xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) เปลี่ยน! งานเหมารายวันสู่การรับจ้างชั่วโมงหลายหมื่น!! ด้วยนวัตกรรม “รถแห่”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ก็หน้าหาเสียงก็ใช้ได้นะครับรถพวกนี้ ถูกไหมครับ ไปหาเสียงก็ใช้ได้ เป็นรถโฆษณาก็ได้มีใครจะโฆษณาอะไรก็ได้ ได้หมดครับ บางทีรถพวกนี้ครับ เขามีการเพ้นต์โฆษณาข้างรถเพราะรถนี้วิ่งไปทั่วครับก็เหมือน อ.ประจักษ์ชัย ก็มีโฆษณาเข้ามาหารถเยอะแยะไปหมด เพราะฉะนั้นเขาก็เอารถนี้ทำรถมาบางทีก็ได้รถฟรีด้วยซ้ำครับ”


ผมก็ไม่ได้คิดว่า “รถแห่” จะอยู่ตลอดไปนะครับแต่ว่าที่อยู่กับเราก็คือ ความรู้เรื่องของการสร้างรถ ซึ่งรถมันอาจจะเปลี่ยนไปอย่างอื่นเราเองก็ต้องเปลี่ยนตาม จริง ๆ อู่รถบัสในบ้านโป่งมีเยอะมาก แต่ผมเปลี่ยนมาทำรถแห่ผมจะมีที่บ้านโป่ง มีแค่ที่เดียวเพราะว่าเหมือนกับ คือมันใช้ความรู้เยอะมากครับพวกนี้มีระบบต่าง ๆ เยอะแยะมากมาย ระบบไฟฟ้า ไฮดรอลิค นิวเมตริก ทุกอย่างผสมปนเปกันไปหมดและยังมีระบบเครื่องเสียงด้วยเยอะแยะไปหมดมันก็เลยดูเหมือนเป็นความยุ่งยาก แต่สำหรับเรามันไม่มีอะไรครับ(หัวเราะ) เราก็ทำจนชำนาญของเรา “คุณสุริยะ แกล้วทนงค์”กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดิร์นบัสบอดี้ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ “MB” อู่โมเดิร์นบัส รถบัสบันลือโลก ที่เวลานี้ในวงการรถบัส-รถแห่ต่างรู้จักเขาคนนี้เป็นอย่างดี ในชื่อ “ป้อมโมเดิร์นบัส” หรืออีกฉายาที่เหล่าบรรดา FC ซึ่งติดตามผลงานของเขาเป็นผู้เรียกขานตั้งให้ว่าเป็น “โทนี สตาร์ก” เมืองไทย สุดยอดอัจฉริยะด้านสิ่งประดิษฐ์จากภาพยนต์ซูเปอร์ฮีโร่ชื่อดัง เรื่อง Iron Man ด้วยเป็นคนที่ชอบประดิษฐ์ของ/สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับด้านรถยนต์ & กลไก และยังกลายเป็นธุรกิจซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ๆ ด้วยไล่เรียงมาตั้งแต่สมัยแรกคือ “รถบัส” จวบกระทั่งมาถึง “รถแห่” โปรดักส์ทำเงินล่าสุดของอู่รถบัสบันลือโลกแห่งนี้


จาก “วิศวกร” ด้านปิโตรเคมี แต่มีใจรักใน “เครื่องกล-รถยนต์” ด้วย
คุณป้อม เล่าให้ฟังว่า จริง ๆ ตนเองไม่ได้เรียนจบมาทางด้านการทำรถยนต์ แต่เรียนจบมาเกี่ยวกับด้าน “ปิโตรเคมี” ก่อนหน้านี้ทำงานในสายงานที่ตรงกับตนเองเรียนมา อยู่ที่ จ.ระยอง และก็ด้วยความที่ว่าเป็นคนที่ชอบพวกเครื่องกล-รถยนต์ตั้งแต่เด็ก ก็เริ่มต้นด้วยการทำรถตู้เพื่อรับ-ส่งพนักงานก่อน หลังจากนั้นก็มาทำ “รถบัส” รับ-ส่งพนักงาน แต่เนื่องจากพอเราทำไปสักพักหนึ่งธุรกิจเราก็เริ่มเติบโตและเราก็เริ่มมีคู่แข่ง ทีนี้รถทุกคันที่มาเป็นคู่แข่งเราก็จะเป็นรถเหมือน ๆ กันซึ่งทำให้เราหา “จุดขาย” ไม่ได้ “ตอนนั้นผมก็เลยลองคิดว่ารถน่ะครับมันน่าจะมีจุดเด่น ที่จะทำยังไงให้เหนือกว่าคู่แข่งในด้านเรื่องของรูปลักษณ์เพราะว่าสมัยนั้นครับบริษัทในระยองจะมีการแย่งตัวพนักงานกันทีนี้ การแย่งตัวพนักงานซึ่งพนักงานจะไม่รู้เลยว่าในบริษัทเป็นอย่างไรนอกจากสวัสดิการ แต่เขาจะมองจากรถรับ-ส่งพนักงาน ผมก็เลยมีความคิดว่าผมจะทำรถรับ-ส่งพนักงานที่มันดูแปลก ๆ กว่าเขา ก็เลยเริ่มเขียนแบบด้วยตัวเอง” ก็เอาแบบที่เขียนเองตอนนั้นมายื่นต่อที่อู่บ้านโป่ง ก็เขาก็บอกว่าทำไม่ได้ พอทำไม่ได้ปุ๊บ ผมก็เลยไม่รู้จะทำอย่างไร ผมเลยทำเองเลย ก็เลยรวบรวมคนมาเองพอทำเองเสร็จแล้ว คันแรก ก็เลยลองส่งเข้าไปประกวด(เอาไปโชว์) ที่งานสมัยนั้นเรียกงาน Bus & Truck แล้วปรากฏว่ามันกลายเป็นที่ตื่นตาตื่นใจ และมีคนเอารถมาให้ทำเยอะแยะไปหมดเลยหลังจากนั้น

คันนี้สร้างจากรถกระบะ
“จริง ๆ แล้วเราเป็นคนชอบประดิษฐ์อยู่แล้ว สมัยเด็ก ๆ เราไม่ค่อยชอบของเล่นที่มันเป็นสำเร็จ เราจะเอาพวกเศษเหล็กโน่นนี่นั่นมาประดิษฐ์เป็นรถประดิษฐ์เป็นหุ่นยนต์เล่น ตั้งแต่เด็กนั่นคือความชอบที่มีอยู่แล้ว แต่พอมาถึงจุดหนึ่งว่าทำไมเราถึงก้าวข้ามมาเป็นผู้ประกอบการเนี่ยครับ เพราะว่าก็คือเราทำแบบมาแล้วครับไม่มีบริษัทไหนที่ตอบสนองเราได้ เราก็เลยยังมีความเชื่อมั่นว่ามันยังจะทำได้อยู่ แต่ก็คือเราเอาแบบไปส่งที่ไหนเขาก็บอกมันทำยากทำไม่ได้ แต่เรายังมีความเชื่อมั่นว่ามันทำได้นะครับ เราก็เลยลองทำเอง”แต่ถามว่าทำไมเราถึงมาเป็นผู้ประกอบการ เพราะว่าพอเราทำสำเร็จใช่ไหมในสมัยนั้นเขาเรียกว่าเป็นเว็บไซต์มั้งครับ มันก็มีการถ่ายรูปออกไปเยอะแยะมากมายพอคนเห็น คนก็อยากเอารถมาให้ผมทำ พอผมทำมาเริ่มจากคันแรก สองคัน ก็ยังไม่ออกจากประจำที่ทำอยู่ก็ทำสองอย่างควบคู่กัน แต่พอเริ่มเข้ามาเป็นสิบ ยี่สิบ สามสิบ มันไม่ได้แล้วหลังจากนั้นเราก็เริ่มดีไซน์รถบัสมาเรื่อย มาเรื่อย อย่างเงี้ยครับก็เป็นที่ถูกใจของผู้ประกอบการ ซึ่งเรื่องการสร้างรถของเราเนี่ยส่วนใหญ่ก็เป็นรถแบบ Custom คือผมจะไม่เน้นรถmass ก็คือทำ1 00 คัน 200 คัน ผมจะไม่เอาแบบนั้นเพราะว่า คือผมไม่ได้ต้องการที่จะเป็น ร่ำรวยอะไรจากตรงนี้ครับเราแค่ อยากทำงานที่เราชอบ”


สร้างสรรค์ผลงานจาก Passion ที่ใช่ Customize รถได้ทุกชนิดไปยัน “เครื่องบิน”!!
ธุรกิจนี้หากนับย้อนไปก็ประมาณสัก 17 ปีมาแล้ว ซึ่งที่นี่จะเป็นช่วงการขยายธุรกิจแล้วก็ย้ายมาอยู่ในตอนช่วงหลังนี้“รถบัสมันเป็นศาสตร์หรือรถพวกนี้(รถประดิษฐ์) มันเป็นหลายศาสตร์รวมกัน มันจะมีระบบไฟฟ้า ระบบไฮดรอลิก นิวเมตริก และก็พวกโครงสร้างต่าง ๆ ครับแต่ที่ว่ามันขาดไม่ได้เลย แบบนี้เราสามารถเรียนรู้กันได้แต่ที่ขาดไม่ได้คือ ศิลปะ ซึ่งศิลปะก็คือเราต้องเอาคือผมตั้งแต่เด็กผมเป็นคนที่วาดรูป คือผมค่อนข้างจะวาดรูปได้ดีเคยประกวดวาดรูปมาหลายครั้งแล้วครับ ทีนี้เราจะเอาเครื่องกลกับศิลปะเนี่ยผสมกัน มันก็เลยกลายเป็นรถเนี่ยอย่างที่ได้เห็นอยู่ด้านหลัง แต่ผมก็ไม่ได้ทำแค่รถบัส-รถแห่นะครับ ผมยังมีทำเครื่องบิน(เครื่องบินจำลอง)เฮลิคอปเตอร์จำลอง รถ Super Car ที่เข้าฉากภาพยนตร์ คือพี่คิดอะไรไม่ออกพี่มาหาผมเนี่ย ผมตอบสนองพี่ได้หมด ตามสั่ง(customize) คือเราสามารถแปลงความคิดของพี่มาเป็นโปรดักส์ให้ได้ ในทุก ๆ รถ ซึ่งผมจะใช้แฮชแท็กประจำว่า #โมเดิร์นบัสมันส์ทุกรถ คือรถทุกชนิดคุณสามารถทำได้หมด”




จุดเปลี่ยนสู่การเพิ่ม “รถแห่” แก้โจทย์ที่ขัดใจทำรถบัสภายใต้กรอบ
คือผมจะมีความสุขกับการทำรถทุก ๆ คัน ที่เขาสั่งมา และก็ผมจะดูแลเองทุกขั้นตอน รถเป็น 100 คันแต่ว่าทุก ๆ วันตลอดทั้งวันผมก็จะอยู่ในนี้ไปด้วยกันกับทีมช่างตลอด ผมจะใช้เวลาเขียนแบบประมาณ 2 ทุ่ม-เที่ยงคืน บางทีก็เลยไปตี1-ตี2 และก็ผมก็จะตื่น 08.00 น. หรือเอาง่าย ๆ ว่าผมนอนตอนกี่โมงผมก็จะตื่นหลังจากนั้นอีก 8 ชั่วโมงเต็ม“คือมันไม่ใช่แค่การเขียนแบบ การออกแบบ การเขียนแบบ ต่างกันนะ การเขียนแบบคือเอาแบบมาแล้วเขียนตาม แต่การออกแบบเนี่ยคือ มันออกแบบไปด้วยเขียนแบบไปด้วยมันเลยใช้เวลา”แล้วก็อีกอย่างหนึ่งของที่นี่จะเน้นคือเรื่อง ความปลอดภัย (ระบบ Safety) สมมุติว่าเราเอารถพวกนี้ไปใช้แล้วมันเกิดผิดพลาด ทับคนตาย! มันก็มีความผิดทางกฎหมายเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นขาดไม่ได้คือเรื่องความปลอดภัยจะมีระบบ Safety ส่วนใหญ่รถทุกคันไปจากที่นี่จะมี เพราะตนเองจะถูกปลูกฝังมาตั้งแต่ทำงานอยู่ในระบบโรงงานปิโตรเคมีซึ่งจะมีความเข้มงวดมาก ๆ ในเรื่องนี้

เฮลิคอปเตอร์จำลองก็มีทำให้กับลูกค้าที่เป็นกองถ่ายฯ
ตอนแรกที่ทำรถบัสอยู่ ยังไม่ค่อยมีใครทำแนวผม พอผมทำไปสักพัก ๆ มันก็เริ่มมีคู่แข่ง คือรถบัสมันโดนจำกัด มันมีปัญหาอย่างนี้คือว่า รถบัสพอเราทำไปถึงจุด ๆ หนึ่งมันโดนจำกัดโดย “กฎหมาย” กฎหมายจะจำกัดเราว่าห้ามทำแบบนี้ ห้ามทำแบบนี้ ทำให้การออกแบบเรามันมี “กรอบ” เกินกรอบนี้ไปไม่ได้!“อย่างเช่นเอาง่าย ๆ เราจะทำ “ลาย” อะไรขึ้นไปสักอย่าง เราจะทำ หุ่นยนต์สักตัวหนึ่งที่มันวิ่งได้อย่างเงี้ยครับ แต่คนในรถครับมองออกไปข้างนอกไม่ได้ มันจะเป็นเหล็กหมดมันก็จะเมามึนรถ(เมารถ) อย่างเงี้ย เราก็ต้องเวลาออกแบบมันจะมีข้อจำกัดของพวกนี้อยู่ แล้วความกว้าง ความยาวของตัวรถ น้ำหนักรถ สำคัญนะครับเพราะการจดทะเบียนแต่ละประเภทมันจะมีน้ำหนักบังคับอยู่ ทีนี้เราจะใส่อะไรที่มันแปลก ๆ พิสดารตามความฝันเรา บางทีมันไม่ได้”มันเป็นศิลป์พาณิชย์ แต่ว่ามันจะมีพาณิชย์มากกว่าศิลป์ แต่พอเรามาทำ “รถแห่” มันเหมือนเป็นศิลป์มากกว่าพาณิชย์ เราสามารถใส่อะไรได้เยอะแยะไปหมดจนเป็นที่ติดอกติดใจของลูกค้า

เครื่องบินจำลอง
“ความโชคดีของผมครับคือ ส่วนใหญ่ผมส่งแบบน้อย คือส่วนใหญ่ส่งแบบครั้งเดียวส่วนใหญ่ผมจะผ่านเลย คือเป็นความโชคดีของเราครับ เราเขียนแบบมาระหว่างนั้นคือเรากลั่นกรองของเขามาเต็มที่แล้ว พอตกผลึกมาเป็นแบบปุ๊บเนี่ยเราก็ส่งให้ลูกค้าส่วนใหญ่ 99% มักจะจบในรอบเดียวและก็ แต่จริง ๆ ลูกค้าบางคนนะครับมีอีกแบบในกลุ่ม ไม่ขอดูแบบขอลุ้น! ว่าตอนจบจะออกมาเป็นอย่างไร ก็มาถึงก็เป็นที่ถูกอกถูกใจกันก็เป็นที่ชอบ”คือไอเดียส่วนใหญ่ ผมว่าไอเดียส่วนใหญ่เป็นของลูกค้า แต่ลูกค้าออกไอเดียมาว่าอยากได้ประมาณนี้ ส่วนเราเอาไอเดียเขามาใส่รายละเอียดต่าง ๆ ให้เขาแล้วเราเติมให้เขา พี่ผมว่าอย่างนี้มันยังไม่ว้าวถ้าอยากจะว้าวพี่เพิ่มตรงนี้ไป เขาก็เอาครับ เอาครับ เขาก็ตื่นตาตื่นใจแบบนี้ครับ แล้วก็ลูกค้าที่มาส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่ดีมาก ๆ ครับ คือมาด้วยความตั้งใจ ตั้งใจว่าให้ผมทำให้ บางคนเข้ามาเอารถเอาเงินมาเลย ผมไม่รู้ว่ามาหาผมด้วยซ้ำไม่โทรบอกล่วงหน้า อยู่ ๆ ก็เอารถมาจอดไว้คันหนึ่ง เอาเงินมากองไว้ให้ แล้วให้ผมดีไซน์ให้เลย ก็ทำงานก็มีความสุขครับ แต่ว่าความเครียดเราก็มีด้วย “จำนวน” ของรถที่เข้ามาคือมันมีเยอะเกิน

