ข้าวเกรียบปลากรือโป๊ะ ฟาสฟอส แบรนด์ SME จังหวัดตรังที่ได้ไอเดียการทำกรือโป๊ะไร้ผงชูรสมาจากการที่ชอบกินกรือโป๊ะแต่พอกินไปนานๆ เริ่มรู้สึกคันคอ ซึ่งกรือโป๊ะทั่วไปส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของผงปรุงรสและผงชูรสอยู่จำนวนมาก ทำให้เจ้าของแบรนด์ริเริ่มทำกรือโป๊ะแบบไร้ผงชูรสและผลิตเป็นรสชาติที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่อย่างรสชาติหม่าล่าต้มยำขึ้นมา ปัจจุบันสามารถผลิตได้สูงสุดเดือนละ 10,000 ซอง
นายสิงขร ปลอดแคล้ว หรือ เอียด เจ้าของแบรนด์ข้าวเกรียบปลากรือโป๊ะ ฟาสฟอส เล่าว่า เดิมทีก่อนหน้าที่จะมาแบรดน์ข้าวเกรียบปลาหรือโป๊ะนั้น คุณเอียดเคยทำอาชีพเป็นลูกจ้างที่โรงงานมาก่อนและเป็นคนที่ชอบกินกรือโป๊ะของ 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นประจำอยู่แล้วแต่พอกินไปได้สักพักก็เริ่มรู้สึกคันคอ ทำให้ตนมองหาสาเหตุดังกล่าวและพบว่าในกรือโป๊ะมีส่วนผสมของผงชูรสอยู่จำนวนมาก ตนจึงตัดสินใจทำขึ้นมาเองและเป็นกรือโป๊ะที่ไม่มีส่วนผสมของผงลูรส สารกันบูดต่างๆ มีส่วนผสมของปลาทูกว่า 50% พร้อมด้วยแป้งสาคูต้น รวมถึงใส่งาดำที่กลายเป็นจุดเด่นและความแตกต่างให้กับข้าวเกรียบปลากรือโป๊ะของทางแบรนด์ด้วย ปัจจุบันดำเนินธุรกิจมาได้ประมาณ 7 ปี และเริ่มเป็นแบรนด์จริงจังมาได้ประมาณ 2 ปี
กว่าจะได้สูตรที่ลงตัวคุณเอียดลองผิดลองถูกและทิ้งไปกว่า 24 ครั้ง และมีปัญหาเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนถึงครั้งที่ 42 ที่รู้ถึงปัญหาหลักคือความเย็น ความร้อน เกิดขึ้นในกระบวนการที่ไม่ลงตัว จนในที่สุดก็สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดและกลายมาเป็นข้าวเกรียบปลากรือโป๊ะ ฟาสฟอส จนถึงทุกวันนี้
สำหรับปลาทูที่นำมาเป็นส่วนผสมหลักในการทำข้าวเกรียบปลานั้นทางแบรนด์จะรับมาจากแพปลาทูลัง หลังจากนั้นก็นำมาทำความสะอาด ควักไส้เองและเข้าสู่กระบวนการผลิตเองทั้งหมด เรียกได้ว่าทำเองตั้งแต่ต้นจนจบเลยทีเดียว นอกจากนี้การทำข้าวเกรียบปลากรือโป๊ะใน 1 รอบจะใช้เวลาอยู่ประมาณ 5 วัน ทั้งนี้กำลังการผลิตในตอนนี้ทางแบรนด์สามารถผลิตได้ประมาณ 10,000 ซองต่อเดือน มีอายุการเก็บรักษาได้ประมาณ 6 เดือน
ปัจจุบันข้าวเกรียบปลากรือโป๊ะ ฟาสฟอส ถูกวางขายตามร้านขายของฝากใน จ. ตรัง ขายในงาน OTOP ที่ถูกจัดขึ้น รวมถึงได้มีวางขายในแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง TikTok Shop ซึ่งยอดขายที่ได้จะมาจากการนำสินค้าขายตามบูธ OTOP เป็นหลัก ซึ่งทางร้านจะจัดโปรโมชั่น 3 ซอง 100 บาท นอกจากนี้เวลาออกบูธ OTOP จะใช้เวลาอยู่ประมาณ 9-10 วัน ซึ่งคุณเอียดเปิดเผยว่าใน 1 วันจะสามารถสร้างยอดขายได้ประมาณ 4,000 บาท นอกจากนี้ทางแบรนด์กำลังมองหาตัวแทนจำหน่ายเพื่อนำสินค้าส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว และ กัมพูชา เพื่อให้สินค้าได้กระจายออกสู่ต่างประเทศได้
ทั้งนี้ข้าวเหรียบปลากรือโป๊ะ ฟาสฟอส มีทั้งหมด 2 รสชาติ ได้แก่ หม่าล่าต้มยำ และรสดั้งเดิม ซึ่งไอเดียในการสร้างรสชาติหม่าล่าต้มยำขึ้นมานั้นเกิดจากการเข้าร่วมโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์ของ มหาวิทยาสงขลานครินทร์ ในการคิดค้นรสชาติ ซึ่งรสชาติหม่าล่าต้มยำตอบโจทย์มากที่สุด โดยในอนาคตทางแบรนด์ได้มีการวางแผนที่จะเพิ่มรสชาติอื่นๆ ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้สินค้าของทางแบรนด์ได้รับมาตรฐาน อย. ฮาลาล และ มผช. เป็นที่เรียบร้อย
แผนการตลาดในตอนนี้ยังคงเป็นออฟไลน์ที่ 80% ออนไลน์ 20% และกำลังวางแผนทำการตลาดออนไลน์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น บวกกับกระจายสินค้าให้ออกสู่สายตาผู้บริโภคในกลุ่มต่างๆ ได้หลากหลาย ทั้งนี้ลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดีมีการกลับมาซื้อซ้ำอยู่บ่อยครั้ง ลูกค้าเก่านิยมและติดตามร้านเวลาไปออกบูธในงาน OTOP จังหวัดต่างๆ
อย่างไรก็ตามในอนาคตได้มีการวางแผนธุรกิจให้ไปในทิศทางของการเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์มากขึ้น เช่น TikTok Shop และเพิ่มตัวแทนจำหน่ายเพื่อกระจายสินค้าได้มากยิ่งขึ้น พร้อมกับเพิ่มรสชาติข้าวเกรียบปลากรือโป๊ะให้มีความหลากหลายมากขึ้น
ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook :ข้าวเกรียบปลากรือโป๊ะ ฟาสฟอส TikTok : ฟาส ฟอส
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *