“เราจะใช้คำนี้ครับในเรื่องของ “ผี” และ “วิญญาณ” หรือเรื่องผีมันคือ ความเชื่อส่วนบุคคล ดังนั้นการที่ใครจะเสพตรงนี้อยากให้มันเป็นแค่ “ความเชื่อ” ถ้ามันพ้นจากความเชื่อไปแล้วมันคือความงมงาย ในส่วนของ “คาเฟ่ผีติดวัด” ครับถ้าเกิดมาแล้วไม่เชื่อไม่เป็นไร
ไม่เชื่อเรื่องผีไม่เป็นไร ถือว่าเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ตกแต่งในรูปแบบเหมือนวัน “ฮาโลวีน” ที่บางคนอาจจะไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ที่ว่าวันฮาโลวีนฉันให้ความหมายสำคัญแบบนี้นะ ถ้าเป็นเราที่ไม่ได้นับถือเราก็จะมองว่าฮาโลวีนคืองานเฉลิมฉลองอย่างหนึ่ง มีผีตามจุดต่าง ๆ เราไปถ่ายรูปตรงนั้นตรงนี้ ถ้าไม่มีความเชื่อ เราถือว่า “คาเฟ่ผีติดวัด” เป็นสถานที่แบบนั้นได้ เข้ามาเพื่อถ่ายรูป เอาภาพถ่ายรูปสวย ๆ กลับไปฝากคนโน้นคนนี้ แค่นั้นจะรู้สึกสบาย ความเชื่อเรื่องผีเรื่องอะไรก็แล้วแต่เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ถ้าคุณถือไว้มันหนักเกินไป เช่น เฮ้ยอย่าไปเชื่อเลยมันงมงายมันไร้สาระ ก็ถ้าเขาเชื่อและมันไม่ได้เดือดร้อนกับคนอื่น เราไม่จำเป็นที่ต้องไปเดือดร้อนแทนเขา เพราะว่ามันจะเป็นปัญหากระทบกระทั่งกันทันทีความเชื่อมันเป็น “สิทธิ” ส่วนบุคคลจริง ๆ ตราบใดที่ยังไม่ผิดกฎหมาย หรือไปล้ำเส้นใครเข้า” ครูตรีมีเรื่องเล่า หรือ สามชัย คงสมนึก เจ้าของร้าน “คาเฟ่ผิดติดวัด” บอกเล่าถึงธุรกิจคาเฟ่แนวผี “หลอน ๆ” ซึ่งเจ้าตัวต่อยอดมาจากการเป็นนักเล่าชื่อดังที่เหล่าเอฟซีแฟนคลับคนฟังเรื่องผี-เรื่องสยองขวัญต่างรู้จักชื่อนี้กันเป็นอย่างดี
ที่มาของ “คาเฟ่ผีติดวัด”?
เริ่มต้นของผมจริง ๆ ผมเป็นครูธรรมดาคนหนึ่ง แต่มันมีจุดเปลี่ยนตรงที่ว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งโทรศัพท์มาหาผมแล้วบอกว่า “คุณตรีคะเล่าเรื่องได้เลยค่ะ” ผมก็สงสัยว่าเล่าเรื่องอะไรเขาก็บอกว่าเล่าเรื่องผีที่ส่งมาได้เลยค่ะ ผมก็เลยถามเขาไปว่านั่นคือใครครับเขาชื่อคุณตั๊กกี้(ภรรยาของคุณแจ็ค) พร้อมบอกอีกว่า ก็คุณตรีส่งเรื่องมาไงคะ ผมก็เลยหันไปมองหน้าแฟนว่าเกิดอะไรขึ้นปรากฏว่าแฟนผมเป็นคนส่งเรื่องที่ผมเคยเล่าให้เขาฟังไป