ก่อนจะเกิดโควิดฯ ผมเริ่มรู้สึกว่าผมเกิดความจำเจกับงาน รถบัส-รถจำลอง(กองถ่าย) ที่ทำอยู่มันก็ไม่ได้ใช้ความคิดเท่าที่ควร
และก็ผมก็นั่งดูในโซเชียลฯ สักระยะหนึ่งมันมีชาวบ้านทำ “รถแห่” กันก่อน เอาเครื่องเสียงไปใส่ในรถกระบะธรรมดา แล้วมันก็ไม่ได้สวยอะไร“ผมก็เลยคุยกับทางออฟฟิศเฮ้ยไปหาเหยื่อมาให้ผมคนหนึ่ง(หัวเราะ) ใช้คำว่าเหยื่อเลยนะครับ บอกว่าผมเอาแค่ต้นทุนเดี๋ยวผมทำอะไรให้ดู ทางออฟฟิศเขาก็ไปหาคนมาคนหนึ่งซึ่งเป็นรถบัส เป็นรถแห่ 2 คันแรก โดยคันแรกก็ทำแบบขาดทุนเลย คันแรกทำออกไปนะครับคนตื่นเต้นกันครับก็เหมือนกับรถบัสคันแรก จากที่ไม่เคยเห็นรถที่มันหน้าตาแบบนี้รถแห่ก็เป็นรถธรรมดา ๆ พอผมทำออกไปคันนึงปุ๊บมันก็เริ่ม เฮ้ยมันทำแบบนี้ได้นี่นา! ดูข้างนอกเป็นรถบัสบ้างเป็นรถอะไรอย่างอื่นบ้างผมก็ทำไปหลายอย่าง”และก็มีอยู่เจ้าหนึ่งชื่อว่า รถอุ่นไอรัก น้องเขามีลักษณะคล้าย ๆ ผมก็คือ เขาสร้างไม่เป็นแต่เขามีไอเดีย พี่ผมอยากได้รถแบบนี้ เขาให้ผมลองทำดู พอทำเสร็จไปหนึ่งคันกลายเป็นเหมือนรถบัสคันแรกที่ผมทำก็ดังขึ้นมา ตูมตามเลยในโซเชียลฯ หลังจากนั้นมาผมก็จับ “รถกระบะ” ตอนแรกผมทำรถขนาดใหญ่ จากรถกระบะที่ขนเครื่องเสียงใส่ท้าย ผมก็มาทำเป็นแบบนี้ออกมา1 คัน พอคันนี้ออกไปมันเป็นไวรัลในTikTok เขาก็สืบหาว่าใครเป็นคนทำ หลังจากนั้นก็กลายเป็นผมพอสืบรู้ว่าเป็นผมทีนี้รถก็หลั่งไหลเข้ามาเหมือนเดิม เหมือนช่วงรถบัสช่วงแรก นี่คือที่มาว่าทำไมมาทำ “รถแห่” ซึ่งถามว่าผมก็ไม่ได้โฟกัสที่รถแห่คือผมทำอะไรก็ได้ ที่ว่าให้ผมได้ใช้ คือได้เอาผลงานเราออกมา

รถเวที
สร้างความพิเศษ (LIMITED) ไม่เหมือนใคร มีคันเดียวในโลก!
และก็ผมมีคอนเซ็ปต์ของผมอยู่ชัดเจน คือรถทุกชนิด “คันเดียวในโลก”ไม่ทำซ้ำ แม้กระทั่งตัวเองเราก็ไม่ลอกงานตัวเอง คันนี้ทำไปแล้วสำหรับลูกค้าคนนี้โดยเฉพาะ เป็นเอกลักษณ์ของคุณไปเลยแล้วเป็นงานของคุณ เรายกให้คุณไปเลยหนึ่งถ้าคุณไม่มีแบบมานะครับ คุณก็ให้เราออกแบบให้ ส่วนใหญ่ไม่มีใครมีแบบมาแต่คือผมจะออกแบบไม่ให้ซ้ำกันเลย เพราะฉะนั้นลูกค้าเขาจะชอบตรงนี้ด้วยครับ ผมทำคันนี้ไปแล้ว พี่จะไปเห็นอีกคันต่อไปมันจะไม่เหมือนแบบนี้แล้ว จะเป็นอีกคนหนึ่งเลยครับ”เพราะว่า “รถแห่” บางทีมันอยู่ตำบลเดียวกัน หรืออยู่อำเภอเดียวกัน ทีนี้ถ้ารถมันซ้ำกัน มันไม่น่าสนใจ แต่ถ้ารถอยู่ตำบลเดียวกัน อำเภอเดียวกัน จังหวัดเดียวกัน แต่คนละคาแรคเตอร์กันหมดเขาก็สามารถ “ตอนนี้พี่รู้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาแชร์งานในกลุ่มรถของบริษัทเดียวกัน คือ โมเดิร์นบัส เขาจะแชร์งานให้กันเพราะว่าเจ้าภาพถ้าคันนี้โมเดิร์นบัสใช่มั้ย รถเกิดเสียหรือมีปัญหาขึ้นมาเนี่ย เอารถที่อื่นมาเขาไม่ยอมนะครับเพราะต้องเป็นรถในเครือ กลายเป็นว่าตอนนี้มีการรวมกลุ่มกันเป็นแบบนี้เลย ก็เป็นที่น่ายินดีก็เหมือนสมัยรถบัสตอนนั้นนะครับ ไกด์ครับถ้าเป็นรถโมเดิร์นบัสเนี่ยเขาจะไม่ต่อราคา เขาถือว่ารถออกมามันสวยทั้งนอกทั้งใน รถแห่ก็เหมือนกันเจ้าภาพถ้าเป็นรถแห่ของโมเดิร์นบัสเนี่ยที่ทำออกไป ราคาก็จะได้สูงนะครับในการว่าจ้าง เพราะว่าเวลาเราถ่ายรูปครับเสียงของเครื่องดนตรีมันไม่ได้ออกไปด้วย แต่ที่เห็นคือภาพของตัวรถที่มันสวยงามที่เจ้าภาพยืนอยู่หน้ารถถ่ายรูปสวย ประมาณนี้ครับ”


คือตอนนี้ “ภาคอีสาน” รถผมไปจะ100 กว่าคันแล้วครับ ก็เยอะก็ภายในระยะเวลาไม่เท่าไรเอง เราทำรถไปเป็น100 กว่าคันมีทั้ง
รถขนาดเล็ก ขนาดกลาง รถขนาดใหญ่ อย่างขนาดเล็กก็คือจะเป็นไซซ์ของ “รถกระบะ” แล้วก็ใหญ่จะเป็นรถ 12 ล้อ ตอนนี้ผมก็ทำเป็นรถ16 ล้อ(เพิ่มไปอีก1 คาน) ซึ่งจะทำให้กับศิลปินชื่อดังหลาย ๆ คน“มันมีทำทั้งคัน รวมเครื่องเสียงเป็นคอมพลีทเซ็ต หรือว่าทำเฉพาะตัวรถแล้วไปทำเองเครื่องเสียงเอง เรทราคาถ้าเป็นรถใหญ่ถ้าเป็นคอมพลีทเซ็ตเลยนะครับ ทำทั้งคันพร้อมออกงานเลยประมาณ 5-6 ล้านบาท อย่างรถกระบะเนี่ยก็อยู่ประมาณ 2 ล้าน” ทีนี้ถามว่าฟังดูมันเหมือนแพงใช่ไหมครับ มันดูแพง ผมถามว่ารถ 2 ล้าน พี่ซื้อรถ 7 ที่นั่ง1 คันตอนนี้ก็ 2 ล้านแล้ว แต่คนเหล่านี้เขาจะไม่ซื้อรถ 7 ที่นั่ง เขาจะมาซื้อรถแบบนี้ แล้วเขาไปรับงานบางทีวันหนึ่ง ครั้งละหมื่นห้า วันหนึ่งรับสองรอบเขาก็สบายแล้วครับ มันคืออาชีพ ช่วยพลิกโฉมของการสร้างรายได้จากงานเหมาเป็นรายวัน เปลี่ยนมาเป็นรายชั่วโมงแทน

พอหลังจากรถแห่มาได้ช่วงหนึ่งผมก็เริ่มทำ “รถเวที”ทำรถเวทีของหลายพรรคการเมืองก็เอาไปใช้อยู่อันนี้ผมไม่เอ่ยชื่อละกัน
หลายพรรคการเมืองเอาไปใช้อยู่เป็นรถเวทีกด “ปุ่มเดียว”กางออกมาทั้งหมด! ซึ่งมันต่อไม่ใช่เป็นรถแห่อย่างเดียวคือตอนนี้ก็ทำเป็นเวทีเคลื่อนที่ด้วย จากที่ต้องใช้คอนวอย 20-30 คนแต่ผมทำเวทีใช้แค่คนเดียว(ใช้เวลาเปิด-ปิด แค่ 3 นาทีจากเดิมต้องเก็บอยู่เกือบ 10 ช.ม.) ก็ 3 นาทีก็กางออกเป็นเวทีพร้อมใช้งานได้เลย แล้วตอนนี้ก็มีโปรเจคท์เข้ามาทำเวทีอีก 4-5 คัน เขาให้ผมดีไซน์เวทีหมอลำใหญ่เลยนะครับโดยใช้รถเพียงคันเดียว! ความแตกต่างระหว่างรถแห่กับรถเวทีคือรถเวทีก็คือเป็นเวทีเลยครับ เวทีและก็มีรถลำโพงมาอีก 2 คัน แต่ถ้าเป็นรถแห่ก็คือแบบที่เห็นอยู่ด้านหลังนี้ เป็นเวทีได้ด้วย(เป็นมินิคอนเสิร์ต) และก็มีเครื่องเสียงอยู่บนรถพร้อม” มันจะมีอยู่ช่วงหนึ่ง คือศิลปินเขาจะทำงานกลางคืนแต่รถแห่มันวิ่งกลางวันได้ ก็มีนักร้องคือเขามีทรัพยากรอยู่แล้วเขาซื้อรถแห่มาคันหนึ่ง แล้วเขาเอานักร้องที่ว่าอย่างเช่น นักร้องฝึกหัดที่ยังไม่ได้ขึ้นเวทีใหญ่ อย่างยกตัวอย่างมีอยู่เจ้าหนึ่ง(ค่ายเพลง) เขาจะทำรถแห่เพื่อให้ศิลปินฝึกหัดของเขาเนี่ยซึ่งผมทำให้เขาไปหลายคันแล้ว คือเขาเอาสมมุติว่าเขารับศิลปินเข้ามาฝึกหัดใช่ไหมครับ เขายังไม่ให้ขึ้นเวทีใหญ่ขึ้นเวทีรถแห่ก่อน ก็มีเวทีให้ถ้าเป็นนักมวยก็คือมีเวทีให้ซ้อมชกนะครับเขาก็เลยสร้างรถแห่มาน่าจะ 4-5 คันแล้วครับแล้วเวลามีศิลปินในค่ายเข้ามาใหม่ ๆ เนี่ยเขาก็ส่งศิลปินเหล่านี้ ไปร้องเพลงตามรถแห่ก่อน


จนได้ฉายาอัจฉริยะด้านสิ่งประดิษฐ์ “โทนี สตาร์ก” เมืองไทย
รถประดิษฐ์พวกนี้ผมให้นิยามมันว่าเป็น “นวัตกรรม” แล้วก็มีคนพากันตั้งฉายาให้กับผมว่า “โทนี สตาร์ก” กันบ้าง(หัวเราะ) แต่ว่าเราไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับเพราะว่าโทนีสตาร์ก ในหนังคือเขาจะเก่งมาก ๆ อาจเพราะด้วยเราเป็นคนที่ชอบประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ อยู่ไม่หยุดนิ่งตลอดเวลา เขาตั้งฉายานี้ให้จนผมช่วงนั้นเอารูปโปรไฟล์ขึ้นเป็นโทนีสตาร์กไปเลย(หัวเราะ) แต่ผมก็กลัวมันละเมิดลิขสิทธิ์ของเขาก็เลยหลัง ๆ เอารูปตัวเองขึ้นมาแทน“ก็คือเหมือนอย่างที่ผมบอกครับชอบประดิษฐ์งาน ชอบสร้างงาน สร้างอะไรกลอะไรใหม่ ๆ เนี่ยผมชอบ ชอบมากและก็ ผมถึงบอกมาจากความชอบบางทีทำงานตั้งแต่ 08.00 น. ทำอยู่ในนี้ครับทำกับลูกน้อง 2-3 คนเนี่ย ทำประดิษฐ์อะไรบางที 4-5 ทุ่มเรายังไม่เหนื่อยกันเลย เพราะมันเข้าใกล้ความจริงไปเรื่อย ๆ ครับ เฮ้ยอันนี้ทิ้ง! ปรับอีกนิดมันเริ่มดี มันก็เลยอยากเห็นจุดหมายปลายทางว่ามันเป็นอย่างไร ก็จะมีทีมงานที่ทำงานอยู่ด้วยกัน 4-5 คนที่รู้ใจกันว่า ผมต้องการอะไร” ผมก็เลยไปทำให้ภาพลักษณ์ของเจ้าของรถแห่คันนั้น ๆ ให้ดูแบบเป็นถ้าเปรียบเสมือนรถก็เหมือนพวก “รถซูเปอร์คาร์” รถแห่ไม่ใช่ผมทำเจ้าเดียวนะครับ เขาทำกันเยอะแยะ แต่ทุกคนอยากจะทำที่ผมเพราะว่ามันเหมือนเป็นรถซูเปอร์คาร์คือเขาให้คอนเซ็ปต์ประมาณนั้น แต่ในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ “เพราะว่าล่าสุดที่ทำไปแล้ว เขาเอาไปขายออกเขาขายง่ายแล้วได้ราคาสูง นั่นก็คือข้อดี มันก็เลยทำให้ลูกค้ายิ่งมั่นใจครับก็รถก็เลยเข้ามาไม่หยุด จนต้องขยายเพื่อรองรับงาน” ตอนนี้ก็คือทุกคนบอกว่า หนึ่งเรื่องของ “รูปลักษณ์” เราเป็นต่อแล้ว และก็เรื่องของเทคโนโลยีต่าง ๆ เราก็นำ นำอยู่ครับ แต่ว่าถามว่าตอนนี้คือสุดยอดหรือยัง? ยังครับ! มันยังมีหลายอย่างที่ทำได้แต่เราต้องนำเสนอกับลูกค้า ลูกค้ามีอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งคือกลุ่มที่ชอบเสี่ยงชอบลอง อีกกลุ่มหนึ่งคือต้องรอให้คนอื่นเขาทำก่อน แต่กลุ่มที่ชอบเสี่ยงชอบลองมันมีจำนวนน้อย ผมต้องหาคนเหล่านี้ให้เจอ“อย่างที่จะเข้ามาอาทิตย์หน้า อันนี้คือรถธรรมดานะครับ รถธรรมดายาว 12 เมตรวิ่งบนท้องถนนเหมือนรถทั่วไป แต่พอจอดแล้วเป็นรถเวทีรถคันนี้จะยืดออกมาเป็น 16-20 เมตร แล้วก็หลังคาก็เปิดได้เป็นเวทีจริง ๆ เลยครับ ก็เหมือนที่ผมบอกครับเจอเหยื่อ(หัวเราะ) คนที่มีความคิดคล้าย ๆ กัน ว่าเฮ้ยต้องการจะลดต้นทุนของคอนวอยของคนติดตั้งอย่างเงี้ย
แล้วก็รถเนี่ยขนาดเท่ากัน โจทย์คือรถเราต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย กว้างxยาว เท่าวิ่งบนท้องถนนได้ แต่พอเราจอดแล้วเนี่ยครับกฎหมายไม่ได้มากำหนดเรานี่ครับ เราจอดเราก็ยืดมันแล้วก็ขยายมัน อันนั้นก็คือสิ่งที่จะทำต่อไป”
ซึ่งหลายคนมองว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ผมเขียนแบบเสร็จแล้ว ผมมองว่ามันเป็นไปได้เพราะว่าทุกอย่างเราไม่ได้มาลองทำด้วยมือ เราลองทำในคอมพิวเตอร์ก่อนแล้วมันเป็นไปได้แล้วเหลือแต่ การถ่ายทอดจากคอมพิวเตอร์มาเป็นของจริง หลังจากนี้มีอะไรอีกไหม? ก็มีอีก! แต่ยังบอกในนี้ไม่ได้เดี๋ยวมีคนทำก่อน พอมีคนทำก่อนมันกลายเป็นว่าผมไปลอกแบบเขา(หัวเราะ) เดี๋ยวก็เป็นปัญหา


“นวัตกรรมรถแห่ไทย” อีกหนึ่งซอฟต์เพาเวอร์ ที่ดังไกลไปถึงต่างประเทศก็อยากได้!
ป้อมโมเดิร์นบัส หรือ คุณสุริยะ แกล้วทนงค์ เจ้าของอู่โมเดิร์นบัส รถบัสบันลือโลกหรือที่เหล่าสาวกรถบัส-รถแห่ต่างรู้จักกันในชื่อของแบรนด์ “MB” ยังบอกด้วย ผมเป็นคนโชคดี โชคดีเรื่องของ “เรื่องงาน” ตั้งแต่ผมทำธุรกิจมาจะ 20 ปีแล้วที่ออกมาทำธุรกิจตัวเองไม่เคยมีปัญหาเรื่อง การไม่มีงานเลย! มีแต่ทำไม่ทัน คือมีปัญหาเรื่องการทำไม่ทันตลอด 20 ปีมานี้ แม้แต่กระทั่งในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิดฯ ขึ้นมาถามว่า มันสะดุดไหม? มันสะดุดนิดหน่อยครับ ตรงการจ่ายเงินให้กับเรา แต่เรื่องงานไม่สะดุดงานมันจะมีเนื่องจาก ผมคิดเอาเองนะครับคือมันเป็น “พีระมิด” ฐานลูกค้าของเราเป็นพีระมิด ลูกค้าเราเป็นกลุ่มบน(คือกลุ่มที่มีกำลังซื้ออยู่แล้ว) คือจะเป็นกลุ่มนี้มาโดยตลอด ทีนี้ฐานพีระมิดล่างเขาก็จะค่อย ๆ ตายไปก่อนแต่กลุ่มบนเขายังอยู่ คือมีเงินอยู่ประมาณหนึ่งทีนี้ คนพวกนี้เขาจะมองการไกลคือเขาไม่เชื่อว่า โควิดฯ มันจะอยู่ยาวข้อที่หนึ่งนะครับ“ก็จะมีช่วงนั้น ช่วงโควิดฯ ผมได้ทำเครื่องบิน ทำเครื่องบินลำหนึ่งหลายล้านนะครับ เกือบ 10 ล้าน ยังมีทำเครื่องบินแล้วกองถ่ายฯ เขายังไม่หยุดตอนนั้นน่ะครับ กองถ่ายก็มีการทำโน่นนี่นั่นและก็มีรถอยู่ส่วนหนึ่ง เจ้าของรถส่วนหนึ่งที่มองว่ายังไงก็ตามเดี๋ยวมันก็ต้องหายโควิดฯ คนเหล่านี้ก็ยังเข้ามาทำอยู่” เขาก็ยังจ่ายเงินอยู่แต่ว่า มันถามว่าเต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนสถานการณ์ปกติไหม มันก็คงไม่แต่ว่ามันก็ทำให้เราเลี้ยงคนได้ต่อไป คือเอาง่าย ๆ ว่าปีนั้นกำไรไม่มีเลยเพราะว่าเท่าไหร่ก็ต้องเอามาเลี้ยงลูกน้องหมด มาจ่ายลูกน้องทั้งหมด ก็ข้อดีของผมคือผมไม่ทิ้งคนเลย ผมไม่เอาคนออกเลยพอโควิดฯ มันซาลงปุ๊บ ธุรกิจเริ่มฟื้น แมนเพาเวอร์ของผมพร้อมที่จะรับงาน แต่ในขณะที่เจ้าอื่น ๆ เริ่มไปหาคนเพื่อมาเซ็ตอัพบริษัทกันใหม่ ผมก็เลยสามารถฟื้นหลังจากโควิดฯ ได้อย่างรวดเร็วเพราะว่า พอฟื้นปุ๊บคนที่มันสงบมานานก็เข้ามาทำ พอเข้ามาทำปุ๊บผมไม่ต้องหาอะไรเลยผมมีทุกอย่างครบ อินฟราสตรักเจอร์ มีแมนเพาเวอร์พร้อม ผมมีโนฮาวมีทุกอย่างครบถ้วนพร้อมที่จะผลิตได้เลย


“คือส่วนใหญ่ผมก็พยายามบอกลูกค้าว่า ถ้าเราทำเครื่องเสียงเป็นก็สร้างไปอย่างเดียวเพราะว่ามันจะได้ประหยัด คือเขาสามารถไม่ต้องเลือกเครื่องเสียงราคาแพงก็ได้เพราะว่าไปดูในพื้นที่ของเขาครับว่า คู่แข่งเขาเป็นใครอย่างเงี้ย ถ้าคู่แข่งเขาไม่ได้ใช้ระดับเครื่องเสียง 2-3 ล้าน เราก็สามารถทำธรรมดาก็ได้แล้วเราค่อย ๆ ปรับไปทีหลังไงครับแต่ถ้าเราซื้อ เป็นคันแบบนี้ก็จะแพงผมก็คือจะใช้ความจริงใจกับลูกค้าด้วยครับ จะไม่ได้ยุให้เขามาทำกับเรา 100% เราทำเฉพาะส่วนนี้ไปพอไหม ส่วนนี้พี่ทำเองได้ไหม อันนี้เครื่องปั่นไฟผมต้องซื้อ พี่ไปซื้อเองไหม ไม่ต้องผ่านนายหน้ามาที่ผมอะไรเงี้ยครับ ผมจะแสดงความจริงใจกับลูกค้าตลอด”บางคนสร้างเองก็มี โทรมาถามผมก็บอกหมดครับ เพราะว่าผมคิดว่าตอนนี้เราขายแบรนด์แล้ว (แบรนด์ MB) ไปสร้างเองก็ไม่ใช่แบรนด์เรา เราขายแบรนด์ก็คือแบรนด์เราค่อนข้างแข็งแรงตอนนี้นะครับ ดังนั้นถ้าเขาอยากได้แบรนด์ซึ่งไปสร้างมูลค่าตัวรถของเขาก็จะต้องมาที่เรา

“ตอนนี้ภาคกลางแน่นแล้วครับ มาที่ภาคกลาง ภาคใต้ก็ไปแล้วครับ เอาอย่างนี้ง่าย ๆ ไปทั่วประเทศแล้วครับ” คือตอนนี้ต่างประเทศติดต่อผมมาแต่ผมยังไม่รู้จะส่งอย่างไร อย่างอเมริกา อังกฤษ ติดต่อมาแล้วก็มี บราซิล อย่างเงี้ยครับ ให้ผมทำรถไปส่งผมไม่รู้จะไปทางไหนครับ เขาอยากได้แบบนี้เลยเป็น “รถแห่” แบบนี้ซึ่งทางอังกฤษต้องการ “รถเวที” และก็อเมริกาด้วย ส่วนบราซิลต้องการรถแห่ เขาบอกทำอย่างไรที่จะได้รถแห่จากเราไปซึ่งเราเองก็ไม่รู้จะส่งเขาทางไหน ผมไม่รู้วิธีการชิปปิ้งว่าเรื่องของศุลกากร เรื่องของทะเบียน ฯลฯ มันจะไปอย่างไร และก็เราซื้อรถมาแล้วต้องส่งเขายังไง คือผมว่าเรายังไม่ต้องไปถึงขั้นนั้นเพราะตอนนี้ในประเทศเรายังทำไม่ทันอยู่ แต่วันหนึ่งถ้ามีโอกาสเราก็จะทำครับ

ก็ในฐานะของผู้ประกอบการด้วยอยากจะฝากไว้ว่า เราต้องมีการปรับตัวนะครับเราก็อย่าไปยึดติดกับอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่มีธุรกิจใดในโลกนี้ที่จะมั่นคงถาวรตลอดไป ยกตัวอย่างร้านฟิล์มร้านล้างรูปก็จบไปตามโลกที่มันเปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นต้องมีการปรับตัวซึ่งผมเองก็ปรับตัวของผมมาเรื่อย มาเรื่อยและก็อยากให้ทางผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจับจุดพวกนี้ครับ ของวัฒนธรรมพื้นบ้านพวกนี้ครับเอามาเป็น Soft power หรือมาเป็นอะไรก็ได้ที่ให้เป็นอุตสาหกรรมในท้องถิ่นนะครับ เพราะตอนนี้มันยังไม่มีใคร สนับสนุนอะไรพวกเราเลย เราก็ทำกันอยู่เอง”

แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งคือว่า ตอนนี้ “กฎหมาย” ที่เป็นกฎหมายสำหรับรถแห่เลยมันไม่มี เราต้องจดทะเบียนเป็นรถบรรทุกทั่วไป แต่จริง ๆ เราอยากได้กฎหมายที่เกี่ยวกับว่าอันนี้คือ “รถแห่” นะเราจะได้ควบคุมมันได้ด้วย แต่ถ้าตอนนี้เราก็แค่จดเป็นรถบรรทุกเหมือนรถบรรทุกของ (รถเทรลเลอร์ทั่วไป) ยังจดทะเบียนรถเป็นแนวนั้นอยู่ “แต่ถ้าถามเราครับเราอยากจดเป็น “รถแห่” เลยนะครับ แยกประเภทเลยเพราะว่ารถแห่บางทีมันก็มีคนอยู่ ก็จะได้กำหนดเรื่องความปลอดภัย ไม่ใช่ว่าทำกันไปแล้ววันหนึ่งรถแห่ไปคว่ำเหมือนรถบัสอย่างเงี้ยครับ เพราะไม่มีอะไรควบคุมอะไรเลยอย่างเงี้ย เราก็อยากให้มีกฎหมายเพื่อพวกเราสักอย่างหนึ่ง เพื่อเราจะได้จดทะเบียนอย่างถูกต้อง แบบตามประเภทมันเลย ไม่ใช่เป็นรถตู้(รถตู้ทึบ) ที่เราจดอยู่ตอนนี้เหมือนรถห้องเย็น คือถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมาเราก็อยากได้รับความคุ้มครองด้วย และก็อยากให้มันถูกต้องแล้วก็ด้วยความจำนวนที่มันมากตอนนี้ก็ ไม่มีใครไม่อยากถูกต้อง เราก็อยากถูกต้อง รัฐบาลก็สามารถจัดเก็บภาษีได้อีกนะครับ สามารถไปต่อทะเบียน พ.ร.บ.โน่นนี่นั่น” คือตอนนี้รถบ้านเรามันมีอยู่ 2 อย่าง หนึ่งคือ รถบรรทุก สองคือ รถโดยสาร ทีนี้อันนี้มันเป็นรถบรรทุก x รถโดยสาร ซึ่งไม่รู้จะเอาไว้ข้อไหนในกฎหมายเกี่ยวกับรถของบ้านเราตอนนี้ ในความเป็นจริงเลยไม่รู้ว่าจะเอาไว้ข้อไหนครับ เราอาจจะจำกัดก็ได้ว่าเป็นรถบรรทุกโดยสารได้ไม่เกิน 7 คน เป็นรถเพื่อการโฆษณา เครื่องขยายเสียงจะให้ขออนุญาตทุกครั้งไปขออนุญาตอำเภออะไรถูกต้องในการใช้เสียง ซึ่งทุกคนยินดีเพียงแต่ว่ามันไม่มีช่องกฎหมายให้ลง พอไม่มีช่องกฎหมายให้ลงก็กลายเป็นรถแบบขาว ๆ เทา ๆ อยู่อย่างเงี้ยครับ “เพราะว่า คำว่าขาว ๆ เทา ๆ ไม่ใช่รถผิดกฎหมายอะไรนะครับเพียงแต่ว่า มันไม่ชัดเจน ไม่มีประเภทให้ลง เราอยากได้ทะเบียนพิเศษสำหรับพวกเขา”



เปลี่ยน! งานเหมารายวันสู่การรับจ้าง ช.ม.หลายหมื่น!! ด้วยนวัตกรรม “รถแห่” ถือเป็นอีกไอเดียการสร้างอาชีพและการพลิกโฉมรายได้สำหรับคนที่มีรถโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นรถกระบะ รถบรรทุก 6 ล้อหรือรถ 10 ล้อ อยากเปลี่ยนการสร้างรายได้จากงานเหมารายวันสู่การรับจ้างรายชั่วโมงแทน โดยค่าจ้างทราบมาว่าเริ่มต้นที่1 หมื่น– 1.5 หมื่น เป็นต้นไป แต่ทั้งนี้ ก็ต้องศึกษาในพื้นที่ของตัวเองให้ดีก่อนว่าเราทำอาชีพนี้จะเหมาะไหมหรือว่า กลุ่มลูกค้าของเราเป็นใครบ้าง แล้วก็อีกอย่างหนึ่งก็คือว่า เรามีความสามารถหรือถนัดเรื่องของเทคนิคต่าง ๆ ที่ประกอบอยู่ในธุรกิจนี้มากน้อยเพียงใด เช่น เรื่องเครื่องเสียง ไฟแสงสี ต่าง ๆ เพราะมันจะมีผลกับ “ต้นทุน” ถูกแพงที่ตามมาด้วย เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งถ้าหากว่ามีการหาข้อมูลมาดีแล้วมีความพร้อมอยากทำแล้วก็ลุยได้เลย! ขอบคุณแหล่งข้อมูลดี ๆ สำหรับ “นวัตกรรมรถแห่” จากอู่โมเดิร์นบัส รถบัสบันลือโลก บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยคุณสุริยะ แกล้วทนงค์ ผู้บริหารและเป็นเจ้าของแบรนด์ “MB” ที่กรุณามาร่วมแบ่งปันแรงบันดาลใจและไอเดียอาชีพที่น่าสนใจมาก ๆ ในครั้งนี้

สามารถติดตามผลงานหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 89/1 หมู่ 5 ต.หนองอ้อ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โทร.089-611-6983 FB : อู่โมเดิร์นบัส รถบัสบันลือโลก


กำลังโหลดความคิดเห็น