กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยรายได้ธุรกิจยอดนิยม 10 อันดับที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งสูงในปี 2566 โดยพิจารณาจากงบการเงินปี 2566 ของนิติบุคคลพบว่า เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ได้แก่ ผลิตแบตเตอรี่/มอเตอร์และอุปกรณ์ยานยนต์ไฟฟ้า ท่องเที่ยว เครื่องใช้ไฟฟ้า สัตว์เลี้ยง จัดอีเวนต์ e-Commerce เครื่องสำอาง สุขภาพ ของเล่น และความเชื่อและศรัทธา ทั้งนี้ ธุรกิจทั้งหมดสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นจากปี 2565 โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวเติบโตขึ้น 36.32% และความเชื่อและศรัทธา เติบโตขึ้น 52.92% นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่าง ธุรกิจผลิตน้ำมันถั่วเหลือง เหมืองเกลือแร่สินเธาว์ ธุรกิจรถทัวร์ ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ และแผงลอย/ตลาด
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ติดตามแนวโน้มการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เพื่อวิเคราะห์ทิศทางการเติบโตของธุรกิจในประเทศ ประกอบกับนำข้อมูลการนำส่งงบการเงินประจำปี 2566 (ข้อมูล ณ 30 มิถุนายน 2567) มาวิเคราะห์พบว่า ธุรกิจติดเทรนด์ที่มีการจัดตั้งเพิ่มขึ้นและยังทำรายได้ดีติดอันดับ ดังนี้
อันดับที่ 1 ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ มอเตอร์และอุปกรณ์ยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งผลิตแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ มีธุรกิจจำนวน 885 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 91 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 27 ราย คิดเป็น 42.19% โดยตลอดปี 2566 สร้างรายได้ 2.09 ลลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 0.24 ลลบ. คิดเป็น 13.27% (ส่วนใหญ่เป็นขนาด L สร้างรายได้ถึง 2.06 ลลบ.) โดยเป็นการเติบโตตามกระแสความนิยมในการหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจที่ผลิตส่วนประกอบหรืออะไหล่รถยนต์เติบโตตามไปด้วย อาทิ ธุรกิจผลิตแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ มอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่และหม้อสะสมไฟฟ้า ผลิตรถยนต์ส่วนบุคคล และผลิตยานยนต์อื่นๆ ที่ใช้เพื่อการโดยสาร โดยจังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุดคือ สมุทรปราการ 1.04 ลลบ. ระยอง 0.30 ลลบ. และกรุงเทพมหานคร 0.29 ลลบ.
อันดับที่ 2 ธุรกิจท่องเที่ยว มีธุรกิจจำนวน 53,696 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 7,402 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 2,178 ราย คิดเป็น 41.69% โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.85 ลลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 0.23 ลลบ. คิดเป็น 36.32% จากปี 2565 สอดรับกับการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นในปี 2566 ที่มีจำน วนกว่า 28 ล้านคน (ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา)จึงส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องตามไปด้วย อาทิ ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทและห้องชุด นำเที่ยว ขายปลีกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และร้านอาหาร จังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุดคือ กรุงเทพมหานคร 0.61 ลลบ. ภูเก็ต 0.06 ลลบ. และชลบุรี 0.03 ลลบ.
อันดับที่ 3 ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า มีธุรกิจจำนวน 8,233 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 601 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 23 ราย คิดเป็น 3.98% โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.65 ลลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 7,000 ลบ. คิดเป็น 1.09% โดยธุรกิจนี้ผลิตและจำหน่ายสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และผู้บริโภคมีความต้องการใช้เครื่องไฟฟ้ามากขึ้นเพื่อความสะดวกสบาย ผ่อนคลายความร้อนจากสภาพอากาศที่มีความร้อนสูงขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละปี อาทิ ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน และร้านขายปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน จังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุดคือ กรุงเทพมหานคร 0.35 ลลบ. ชลบุรี 0.08 ลลบ. และระยอง 0.04 ลลบ.
อธิบดี กล่าวต่อว่า “อันดับที่ 4 ธุรกิจสัตว์เลี้ยง ขายอาหาร อุปกรณ์และดูแลสัตว์ มีธุรกิจจำนวน 5,009 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 785 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 73 ราย คิดเป็น 10.25% โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.26 ลลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 0.01 ลลบ. คิดเป็น 5.80% ธุรกิจสัตว์เลี้ยงเติบโตขึ้นเพราะไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หันมาเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นเพื่อนคลายเหงา และผู้บริโภคมีทางเลือกในการจับจ่ายเยอะขึ้นเพราะสินค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น อาทิ การทำฟาร์มสัตว์ อาหารสำเร็จรูปสำหรับสัตว์เลี้ยง ขายส่งอาหารสัตว์ และขายสัตว์เลี้ยงหรืออุปกรณ์ รวมไปถึงการดูแลสัตว์ จังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุดคือ กรุงเทพมหานคร 0.11 ลลบ. สมุทรปราการ 0.03 ลลบ. และนนทบุรี 0.01 ลลบ.
อันดับที่ 5 ธุรกิจจัดกิจกรรม งานประชุม นิทรรศการ อีเวนต์ มีธุรกิจจำนวน 22,192 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 2,286 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 349 ราย คิดเป็น 18.02% โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.22 ลลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 0.04 ลลบ. คิดเป็น 25.90% โดยธุรกิจนี้เติบโตสอดรับการขยายตัวของการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยเสริมความคึกคักให้ธุรกิจท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น อาทิ ธุรกิจจัดเลี้ยง โฆษณา ถ่ายภาพ และจัดประชุม/แสดงสินค้า จังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุดคือ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 0.19 ลลบ.นนทบุรี 0.01 ลลบ. และปทุมธานี 5,000 ลบ.
อันดับที่ 6 ธุรกิจ e-Commerce มีธุรกิจจำนวน 7,962 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 1,713 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 254 ราย คิดเป็น 17.41% โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.18 ลลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 4,000 ลลบ. คิดเป็น 2.12% ธุรกิจ e-Commerce ในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตมาอย่างต่อเนื่องจากพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ได้อย่างสะดวก มีโอกาสได้เลือกสินค้าได้หลากหลาย และใช้เวลาในการตัดสินใจได้ อาทิ การขายปลีกทางอินเตอร์เน็ต จังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุดคือ กรุงเทพมหานคร 0.15 ลลบ. นนทบุรี 0.02 ลลบ. และสมุทรปราการ 2,000 ลบ.
อันดับที่ 7 ธุรกิจเครื่องสำอาง มีธุรกิจจำนวน 10,320 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 1,267 ราย ลดลงจากปี 2565 จำนวน 90 ราย คิดเป็น 6.63% โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.16 ลลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 9,000 ลบ. คิดเป็น 5.99% สอดรับกับแนวคิดของคนยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลบุคลิกภาพของตัวเอง และเครื่องสำอางมีความหลากหลาย มีการแข่งขันที่สูงขึ้นด้วยการนำนวัตกรรมต่างๆ มาช่วยในการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพมากขึ้น อาทิ ธุรกิจขายปลีก/ส่งเครื่องสำอาง จังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุดคือ กรุงเทพมหานคร 0.13 ลลบ. นนทบุรี 4,300 ลบ. และปทุมธานี 4,000 ลบ.
อันดับที่ 8 ธุรกิจสุขภาพ มีธุรกิจจำนวน 9,761 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 1,670 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 333 ราย คิดเป็น 24.91% โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.07 ลลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 0.01 ลลบ. คิดเป็น 17.94% ภายหลังจากที่โลกต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ทุกคนก็ได้หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ทั้งการสร้างสุขภาพให้แข็งแรงและรักษาอาการเจ็บป่วย ส่งผลให้ธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพเติบโตขึ้นไปด้วย อาทิ โรงพยาบาลเฉพาะทาง ทันตกรรม กายภาพบำบัด ฟิตเนส และสปา จังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุดคือ กรุงเทพมหานคร 54,000 ลบ. นนทบุรี 2,800 ลบ. และสมุทรปราการ 2,700 ลบ.
อันดับที่ 9 ธุรกิจของเล่น มีธุรกิจจำนวน 1,087 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 120 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 49 ราย คิดเป็น 69.01% โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.02 ลลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 300 ลบ. คิดเป็น 1.57% โดย Art Toy เป็นส่วนสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับธุรกิจนี้ และเป็นสินค้าที่มีกระแสนิยม ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ อาทิ ผลิตตุ๊กตา เกมและของเล่นอื่นๆ ทั้งขายส่งและขายปลีก จังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุด คือ กรุงเทพมหานคร 9,000 ลบ. สมุทรปราการ 3,000 ลบ. และสมุทรสาคร 1,600 ลบ. และ อันดับที่ 10 ธุรกิจความเชื่อและศรัทธา มีธุรกิจจำนวน 151 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 33 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 9 ราย คิดเป็น 37.50% โดยปี 2566 สร้างรายได้ 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 80 ล้านบาท คิดเป็น 52.92% โดยเป็นความเชื่อความศรัทธาของแต่ละบุคคลที่สามารถนำมาสร้างเป็นธุรกิจได้ และที่ผ่านมาธุรกิจสายมูเตลูเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมของคนรุ่นใหม่ทั้งการใช้สินค้าที่เกี่ยวกับความเชื่อ และยังเชื่อมโยงไปถึงการท่องเที่ยวในแหล่งที่เป็นความเชื่อได้อีกด้วย อาทิ การดูดวง ดูฮวงจุ้ย และกำหนดฤกษ์ยาม จังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุดคือ กรุงเทพมหานคร 140 ลบ. นนทบุรี 40 ลบ. และปทุมธานี 10 ลบ.
ธุรกิจทั้ง 10 อันดับที่กล่าวมาข้างต้นเป็นธุรกิจติดเทรนด์ที่ได้รับความนิยม โดยมีการจัดตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้น และทำรายได้ดีในปี 2566 ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วพบว่า เป็นธุรกิจที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน ตลอดจนเป็นไปตามกระแสรักสุขภาพ รักษ์โลก และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มธุรกิจที่น่าจับตามองและมีผลประกอบการที่สะท้อนถึงการเติบโตอย่าวก้าวกระโดดจากปี 2565 อาทิ ธุรกิจผลิตน้ำมันถั่วเหลือง เติบโต 9,744%, ธุรกิจเหมืองเกลือแร่สินเธาว์ เติบโต 3,207%, ธุรกิจรถขนส่งผู้โดยสารทางประจำทางระหว่างกรุงเทพฯ กับจังหวัดอื่น เติบโต 1,095%, ธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ เติบโต 1,032% และธุรกิจขายปลีกอาหารบนแผงลอยและตลาด เติบโต 844% โดยกรมฯ จะติดตามการเปลี่ยนแปลงของภาคธุรกิจของไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อวิเคราะห์และเป็นข้อมูลเชิงลึกให้ธุรกิจหรือนักลงทุนได้รับทราบพร้อมปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างทันท่วงที” อธิบดี กล่าวทิ้งท้าย