พอคุณตั๊กกี้ถามอย่างนั้นปุ๊บให้เล่าเรื่องย่อได้เลยปรากฏว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่อง “กิมกัง” ผมเคยเล่าให้ทั้งลูกศิษย์และก็ตัวแฟน(ภรรยา) ฟังหลายรอบแล้ว ผมก็เลยเล่าให้คุณตั๊กกี้ฟังก็เลยได้มีโอกาสไปเล่าเรื่องครั้งแรกในรายการ The Ghost Radio ในชื่อเรื่องกิมกัง พอเล่าจบปรากฏว่าเสียงตอบรับค่อนข้างดีก็เลยได้เล่าในเรื่องที่สอง คือ บ้านพักแสนสุขสันต์ จากนั้นคนก็รู้จักเรามากขึ้น“สาเหตุที่มีช่อง “ครูตรีมีเรื่องเล่า” ครับเพราะว่า ผมออกค่ายศิลปะแล้วก็เดินทางอยู่13 ปี ทั่วประเทศเลยครับ ตั้งแต่เหนือจรดใต้เลยในการออกค่ายต่าง ๆ ประสบการณ์เรื่องลี้ลับ เรื่องสยองขวัญทั้ง ที่ตนเองเจอทั้งคนที่เล่าให้ฟัง ทั้งน้อง ๆ ที่อยู่ร่วมค่ายเราก็รับรู้ เราก็ฟังมันเรื่อยมา”ช่วงที่ทำช่อง “ครูตรีมีเรื่องเล่า” ผมใช้คำว่าทำไปเรื่อย ๆ มีเวลาก็อัดมีเวลาก็เล่า เพราะตอนนั้นมันมีการเรียนการสอนอะไรต่าง ๆ ด้วย แต่คราวนี้มันมีจุดเปลี่ยนจุดหนึ่งเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อว่าคุณแบม“คุณแบมฝากเรื่อง ๆ หนึ่งมาครับ แต่เขาเขียนมาในข้อความว่า ครูคะหนูอยากจะฝากเรื่อง ๆ หนึ่งให้ครูเล่า ผมก็เลยตอบไปว่าตอนนี้มันมีเรื่องฝากอยู่ประมาณ 7 เรื่องนะครับ เดี๋ยวเอาเป็นว่าเดี๋ยวอีก 3 เดือนผมติดต่อไปแล้วกัน เขาพิมพ์ข้อความกลับมาว่าถ้า 3 เดือน หนูอาจจะไม่ได้เล่ากับครูแล้วหนูขอพิมพ์บอกไว้แล้วกัน แล้วถ้าเกิดวันนั้นที่หนูไม่อยู่แล้ว แล้วครูกรุณาก็เอาเรื่องของหนูไปเล่าให้หน่อย” พอเจอคำนี้ปุ๊บก็ฉุกใจคิด ตอนนั้นเป็นปลายเดือนธันวาฯ ผมก็เลยบอกถ้าอย่างนั้นเอางี้ครับ อีก 3 วันเดี๋ยวผมติดต่อไป เขาก็ตอบมาว่า ขอบคุณค่ะ
พอ 3 วัน ผมมีโอกาสได้โทรศัพท์คุยครับ คุณแบมเป็นผู้หญิงที่สวยรวยเก่งมาก nทำเกี่ยวกับบริษัทเกี่ยวกับการค้าระหว่าประเทศ แต่มันมีหลาย ๆ เหตุการณ์ที่เขาฝากเรื่องเล่ามาเป็น การทำคุณไสย เป็นการทำสิ่งต่าง ๆ สุดท้ายคุณแบมบอกว่าครูเรื่องนี้แบมฝากเอาไปเล่าในรายการเดอะโกสท์ให้หน่อยนะ แบมอยากให้เป็นอุทาหรณ์ แล้วเพราะแบมก็ไม่รู้ว่าแบมจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน“หลังจากนั้นครับ ลางสังหรณ์มีจริงถ้าผมไม่ตัดสินใจโทรหาเขาใน 3 วันนั้น ผมคงจะไม่ได้ฟังเรื่องนี้ และเมื่อถ่ายทอดเรื่องนี้ไปครับไม่นาน คุณแบมเสียชีวิตจริง ๆ! เสียในรูปแบบที่ต้องบอกว่า ไม่น่าเสีย มันทำให้ผมรู้สึกครับว่า อือก่อนที่คุณแบมจะเสียเขาได้ถ่ายทอดเรื่องนี้ไว้ เขามีความเจตนาที่มันจริงจังที่อยากจะทำแบบนี้ผมก็เลย อยากจะสืบทอดเจตนาของคุณแบมส่วนหนึ่ง” เวลามีใครฝากเรื่องมาเล่าก็จะคัดแล้วก็นำมาเล่า จากความที่ทำไปเรื่อย ๆ กลายเป็นความสม่ำเสมอแล้วก็ทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่อยากจะถ่ายทอดเรื่องนี้ครับทั้งเป็นเรื่องอุทาหรณ์ ข้อคิด ความมีสติในการใช้ชีวิต ต่าง ๆ“ถึงจุดหนึ่งครับผมก็รู้สึกว่า เราอยากเจอหน้าเนาะ อยากเจอหน้าเอฟซีเราอยากเจอหน้าผู้ติดตามที่ฟังเรื่องของเรา เพราะบางทีเขามีปัญหาเขาอยากจะมาเจอหน้าเราเพื่อปรึกษา แต่เราไม่มีสถานที่ตรงกลางไว้เจอพวกเขาเลย ก็เลยเป็นที่มาของการทำ “คาเฟ่ผีติดวัด”ครับ โดยคาเฟ่ผีติดวัดจะเปิดพฤหัส-ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ผมก็จะมาประจำการที่นี่เวลามีเอฟซีมา บางทีมีเรื่องมาปรึกษามีเรื่องมาพูดคุย เราก็มานั่งพูดคุยกันที่นี่ครับ ต้องบอกว่าทุกสัปดาห์จะมีคนมานั่งพูดคุยปรึกษาปัญหาต่าง ๆ เป็นประจำ ถือว่าเป็นเจตนารมณ์อีกอย่างหนึ่งที่สำหรับผมมันสำเร็จนะครับ ได้ด้วยดีเพราะว่า “คาเฟ่ผีติดวัด” รองรับตรงนี้ได้”
โลกนี้ไม่มีความบังเอิญ!
ตอนนั้นผมคิดครับว่าระหว่าง การเปิดบริษัททำบริษัทอย่างหนึ่ง กับทำคาเฟ่ ผมมองว่าปลายปีนี้ผมจะทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้สำเร็จให้ได้ แต่คาเฟ่ค่อนข้างจะเลือนลางเพราะว่ามันจะต้องหาสถานที่ด้วยอะไรด้วยหลายอย่าง ก็เลยคิดว่าการเปิดบริษัท/จดทะเบียนบริษัททำอะไรสักอย่างหนึ่งน่าจะสะดวกกว่า “แต่ปรากฏว่าเจอผู้ปกครองท่านหนึ่งครับ ผู้ปกครองท่านนี้สนิทกันมานานแล้วแต่ว่าไม่ได้คุยกันมาพักใหญ่ หลังจากที่เขาโทรศัพท์มาหาผมแล้วเราได้คุยกัน เขาเป็นนักธุรกิจทำอะไรหลาย ๆ อย่างครับแล้วเขามีตึก ๆ หนึ่งที่เป็น Studio ถ่ายภาพเขาบอกว่า ครูตรีตรงนี้ผมก็จะยุติการทำเหมือนกันเพราะผมจะเอาเวลาไปทำอย่างอื่น ครูสนใจที่จะมาดูไหมเผื่อจะทำอะไรได้ ผมก็มาดู พอเราดูเสร็จปุ๊บมันเป็นความรู้สึกเลยครับว่า เราอยากทำคาเฟ่ที่นี่! เหมือนกับว่าเขาอยากให้เรามาทำ ก็เลยคุยเลยว่าผมขอทำเป็นคาเฟ่ได้ไหม? แต่ขอเป็นทำคาเฟ่แบบผีผีนะ ซึ่งทางเจ้าของบอกว่าตามสบายเลยครู ครูอยากจะทำอะไรทำได้เลย”
เรามีการพูดคุยกับทางบ้านทางทีมงานว่า เราจะเอารูปแบบไหนดี? สิ่งที่เปลี่ยนไม่ได้เลย คือ คอนเซ็ปต์เกี่ยวกับ “ผี” เพราะว่าเราเล่าเรื่องผี เราเล่าเรื่องลี้ลับ แล้วเราคลุกคลีแล้วก็มีความรู้เรื่องนี้อยู่มาเป็นสิบปี เราอยากจะถ่ายทอดมาในความรู้สึกเรามีความรู้เรามาในงานศิลปะขนาดใหญ่ ที่เรียกว่าคาเฟ่ผีติดวัด แต่เราก็คุยกันว่าจะเป็นผีระดับไหน? ผีน่ารัก ๆ แบบซอฟต์ ๆ หน่อย เบา ๆ หน่อย ปรากฏว่าทุกคนที่เราปรึกษาและคุยด้วยทุกคนบอกว่า ไปให้สุด! ให้ได้ชื่อว่าเป็นคาเฟ่ผีที่ “หลอน” ที่สุด! ให้ได้“เราต้องทำเอง เมื่อต้องทำเองครับก็เลยต้องหา อย่างแรกที่คิดคือ เวลาเปิดประตูมาปุ๊บอยากจะเจอ “ศาลพระภูมิ” อยากจะเจอ “ศาลตายาย” แบบสยอง ๆ หลอน ๆ เราก็หาครับ มือ 1 หมื่นห้าแพงมาก เราสู้ไม่ไหว เราก็เลยพับโครงการนี้เก็บไว้ก่อน แล้วเราก็ดูว่าเราจะหา “หุ่น” หุ่นที่จะมาตกแต่งเป็นผียังไง ตอนนั้นก็เลยต้องคิดว่าเพื่อประหยัด save cost เราดูมือ 2 ดีไหม? ไม่จำเป็นต้องเป็นมือ 1 ก็ได้ หุ่นบางหุ่นน่ะแขนขาด หัวแตก ก็ใช้ได้เพราะว่ามันก็คงคอนเซ็ปต์ เราก็ไปหาซื้อ”เราก็ไปที่ “วัดสวนแก้ว” มันจะเป็นตลาดที่ขายของมือ 1 มือ 2 เราก็ไปหาซื้อ เดินตามซอกเรื่อย ๆ จนมาเจอร้านสุดท้าย เขาวางศาลพระภูมิเอาไว้เราก็เฮ้ย! อันนั้นศาลของทางร้านหรือเขาขาย? ก็เลยไปถามเขาดู ทางพี่สาวที่ขายเขาบอกว่าเนี่ยเป็นศาลไม้สักอย่างดีเลยนะคะ ไม่บุบสลายไม่อะไรเลย แต่เป็นของมือ 2 นะ เราก็เห็นว่าสวยดีเราก็เตรียมใจเลยไม่ 7,000 ก็ 8,000 แน่เลยถามราคาเขา พี่เขาบอกว่า 1,500 ค่ะ เราก็ห้ะ! สวยขนาดนี้ 1,500“ตงิดใจละก็เลยยิงคำถามไปว่า 1,000 ได้ไหม? คำถามนี้ไม่ได้ถามเพื่อกดราคา แต่คำตอบที่ผมต้องการคือเขาตอบมาว่าไม่ได้ค่ะราคานี้ก็สุดแล้ว แสดงว่าเขาขายก็ได้ ไม่ขายก็ได้เขาไม่ได้ซีเรียสปรากฏว่า เขาตอบผมมาว่าอือ 1,200 แล้วกันค่ะ ขอค่าน้ำมันอีกนิดหนึ่งแล้วเอาไปได้เลย ผมก็เลยบอกเขาไปว่าถ้าอย่างนั้น 1,200 ผมไม่มีปัญหาตอบผมข้อหนึ่งได้ไหม? ศาลนี้มีอะไรติดมาหรือเปล่า แต่ไม่ต้องกลัวคำตอบนะครับต่อให้มีอะไรติดมาผมก็ซื้อ ทางพี่ผู้หญิงคิดแป๊บหนึ่งเดี๋ยวให้แฟนมาตอบดีกว่าค่ะ แล้วเขาก็ไปวิ่งเรียกแฟนเขามานะครับ แฟนเขามาปุ๊บสวัสดีครับพี่ผมก็สวัสดีครับ พี่ครับเมื่อกี้ผมคุยกับพี่ผู้หญิงไว้ว่าผมจะซื้อศาลนี้ในราคา 1,200 แต่ผมอยากรู้ว่าศาลนี้มีอะไรติดมาไหม? พี่ตอบผมได้ตามตรงเลยนะว่ามีหรือไม่มี ไม่ต้องกังวลผมซื้อแน่นอน เขาก็คิดแป๊บนึงเอ่อน้องครับอันนี้มันเป็นศาลมือ 2 เคยใช้มาแล้ว ขอให้คิดซะละกันนะครับว่าสิ่งที่มันติดไป เป็นสิ่งดีละกัน”
พอตอบอย่างนั้นปุ๊บ ก็มั่นใจแล้วมีอะไรอยู่แน่ ๆ แล้วก็เอากลับมาบ้านพอเอากลับมาบ้านเสร็จปุ๊บ เราฝันครับ ฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดขาว สวยมากเลยนะเดินมาจากระยะไกล เดินมายิ่งใกล้เราเท่าไรหน้าเขาค่อย ๆ เละ เละ ๆ จนกลายเป็นหน้าเละมากตอนประจันหน้ากับเรา นั่นคือคืนที่ 1 คืนที่ 2 ก็เห็นอีกแบบหนึ่ง แต่คืนที่ 3 ก็เห็นอีกแบบหนึ่งแต่คืนที่ 3 ผมจำไม่ได้ ผมจำได้แค่คืนที่1 กับคืนที่ 2“คืน 1 ที่เห็นหน้านั่นแหละครับ ตอนนั้นผมยังออกแบบไม่ได้ว่าผีในคาเฟ่จะหน้าตาอย่างไร เหมือนผู้หญิงคนนั้นมาบอกผมว่าให้ทำแบบนี้ นั่นคือที่มาของ “พี่สุดสวย” ครับหุ่นแรกของคาเฟ่ผีติดวัด คือพี่สุดสวย ที่เห็นในความฝันวันนั้นตอนเช้ามาผมก็ทำพี่สุดสวยขึ้นมาเลย” จากนั้นหัวที่สองก็คือเป็นหัวที่อยู่บนชั้น 4 ของคาเฟ่ผีติดวัด หัวนั้นก็แปลกครับ เราซื้อหุ่นที่ใช้ในการทำผมปลอมมาแล้วเราก็กระบวนการทำเหมือนกันทุกหัว แต่หัวนั้นเป็นหัวเดียวที่สีหน้าเขาเปลี่ยน เปลี่ยนกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มเรื่อย ๆ ตามเวลา ในขณะที่หน้าอื่นยังปกติดี ซื้อหัวมาเป็น 10 นะครับมีแค่หัวที่เห็นในฝันนั่นแหละ ที่เปลี่ยนไป“พอเราเป็นอย่างนั้นปุ๊บครับ เราก็เลยรู้สึกว่าหลาย ๆ อย่างในที่นี้เขาดูมีความสุขที่เขาได้มาอยู่รวมกันในนี้ มันก็เลยกลายเป็นว่าหลาย ๆ คนที่เข้ามาจะสัมผัสได้ ไม่ว่าสัมผัสพี่สุดสวย หรือสัมผัสตายายที่อยู่ในศาล ที่บอกมาว่าซื้อมาตอนทุกวันนี้เป็นที่อยู่ของตายายนะครับ” รวมถึงจุดอื่น ๆ ในคาเฟ่หลายคนสัมผัสได้ถึง ดวงวิญญาณหรือพลังงานบางอย่าง แต่เขาก็มีความสุขที่จะมากัน
หลายคนสงสัยว่าที่นี่ “มี” ไหม? รวมถึงคนที่อยากมา “ลองของ” ก็มี!!!
