ทำความรู้จักกับ “ขนมจีบสังขยาป้าพิณ’ ของดีพื้นถิ่นเมืองตรัง ทำธุรกิจมากว่า 20 ปี ขายดีจากรุ่นสู่รุ่น ดึงจุดเด่น “ไข่เป็ด” เป็นส่วนผสมหลักมัดใจลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติ พร้อมปรับตัวสู่ยุคออนไลน์สร้างคอนเทนต์ลงแพลตฟอร์มออนไลน์เรียกลูกค้า ไลฟ์สดขายครั้งแรกเกือบ 40 ชุด กำลังการผลิตสุดปัง เคยผลิตได้สูงสุดวันละ 10,000 ชิ้น ตั้งเป้าปีหน้า 20,000 ชิ้นต่อวัน
ดร.ณัฐวัตร ตันศิริเสถียร หรือ โจ๊ก เจ้าของธุรกิจบ้านขนมป้าพิณ (ตรัง) เล่าว่า ธุรกิจเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2539 ซึ่งขนมจีบสังขยานั้นเป็นขนมที่คนอำเภอลำภูราคุ้นชินและกินกันอย่างปกติและกลายเป็นขนมประจำถิ่นมาตั้งแต่สมัยอดีต เมื่อก่อนขนมที่ขึ้นชื่อของจังหวัดตรังคือ เค้กหมูย่างตรัง แต่ทางร้านกลับปิ๊งไอเดียและเลือกทำขนมจีบสังขยาขายแทนเค้กหมูย่าง ซึ่งในช่วงแรกที่ทำคนรอบตัวก็ไม่เห็นด้วยเพราะในตอนนั้นเค้กหมูย่างตรังกำลังเป็นที่นิยม ทำให้การทำขนมจีบสังขยาขายเป็นที่กังขาอยู่ไม่น้อย แต่ ดร.โจ๊ก กลับมองว่าขนมจีบสังขยาที่เป็นอัตลักษณ์พื้นที่ถิ่นของจังหวัดสามารถไปต่อได้ โดยเริ่มทำขายวันละ 20-30 ชิ้น ตามร้านฝากขาย
ทำมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งประมาณปี 2541 กรมการพัฒนาชุมชนเปิดรับขึ้นทะเบียนสินค้าภูมิปัญญา สินค้า OTOP และได้ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าภูมิปัญญาเมื่อปี 2547 หลังจากขึ้นทะเบียนเสร็จแล้วหน่วยงานภาครัฐก็ได้มีการจัดอบรมพัฒนาผู้ประกอบการและผลักดันให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจได้ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ขนมจีบสังขยาป้าพิณสามารถมีกำลังการผลิตได้ 15,000 ชิ้นต่อวันจากเดิมวันละ 20-30 ชิ้น
จุดเด่นของขนมจีบสังขยาป้าพิณจะเน้นเรื่องคุณภาพเป็นหลัก และใช้ไข่เป็ดเป็นวัตถุดิบหลักในการทำขนมโดยรับมาจากทั่วประเทศและจะต้องเป็นไข่เป็ดจากเป็ดไล่ทุ่ง บวกกับแป้งที่นำมาทำขนมก็เป็นแป้งสาลีที่มีการควบคุมเรื่องคุณภาพของโรงงานอีกด้วย ดังนั้นจุดเด่นของขนมจีบสังขยาป้าพิณจะเน้นเรื่องคุณภาพและความอร่อยเป็นหลัก นอกจากนี้เมนูซิกเนเจอร์คือขนมจีบไส้สังขยาไข่และมีกว่า 10 ไส้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงมีการเพิ่มไส้ตามฤดูกาลอีกด้วย
ปัจจุบันขนมจีบสังขยาป้าพิณสามารถผลิตขนมได้เฉลี่ยวันละ 3,500-4,000 ชิ้นต่อวัน ถ้าหากเป็นวันเสาร์และวันอาทิตย์จะผลิตได้ประมาณ 6,000-7,000 ชิ้น ซึ่งครึ่งปีหลังมีเป้าหมายการผลิตไว้ที่วันละ 10,000 ชิ้น เพราะได้มีการปรับเปลี่ยนแผนการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าออนไลน์มากยิ่งขึ้น เมื่อมีฐานลูกค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นกำลังการผลิตก็เพิ่มตาม นอกจากนี้ในไลน์การผลิตเริ่มมีเครื่องมือเข้ามาช่วยแต่กำลังหลักยังคงเป็นแรงงานคน เรียกได้ว่าเป็นการผลิตแบบโฮมเมด ทั้งนี้การทำไส้สังขยายังคงใช้ถ่านในการกวนไส้ เนื่องจากเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะเมื่อใช้ถ่านในการให้ความร้อนแล้วจะทำให้ได้กลิ่นอายของความหอมจากเตาถ่าน อีกทั้งไส้สังขยานั้นก็ถูกดูแลอยู่ตลอด 3 ชั่วโมงเพราะต้องเติมถ่านเพื่อควบคุมความร้อนของไฟ ทำให้กลายเป็นเอกลักษณ์ของการทำไส้ขนมนั่นเอง
