซึ่งไม่มีเจ้าของแฟรนไชส์รายไหนดูแลได้ขนาดนี้ หรือแม้แต่ปัญหาคู่แข่ง แน่นอนต้องมีคู่แข่ง ทางทีมงานของเรามีประสบการณ์ในการรับมือกับคู่แข่งที่จะเปิดในอนาคตไว้ เชื่อว่าถ้าอาหารของเราดี ราคาไม่แพง มีที่จอดรถ มีบริการที่ดี คู่แข่งทำอะไรเราไม่ได้ การที่คู่แข่งมาเปิดทีหลังจำเป็นที่จะต้องทำดีกว่าเรา เพราะเราเปิดก่อนจะได้ใจลูกค้าไปแล้ว
อย่างไรก็ดี การทำงานของเราในช่วงแรก ซึ่งต้องยอมรับว่าอัตราการรอดของแฟรนไชส์เราถือว่าไม่ดีนักอยู่ที่ประมาณ 50-60 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่พอเราเริ่มทำงานอย่างจริงจังและมองเห็นว่า การทำโมเดลแฟรนไชส์ให้รอดจะต้องทำอย่างไร ก็นำมาปรับใช้ สุดท้ายพาแฟรนไชส์ของเราอยู่รอดมากขึ้นในปัจจุบัน
สำหรับความสำเร็จตรงนี้วัดได้จากลูกค้าที่สนใจเปิดธุรกิจแฟรนไชส์กับเราเพิ่มขึ้นมาตลอด แม้ว่าในปีนี้ เจอผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ที่หลายๆ กิจการย่ำแย่ ซึ่งเราเองยอมรับว่าไม่ได้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 50 สาขา แต่ต่ำกว่าเป้าไม่เยอะ เพราะผ่านมาครึ่งปี สามารถเปิดสาขาแฟรนไชส์ไปแล้ว 22 สาขา ส่วนรายได้ตอนนี้ทำรายได้อยู่ที่ 70-80 ล้านบาท พอถึงปลายปีคาดว่าน่าจะได้ถึง 120 ล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้ ที่ 150-180 ล้านบาท แต่เริ่มมีสัญญาณที่ดี เพราะในช่วงเดือนที่ผ่านมา สามารถเปิดแฟรนไชส์ในเดือนเดียวได้ถึง 5 ร้าน
และในปลายปียังมีแฟรนไชส์แบรนด์ใหม่ที่จะร่วมจอยเวนเจอร์กับเราอีก และมีแบรนด์ที่พัฒนาเองอีก 2-3 แบรนด์ ได้แก่ แบรนด์ทาโกะยากิ ชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น ยังไม่เคยเปิดในประเทศไทยเลือกร่วมลงทุนทำแฟรนไชส์กับเรา และมีข้าวมันไก่ และหมูกระทะ ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อแบรนด์ได้ แต่คัดเลือกมาอย่างดี น่าจะสร้างความฮือฮาให้แฟรนไชส์อาหารเมืองไทยได้
ประธานบริหาร นิกิวาอิ กรุ๊ป กล่าวต่อว่า การบริหารแฟรนไชส์ของนิกิวาอิ ใช้วิธีป่าล้อมเมือง มุ่งการทำสาขาแฟรนไชส์ในต่างจังหวัดมากกว่าการเลือกเปิดแฟรนไชส์ในกรุงเทพฯ เพราะการแข่งขันในกรุงเทพฯ สูงมาก และจากประสบการณ์ที่มีเพื่อนฝูงหรือการเดินทางไปต่างจังหวัด เราจะเห็นว่าในต่างจังหวัดหลายแห่งมีกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ แต่ไม่มีร้านอาหารเหมือนอย่างในกรุงเทพฯ และการไปเปิดแฟรนไชส์ในต่างจังหวัดหลายครั้ง จะเห็นเลยว่า ในช่วงแรกที่เปิดคนจะแน่นร้าน เพราะเขาตื่นเต้นกับสิ่งใหม่และอยากจะลอง และหลังจากนั้น ถ้าเราดีจริงลูกค้าจะกลับมาใช้บริการและมีการบอกต่อกับคนอื่นๆ เราเลยคิดว่าการเลือกขยายแฟรนไชส์ในต่างจังหวัดน่าจะดีกว่าเปิดในกรุงเทพฯ
สนใจ ติดต่อ โทร.09-9345-6164
Facebook : @Nigiwaifranchise