แล้วตอนที่เข้ามาที่นี่ครับผมรู้สึกถึง การมีตัวตนอย่างหนึ่งของ “พี่” ที่อยู่ชั้น 4 เราเรียกเขาว่า พี่โปร่งใส ครับเราเชื่อว่าเขาเป็นดวงวิญญาณดวงหนึ่งแต่พี่เขาอยู่มานานแล้ว แล้วก็อยู่แบบสงบน่ารักนะ พอเราเข้ามาทำตรงนี้มีหลายคนเจอ เจอพี่เขา เจอประสบการณ์แปลก ๆ จากพี่เขา แล้วคนที่เจอมีทั้งซินแส มีทั้งหมอผี มีทั้งอาจารย์พราหมณ์ชั้นผู้ใหญ่ และคนที่มีเซนส์ ทุกคนไม่รู้จักกันแต่บอกตรงกันว่า พี่เขาอยู่ที่นี่มานานแล้ว แล้วเขาก็มีความสุขที่เราได้มาเปิดคาเฟ่ที่นี่ เขาจะช่วยดูแลคนที่มาใช้บริการ“พี่เขาชอบคนเยอะ ๆ เขาชอบคนที่มาหัวเราะร่าเริงมีความสุขกัน เราก็มีการหลายครั้งนะครับที่เราพยายามสื่อสารกับพี่เขา ไม่ว่าจะเป็นการมีรายการเอาเครื่องมือมาทดสอบ หรือเราพูดคุยเอง อย่างที่บอกครับว่าพี่เขาจะช่วยเราในการเรื่องดูแลและก็ค้าขายเนาะ พี่เขามีนิสัยอย่างหนึ่งครับ ชอบเปิดไฟ อยู่ดี ๆ ก็ชอบเปิดไฟอย่างผมปิดไฟทั้งตึกเรียบร้อยเตรียมจะกลับบ้าน ไฟชั้น 4 เปิดเอง! หรือบางทีปิดไฟทั้งตึกแล้วผมไปที่ลานจอดรถเตรียมจะขับออกไป ไฟระเบียงชั้น 4 เปิด! จนวันนั้นพอเวลาเปิดคาเฟ่ผมก็มานั่งคุยกับอากาศเนี่ยแหละครับ บอกพี่เขาว่าพี่ครับพี่น่าจะไม่ชอบความมืด ดังนั้นถ้าพี่ชอบเปิดไฟพี่ช่วยผมทำงานด้วย ถ้ามีลูกค้ามาอะไรมาพี่ช่วยต้อนรับด้วยนะครับ มันก็เลยเป็นที่มาที่ว่าบางคนที่มาถ่ายรูปที่นี่ ถ่ายวิดีโอที่นี่แล้วติด “เท้าปริศนา” ก็มี! ทั้งที่ในเฟรมนั้นไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแต่ถ่ายติดเท้าไปก็มี”
หรือที่พวกผมเจอเอง เช่น บางทีวางบิลไว้จำนวนหนึ่งว่าโอเคเขียนหัวบิลไว้ 1 2 3 4 5 6 7 เวลาเช็กเงินตอนปิดร้านจะได้รู้ว่าบิลอยู่ครบ เหมือนพี่เขาช่วยตามบิลที่เราเขียนครับ เขียนไว้ 15 บิลปุ๊บครบ 15 บิล ลูกค้านิ่งเลยก็มี วันนั้นเป็นวันศุกร์เราเขียนบิลไว้ 15 บิล หนึ่งทุ่มปุ๊บ 15 บิลมีคนเข้าครบ ร้านเงียบเลยครับไม่มีคนเข้ามาอีกเกือบชั่วโมงจะถึง 2 ทุ่ม พวกผมก็เลยตะโกนกลางอากาศอย่างนี้เลย “พี่โปร่งช่วยหน่อยสิ ตอนนี้เงียบมากไม่มีลูกค้าเลย ช่วยเรียกลูกค้าหน่อย” สิ่งที่เกิดขึ้นครับมีเสียงที่ชั้น 4 เปิดประตูแกร๊ก! แอ๊ด! แล้วก็มีเสียงปิดประตูดังปั้ง! เหมือนพี่เขารับรู้แล้วเขาเปิดประตูออกมา“แล้วสิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นคือ ไม่ถึง 5 นาทีครับมีลูกค้าเข้ามา ผมถามลูกค้าคำถามนี้ประจำอยู่แล้วคือ สวัสดีครับมาจากไหนครับเนี่ย บางคนก็บอกมาจากเพชรบุรี ชลบุรี อ๋อมาจากกรุงเทพฯ ฯลฯ คนนี้บอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาตั้งแต่ต้น เขาขับรถหลงมา ขับมาเรื่อย ๆ ปุ๊บปรากฏว่ ตาเหลือบไปเห็นป้ายครูตรีพอดี เขาก็เลยจอดรถแล้วก็แวะมาเลยใจจริงไม่ได้ตั้งใจจะมา แต่หลงเข้ามาก็เลยได้เข้ามา” แล้วมันเป็นจังหวะที่ผมก็บอกว่าให้พี่โปร่งช่วยเรียกลูกค้าหน่อยแล้วพี่เขาก็มีเสียงเปิดประตูจากข้างบนมา แล้วสองคนนี้ก็เข้ามาพอดี ถ้ามองว่าเป็นความบังเอิญก็คงใช่ แต่สำหรับผมผมมองว่าพี่เขาช่วย
ลับเฉพาะคนรู้ใจ ไร้ “ดราม่า” เป็นคาเฟ่ที่ตอบโจทย์พาะกลุ่มจริง ๆ
ครูตรีมีเรื่องเล่า หรือ คุณสามชัย คงสมนึก เจ้าของร้าน “คาเฟ่ผีติดวัด” ยังบอกด้วย ลูกค้าที่มาในวันเสาร์เขาจะรู้อยู่แล้วว่าตอน 1 ทุ่มเราจะมีกิจกรรมนี้(เปิดเวทีเรื่องเล่า “ผีโดดเดี่ยว”) จนถึง 2 ทุ่ม หรืออาจจะเกินถ้ามีคนรอเล่าเรื่องหลายคน เขาก็จะมารวมตัวกันจากนั้นเวลา 1 ทุ่ม เราจะมีการ Live สดที่ชั้น 3 แต่เราก็เปิดเสียงไว้ที่ชั้น 2 ด้วย บางคนรู้สึกว่าฉันอยากกินไปด้วยฟังไปด้วยก็อยู่ที่ชั้น 2 นั่งฟังไปเรื่อย ๆ แต่บางคนอยากไปสัมผัสบรรยากาศจริง ๆ เขาก็จะขึ้นชั้น 3“คนที่ขึ้นชั้น 3 นั่นแหละครับบางคน ตอนแรกไม่ได้คิดจะเล่าเลยนะ แต่พอฟังแล้วบรรยากาศมันพาไปว่าเฮ้ยฉันก็มีเรื่อง ฉันก็อยากเล่า แล้วถ้าเล่าแล้วฉันไม่โดนใครว่าฉันไม่โดนใครตำหนิฉันก็อยากเล่า สุดท้ายเขาก็เวลาคนที่เล่า เล่าจบ เขาก็ยกมือบ้างขอเล่าด้วยครับ แล้วเขาก็ขึ้นไปนั่งเล่า พอจบทุกคนบอกเหมือนกันหมดว่า มันโล่ง! แล้วมันไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่เขาคิด”มันเป็นการสร้างแรงบันดาลใจ และก็สร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวเขาด้วย
ครูตรี บอกว่า โชคดีตรงที่ว่าเป็นคาเฟ่เฉพาะกลุ่ม เหมือนกับคาเฟ่หมา-แมว คนที่จะไปเที่ยวก็คือคนที่รักหมารักแมวเหมือนกัน
“คาเฟ่ผีติดวัด” คาเฟ่ผีสไตล์หลอน หลอน คนมาก็เพราะอยากจะซึมซับบรรยากาศหลอน ๆ สไตล์ผี ๆ เมื่อเขามาเขาเจอคำตอบ ที่เขาต้องการเขาก็ ต้องบอกว่า 100% ที่เจอมามีแต่คำชม ยังไม่เจอคำติ“แต่ว่าไม่ใช่ว่าถ้าติมา แล้วเราจะไม่รับฟังนะครับ เรายินดีรับฟังแต่ตอนนี้คอมเมนต์ที่เข้ามา ค่อนข้างจะชื่นชม แล้วก็ด้วยความที่เรามานั่งกับลูกค้าตลอดมีอะไรคุยกัน น้อง ๆ หน้าเคาน์เตอร์ก็คุยกับลูกค้า ถ้ามีปัญหาอะไรเขาจะบอกเราตั้งแต่ต้นตอนนั้นอยู่แล้ว คือเราอยู่กับลูกค้าตลอดเวลาปัญหาต่าง ๆ เลยไม่มี เพราะว่ามันจะถูกแก้ตั้งแต่ตอนเวลานั้นเลย”
จริง ๆ แล้วผมเจตนาไม่ได้อยากจะทำคาเฟ่ เจตนาอยากทำเป็นแหล่งที่รวม Meeting จริง ๆ แล้วหากิจกรรมมาทำร่วมกัน
กับคนที่มาเที่ยวคาเฟ่ ไม่ว่าจะเป็นบางทีก็มีกิจกรรมดูดวง กิจกรรมพูดคุย กิจกรรมอื่น ๆ แล้วแต่ที่จะจัดขึ้นมาเป็นระยะ ๆ“เพราะเรารู้สึกว่ามันเหมือนอยากให้คาเฟ่แห่งนี้เป็น บรรยากาศครอบครัวครับ ว่าเมื่อไหร่ที่คุณมาคุณมีปัญหาคุณมาปรึกษาได้ คุณมานั่งกินมานั่งเที่ยวมานั่งถ่ายรูป แล้วมีความสุขกลับไป เราอยากได้บรรยากาศแบบนั้นมากกว่า” เพราะว่าเราต้องย้อนกลับไปเจตนาตอนต้นครับ เพราะเจตนาตอนต้นผมบอกชัดเจนคือ ผมอยากจะมีจุดที่ได้พบปะกับผู้ติดตามเอฟซีหรือคนที่อยากจะพูดคุยกับเรา มันก็เลยเป็นที่มาของ “คาเฟ่ผีติดวัด” เราไม่ได้ตั้งต้นที่ว่าเราอยากทำคาเฟ่ก่อน แล้วเราจะทำอะไรต่อ เรามีเจตนาตั้งแต่ต้นว่าเราอยากทำอันนี้ คำตอบก็คือคาเฟ่เป็นสถานที่แห่งนั้น แค่นั้นเอง
“ครูตรีมีเรื่องเล่า” ชวนเปิดประสบการณ์หลอนให้สุด! แล้วมาหยุดที่ “คาเฟ่ผีติดวัด”คาเฟ่ลับเฉพาะคนรู้ใจ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่หลาย ๆ คนต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า การทำมาหากินช่างแสนยากลำบากจริง ๆ การค้าการขายอะไรก็ยากเย็นไปเสียหมดจนทำให้เริ่มท้อ แต่ทว่าสำหรับบางคนในช่วงเวลาเดียวกันนี้กลับคือ “โอกาส” สำหรับธุรกิจที่ตอบโจทย์ของกลุ่มลูกค้าซึ่งอาจจะเป็นเฉพาะกลุ่มจริง ๆ ยุคนี้ใครที่มีไอเดียหรือมีจุดขายที่แตกต่างถือว่า มีความได้เปรียบ เรื่องบางเรื่องที่เราไม่เคยคิดว่ามันจะทำเป็นอาชีพหรือเป็นธุรกิจได้ ตอนนี้มันมีโอกาสแล้วเพียงแต่ว่าตัวคุณเอง มีความเชื่อมั่นหรือการเป็นตัวจริงในเรื่องนั้น ๆ มากพอหรือไม่ เพราะตอนนี้รูปแบบของการค้าขายมันกำลังจะพลิกโฉมจากอดีตไปอย่างสิ้นเชิงด้วยอิทธิพลของ Globalization ที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานในระบบของการจ้างงานการสร้างอาชีพ ที่อาจมิใช่เป็น “ผู้ผลิต-คนกลาง-คนซื้อ/คนขายปลายทาง” เหมือนเดิมอีกต่อไป พร้อมการมาของแพลตฟอร์มขายออนไลน์ที่ชื่อว่า TEMU จากจีนซึ่งกำลังสร้างเอฟเฟกต์ที่น่ากลัวมาก ๆ สำหรับผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะรายย่อย (SMEs) ทำให้แทบจะแข่งขันอะไรไม่ได้เลย หากไม่รีบปรับตัวหรือมีวิธีการตั้งรับที่สร้างความแตกต่างให้ได้แล้ว จากนี้เรียกว่าจะยากยิ่งขึ้นไปอีกมากทีเดียว!
ขอบคุณเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจดี ๆ จาก “ครูตรีมีเรื่องเล่า” สามารถติดตามผลงานหรือแวะไปสัมผัสบรรยากาศแบบหลอน ๆ ฉบับ “คาเฟ่ผีติดวัด” สถานที่พบปะของคนคอเดียวกันที่ชื่นชอบในการฟังเรื่องผีเรื่องลี้ลับต่าง ๆ ร้านตั้งอยู่เลขที่ 20/91-92 ถนนจรัญสนิทวงศ์(ซอย4) แขวงวัดท่าพระ กรุงเทพฯ โทร.095-164-9062 เพจ : คาเฟ่ผีติดวัด