ทั้งนี้ในส่วนของการทำการตลาดนั้นในช่วงแรกจะแบ่งออกเป็น 80% คือขายหน้าร้าน ส่วน 20% ขายส่ง แต่ปัจจุบันได้มีการปรับเปลี่ยนเป็น 60% เป็นหน้าร้าน ส่วน 40% ออกงานอีเว้นท์ ขายออนไลน์ และส่งตัวแทนจำหน่ายกว่า 70 จังหวัด ซึ่ง ดร.โจ๊ก ได้ให้เหตุผลที่ใช้การตลาดหน้าร้านมากกว่าออนไลน์ว่าเนื่องจากสินค้ายังคงเป็นสินค้าท้องถิ่น ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ที่แวะมาเที่ยวจังหวัดตรังก็มักจะซื้อติดมือกลับไปด้วย ตัว ดร.โจ๊กเอง ในวัย 50 กว่าใกล้เกษียณก็มองว่าการทำคอนเทนต์ออนไลน์ยังคงห่างตัวมากนัก แต่นั่นคือในอดีตแต่ในปัจจุบันเริ่มหันมาสนใจและเข้าใจในกระบวนการทำคอนเทนต์ออนไลน์มากยิ่งขึ้น ทำให้การตลาดออนไลน์ในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงของการเริ่มต้นนั่นเอง ปัจจุบันมีลูกค้าออนไลน์กว่า 10,000 ราย
นอกจากนี้ทางร้านได้มีการเข้าร่วมอบรมการทำคอนเทนต์ออนไลน์กับทางกรมการพัฒนาชุมชนและ TikTok Shop ซึ่งได้ความรู้และทักษะกลับมาพัฒนาแบรนด์สินค้าและสร้างคอนเทนต์ให้กับตัวสินค้าเพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าออนไลน์ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งทางแบรนด์ได้เป็นผู้ประกอบการระดับโกลด์ เพราะทำตามทุกคอนเทนต์ที่ทาง TikTok Shop แนะนำและให้ความรู้ตลอด 3 เดือน และทำต่อเนื่องมาจนทำให้รู้ว่าการทำคอนเทนต์ออนไลน์เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากในการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน
ทั้งนี้ขนมจีบสังขยาป้าพิณในปัจจุบันจัดเป็นเซ็ตขาย เซ็ตละ 349 บาท 24 ชิ้น ทั้งหมด 6 ไส้ และมีติดตะกร้าขายใน TikTok Shop อีกด้วย ซึ่งครั้งแรกที่ไลฟ์ขายใน TikTok Shop สามารถขายได้ประมาณ 30-40 ชุด ส่งผลให้ทางร้านมองว่าการทำการตลาดออนไลน์สามารถเติบโตและต่อยอดได้เป็นอย่างดี ซึ่งก่อนจะไปถึงจุดนั้นได้สินค้าต้องมีเรื่องราวและมีคุณภาพเพื่อครองใจกลุ่มลูกค้าได้ ซึ่งลูกค้าที่ได้มาลองกินแล้วก็เริ่มติดใจและกลับมาซื้อซ้ำเป็นประจำ นอกจากนี้ขนมสามารถอยู่นอกตู้เย็นได้ 7 วัน ในตู้เย็น 3 สัปดาห์ถึง 1 เดือน ปัจจุบันขนมจีบสังขยาป้าพิณได้รับมาตรฐาน อย. ฮาลาล เป็นที่เรียบร้อย
ในอนาคตทางแบรนด์ได้มีการวางแผนต่อยอดธุรกิจให้ไปในทิศทางของการขยายตลาดและกำลังการผลิตให้เพิ่มมากขึ้น ปีนี้ตั้งเป้าเอาการผลิตไว้ที่ 10,000 ชิ้นต่อวัน ส่วนปีหน้าตั้งเป้าไว้ที่ 20,000 ชิ้นต่อวัน รวมถึงขยายตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยออฟไลน์จะเน้นไปที่ฝากขายตามร้านกาแฟ คาเฟ่ และออนไลน์ที่ตั้งเป้าสร้างคอนเทนต์และมองว่าเป็นการตลาดที่เติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ดร.โจ๊ก มองว่าการตลาดออนไลน์เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ในการทำธุรกิจขนมในตอนนี้เป็นอย่างมาก และมองว่าแบรนด์ขนมจีบสังขยาป้าพิณประสบความสำเร็จได้ระดับหนึ่งตั้งแต่ออฟไลน์สู่ออนไลน์
อย่างไรก็ตาม ดร.โจ๊ก ฝากถึงผู้ประกอบการที่อยู่ในช่วงวัยใกล้เกษียณแต่มีความต้องการเข้าถึงการตลาดออนไลน์มากขึ้น ซึ่งอายุไม่ใช่ปัญหาในการทำธุรกิจเพราะในปัจจุบันมีเครื่องมือในการช่วยทำธุรกิจมากมาย ซึ่งถ้าหากต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าออนไลน์มากขึ้นจำเป็นต้องเปิดใจและเรียนรู้กับกระบวนการและขั้นตอนต่างๆ พร้อมลงมือทำ ก็จะสามารถเข้าถึงและตีตลาดออนไลน์ได้แล้วนั่นเอง
ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook : ขนมป้าพิณตรังของฝากตรัง ของดีเมืองตรัง ของกินเมืองตรัง
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *