xs
xsm
sm
md
lg

ปลาหมอคางดำเป็นเหตุ !! เจ้าของร้านดัง “ข้าวใหม่ ปลามัน” อัมพวา ขาดทุนเลี้ยงกุ้ง หันเปิดร้านอาหาร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เวลานี้ ไม่มีใครไม่รู้จัก ร้านข้าวใหม่ปลามัน ร้านอาหารไทยซีฟู้ด ตำบลแพรกหนามแดง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม หลังจากที่ทางร้านจัดเมนูปลาหมอคางดำ มาเสิร์ฟนักข่าวหลายสำนัก รวมถึงเสิร์ฟเมนูปลาหมอคางดำให้กับลูกค้าต้องการจะลิ้มลองรสชาติของเจ้าปลาเอเลี่ยนตัวร้าย อย่างปลาหมอคางดำ กันสักครั้ง หลังจากที่เป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศมาหลายวัน


รู้จักหมอคางดำมาหลายปี
มากินกุ้งในบ่อจนหมด

วันนี้ พามารู้จัก กับ ร้านอาหารชื่อว่า “ข้าวใหม่ปลามัน” ว่า มีความเกี่ยวข้องกับปลาหมอคางดำอย่างไร ทำไมนักข่าวหลายสำนักต้องมุ่งตรงสัมภาษณ์ ร้านนี้ หลังจากมีข่าวเรื่องของปลาหมอคางดำในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้มีโอกาสคุยกับเจ้าของร้าน “นายปัญญา โตกทอง” เจ้าของร้านข้าวใหม่ปลามัน ได้เล่าถึงที่มาของการจัดเสิร์ฟเมนูปลาหมอคางดำ ที่ร้าน ว่า เป็นมาอย่างไร พร้อมกับเผยถึงที่มาของร้านข้าวใหม่ปลามัน ว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

นายปัญญา เล่าว่า ตนเองรู้จักปลาหมอคางดำมาตั้งแต่ปี 2554 ช่วงนั้น ตนเองทำบ่อเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลาเป็นอาชีพหลัก อยู่ที่อัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม และ ยังไม่ได้ทำร้านข้าวใหม่ปลามัน จนกระทั่งในต้นปี 2554 ปลายปี 2563 พบว่า ในนากุ้งของเรามีปลาชนิดหนึ่ง ปนมาอยู่ในนากุ้งของเรา และปริมาณกุ้งที่เลี้ยงไว้ลดลงไปเรื่อย โดยไม่ทราบสาเหตุ ตอนนั้น ผมเองยังไม่รู้จักหมอคางดำ ชาวบ้านไม่มีใครรู้จัก จนกระทั่ง พอเรารู้ว่า ปลาชนิดนี้ เป็นต้นเหตุที่ทำให้กุ้งของเราหายจนบ่อ ซึ่งตอนนั้น พยายามปราบอย่างไร ก็ปราบไม่หมด ผมขาดทุนหนักมาก จนต้องเลิกทำบ่อกุ้ง


เคยไปร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือ

 หลังจากผมรู้ที่มาการหายไปของกุ้ง  และพบปลาหมอคางดำอยู่เต็มบ่อ ตอนนี้ ไม่รู้จักด้วยซ้ำว่ามันคือปลาอะไร ผมเสียหายขาดทุนหนักมาก จึงได้ไปร้องต่อคณะกรรมการสิทธิ เพื่อให้การช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ หรือ ความพยายามในการแก้ไขอะไร เพราะตอนผมมาร้องคณะกรรมการสิทธิ ด้านประมง เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้น ปลาหมอคางดำยังไม่ได้ระบาดหนักจนไม่สามารถทำอะไรได้แล้วเหมือนในปัจจุบันนี้ ซึ่งส่วนตัวมองว่า ถ้ารับการแก้ไข ตั้งแต่วันนั้น ไม่น่าที่จะยาวจนกลายเป็นปัญหาระดับประเทศเหมือนอย่างทุกวันนี้

“ หลังจากที่เราไม่ได้รับการช่วยเหลือ ผมเองก็เลยแก้ปัญหาด้วยการปล่อยปลากะพงลงไปล่า ปลาหมอคางดำ แต่ก็ไม่เป็นผลเท่าไหร่ เพราะด้วยความที่มันขยายพันธุ์เร็วมาก มันสามารถออกลูกได้ทุก 22 วัน ภายในระยะเวลา 1 ปี ปลาหมอคางดำ สามารถให้ลูกได้ถึง 6 ล้านตัว และด้วยความที่เป็นปลาที่มีการผสมพันธุ์ และให้ลูกเร็ว ทำให้ปลาชนิดนี้ กินเยอะมาก และโตช้ามากและ ต้องใช้เวลาในการเลี้ยงลูกเป็นเดือนทำให้มันโตช้า”


ขาดทุนบ่อเลี้ยงกุ้ง หันมาเปิดร้านอาหารแทน

นายปัญญา เล่าว่า หลังจากที่เจอปัญหาปลาหมอคางดำ ทำให้กิจการบ่อกุ้งขาดทุน จนต้องเลิกทำไป และหันมาเปิดร้านอาหาร เป็นที่มาของร้านข้าวใหม่ ปลามัน ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2559 มาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งก็ไม่ผิดว่า ที่มาของ ข้าวใหม่ปลามัน มาจากผลกระทบที่ได้รับจากปลาหมอคางดำ แต่ในวิกฤตเป็นโอกาส เพราะพอหันมาเปิดร้านอาหาร กลับทำรายได้ให้กับเรา ไม่แพ้ การทำนากุ้ง และบ่อปลา บางครั้ง เป็นรายได้ที่ดีกว่าด้วยซ้ำ

ทั้งนี้ ปัจจุบันการเลี้ยงกุ้งไม่ได้เลี้ยงแล้ว จะเหลือแค่บ่อปลา ที่เลี้ยงไว้เพื่อใช้ในร้านอาหาร และเป็นมุมสำหรับลุกค้าที่มากินอาหารได้ชมปลาในบ่อเท่านั้น โดยปลาที่เลี้ยงไว้ ก็เป็นปลากะพง เพราะปล่อยไปจัดการเจ้าปลาหมอคางดำ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปตั้งแต่ปี 2559 แต่ยังจัดการปลาหมอคางดำไม่ได้ หมด ก็เลยยังคงมีปลาหมอคางดำอยู่ในบ่อ และเป็นที่มาของการนำจัดเสิร์ฟให้ลูกค้า ตามที่เป็นข่าว


อย่างไรก็ดี ทางร้านไมได้มีเมนูปลาหมอคางดำ อยู่ในเมนูอาหารที่เราจัดเสิร์ฟให้ลูกค้า ที่วอล์กอินเข้ามากินตามปกติ ซึ่งลูกค้าที่ต้องการจะกิน เมนูปลาหมอคางดำ จำเป็นจะต้องโทรเข้ามาสั่งล่วงหน้า ส่วนเมนูอาหารสามารถสั่งได้ ว่าต้องการกินเมนูอะไร เพราะปลาหมอคางดำคล้าย ปลาหมอเทศ และปลานิล สามารถนำไปทำเมนูต่างๆ ได้เช่นเดียวกับปลานิล ส่วนราคาขายเป็นราคาเดียวกับเมนูปลานิล โดยปลาที่ใช้เลือกใช้ปลาไซต์เดียวกับปลานิล


เลี้ยงปลาหมอคางดำเชิงพาณิชย์
ไม่มีใครคิดทำไม่คุ้มต้นทุน

“หลายคนตั้งคำถามว่า แล้วปลาหมอคางดำ ที่ทางร้านนำมาเสิร์ฟลูกค้านั้น มาจากไหน ซึ่งพอเป็นปลาหมอคางดำ ปลาไซต์ขนาดปลานิลที่นำมาทำอาหารได้ จะต้องเลี้ยงนานถึง 3 ปี แน่นอน ว่า ปลาหมอคางดำที่อยู่ในบ่อ และเราจัดการไม่ได้ อายุมากกว่า 3 ปี เพราะหมอคางดำเนื้อน้อย ต้องใช้ปลาไซต์ใหญ่อายุ 3 ปีขึ้นไปเท่านั้น ส่วนที่มาของปลาหมอคางดำที่นำมาทำอาหารมาจากในบ่อของเรา และทางร้านไม่คิดว่าจะมีการเลี้ยงอย่างจริงจัง เพิ่ม ก็เลยไม่ได้นำมาเพิ่มในเมนูอาหารหลักของเรา และที่เราไม่ได้คิดว่าจะเลี้ยงเพราะไม่คุ้มกับต้นทุน ซึ่งปลาปกติทั่วไป เลี้ยงแค่ 6-7 เดือน แต่นี่เลี้ยงถึง 3 ปี มองแค่ต้นทุนอาหารก็ไม่คุ้มแล้ว และเอามาขายราคาเดียวกับปลานิลไม่คุ้มเลย แต่ที่เราทำเมนูต่างๆ ตามที่เห็นเป็นข่าว เพราะทางนักข่าวต้องการให้เราทำโชว์ให้ดูว่า ทำอะไรได้บ้าง”

ทั้งนี้ ลูกค้าด้วยความที่ปลาโตช้า การจะนำมาทำอาหารและได้กินเนื้อ จริงๆ ต้องเลี้ยงกันถึง 3 ปี ซึ่งไม่คุ้มเองเช่นกัน ถ้าจะเลี้ยงเพื่อนำทำอาหารขายหน้าร้าน หรือ เลี้ยงเพื่อขาย ต้นทุนอาหารปลาอยู่ที่กิโลกรัมละ 20 บาท เลี้ยง 3 ปี ต้องใช้อาหารปลาเท่าไหร่ และจะมาขายกิโลกรัมละ 20 บาท แน่นอน ไม่มีใครคิดจะเพาะขายเป็นอาหารอย่างแน่นอน เพราะมันไม่คุ้ม และปัจจุบันก็ยังมีกฎหมายที่ห้ามเลี้ยง ถ้าใครเลี้ยงและประมงไปจับ จะต้องเสียเงินค่าปรับเป็นล้าน ตามที่เป็นข่าวการประกาศรับซื้อปลาหมอคางดำไม่อั้น มีเท่าไหร่รับซื้อหมดนั้น จนหลายคนกังวลว่าจะมีคนแอบไปเพาะขาย ต้องบอกว่าเป็นไปได้ยากมาก ใครจะมาเสียเวลา เลี้ยงปลา 3 ปี เพื่อมาขายกิโลกรัมละ 15 – 20 บาท ที่สำคัญ ถ้าโดนจับต้องเสียค่าปรับเป็นล้าน


ท้ายสุด นายปัญญา พูดถึงร้านข้าวใหม่ ปลามันว่า ในส่วนเมนูของข้าวใหม่ ปลามัน เน้นอาหารทะเลเป็นหลัก เพราะเราอยู่ในพื้นที่ใกล้ทะเล มีอาหารทะเลที่สดใหม่ มาเสิร์ฟลูกค้า ได้ทุกวัน เปิดมาตั้งแต่ ปี 2559 โดยในช่วงแรกเป็นปรับบ่อกุ้ง และบ่อปลา มาเป็นร้านอาหาร ทำให้ร้านของเราออกแบบให้ร้านร่ายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่เป็นน้ำ ลูกค้า ส่วนใหญ่นอกจากเมนูอาหารที่เราจัดเสิร์ฟอาหารพื้นบ้านแล้ว รสจัดจ้านทำมาจากอาหารทะเลสดใหม่ทุกวัน โดยผมเอง ยึดมั่นการทำร้านในแบบ วิถีธรรมนำวิถีคน โดยเราจะเติบโตไปกับชุมชนด้วยการสนับสนุนวัตถุดิบ ของคนในชุมชน ด้วย


ติดต่อ Facebook : ข้าวใหม่ ปลามัน Amphawa

หมายเหตุ สัตว์น้ำที่ไม่ควรปล่อยลงในแหล่งน้ำสาธารณะ และถูกจัดเป็น เอเลี่ยน สปีชีส์ (Alien Species) เช่น ปลาดุกอัฟริกันปลาดุกลูกผสม หรือ "บิ๊กอุย", กุ้งเครย์ฟิช, เต่าญี่ปุ่น หรือ เต่าแก้มแดง,ปลาหางนกยูง,ปลากดเกราะดำ ปลากดเกราะลาย, ตะพาบไต้หวัน,ปลาทับทิม,ปลานิล,ปลาหมอสีคางดำ เป็นต้น




กำลังโหลดความคิดเห็น