เมื่อมองเห็นปัญหาจากผ้าไหมที่ซื้อมาใส่เองเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างแบรนด์ผ้าไหมเองในชื่อ “อภิรมย์ลำพูน” แบรนด์ผ้าไหมที่แจ้งเกิดได้ไม่นานแต่ได้รับมาตรฐานคุณภาพมากมาย พร้อมเป็นแบรนด์ผ้าไหมไทยที่ใช้วัสดุจากเส้นใยของประเทศไทย พร้อมกับเป็นรายแรกที่ได้รับมาตรฐาน Thailand Textiles Tag เมื่อไม่นานมานี้
ปริยาพร วีระศิริ หรือ มะนาว เจ้าของแบรนด์ผ้าไหมอภิรมย์ลำพูน เล่าว่า เดิมทีเธอประกอบอาชีพด้านวิศวกรรมมาก่อนแต่มีพื้นเพเป็นคนลำพูนและคลุกคลีอยู่กับผ้าไหมมาตั้งแต่เกิด ซึ่งจังหวัดลำพูนเป็นเมืองแห่งการทำผ้าไหมและผ้าไหมยกดอกลำพูนก็เป็นผ้าไหมที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบันและเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรักผ้าไหม เธอเองก็เป็นคนที่ชื่นชอบผ้าไหมแม้ว่าครอบครัวจะไม่ได้มีอาชีพทอผ้ามาก่อน และการที่เป็นคนชอบผ้าไหมอยู่แล้วนั้นก็ทำให้ได้ซื้อมาลองใส่แต่กลับพบกับปัญหาการมีตำหนิ มีความบกพร่องต่างๆ โดยที่เธอมองว่าปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการเพิ่มขั้นตอนในการตรวจสอบ ให้ความรู้กับคนทอผ้าเพื่อความละเอียดของเนื้อผ้า ทำให้เธอเริ่มปรึกษากับคนทอผ้าเพื่อให้สั่งผ้าได้ตามที่ต้องการและลดการเกิดตำหนิและความผิดพลาดในการทอ
ในช่วงนั้นเป็นช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 เธอได้มีโอกาสขายของผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าไหมยกดอก ที่รับมาอีกทีและได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาดกลับมา จาก 1 ผืน ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่แล้วลูกค้าที่ซื้อไปก็ยังคงพบเจอกับปัญหาผ้ามีตำหนิทำให้เธอเริ่มจริงจังและจัดการกับปัญหาดังกล่าว เพราะเธอเองเริ่มมีหน้าร้านออนไลน์จึงไม่อยากให้เกิดปัญหานี้ หลังจากที่เริ่มเปิดหน้าร้านออนไลน์ขายผ้าแล้ว จากเดิมที่เคยรับซื้อจากคนอื่นมาขายและเจอปัญหาดังกล่าว ก็เริ่มขยายธุรกิจด้วยการทอผ้าขึ้นมาเองภายใต้แบรนด์ “อภิรมย์ลำพูน” ที่ได้มาตรฐานอภิรมย์ลำพูนสแตนดาร์ด
หลังจากที่ได้แก้ปัญหาไปอย่างต่อเนื่องและเปิดเป็นแบรนด์ของตัวเอง ชื่อเสียงของ อภิรมย์ลำพูน ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น ทางแบรนด์จึงยิ่งต้องใส่ใจและหาวิธีเพิ่มมาตรฐานให้ตัวเอง โดยมีการมองหามาตรฐานที่สามารถช่วยให้แบรนด์เป็นแบรนด์ที่ดียิ่งขึ้น คุณมะนาวจึงเริ่มมุ่งเป้าไปที่ “มาตรฐานตรานกยูง” ที่เป็นมาตรฐานพระราชทาน จนในที่สุดก็ได้มาตรฐานดังกล่าวมาให้กับแบรนด์ อภิรมย์ลำพูน หลังจากนั้นก็ได้รับมาตรฐาน GI อย่างถูกต้อง ปัจจุบันสร้างแบรนด์มาได้ประมาณ 5 ปี
ต่อมาอีกไม่นานกระทรวงพาณิชย์ของจังหวัดลำพูนก็มีมาตรฐาน “ลำพูนแบรนด์” ซึ่งทางกระทรวงฯ เองได้มีการเข้ามาดูที่ร้านว่า อภิรมย์ลำพูน มีคุณสมบัติมากพอที่จะได้รับมาตรฐานดังหรือไม่ ผลปรากฎว่าสามารถใช้มาตรฐานลำพูนแบรนด์ได้สำเร็จ ทำให้ผ้าไหมของทางแบรนด์ได้รับมาตรฐานมากมาย รวมถึง Thailand Textiles Tag ซึ่งเป็นมาตรฐานล่าสุดที่ทางแบรนด์ได้รับ เพราะมาตรฐานดังกล่าวเป็นเครื่องการันตีว่าผ้าไหมของอภิรมย์ลำพูนเป็นผ้าไหมที่ถูกผลิตจากเส้นใยของประเทศไทย ปัจจุบันผ้าไหมของทางร้านกำลังเข้าสู่กระบวนการของ Green Industry และคาดว่าอาจจะได้รับรางวัลหรือมาตรฐานกลับมาให้กับแบรนด์อย่างแน่นอน
อภิรมย์ลำพูนเริ่มต้นด้วยการเปิดขายออนไลน์ 100% แต่พอมาวันหนึ่งก็เริ่มมีลูกค้าต้องการมาเห็นผ้าไหมจริงที่ร้าน ซึ่งในตอนนั้นทางแบรนด์ขายออนไลน์เพียงช่องทางเดียวจึงไม่สามารถให้ลูกค้ามาดูผ้าไหมได้ด้วยตัวเอง แต่ในปัจจุบันทางแบรนด์มองเห็นความสำคัญตรงจุดนี้ จึงตัดสินใจเปิดเป็นหน้าร้านเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น
เมื่อเริ่มเปิดหน้าร้านบวกกับนำแบรนด์เข้าไปอยู่ในตรานกยูงที่เป็นมาตรฐานพระราชทาน ทำให้เริ่มมีเรื่องดีอื่นๆ ตามมา โดยในแต่ละปีจะมีการจัดประกวดผ้าไหมยกดอก ผ้าสังเวียน ฯลฯ ที่จะแยกเป็นผ้าไหมชนิดต่างๆ และแยกตามวิธีการทอ ทางแบรนด์ก็ได้มีการนำผ้าไหมส่งเข้าประกวดไป ซึ่งครั้งแรกที่ส่งเข้าประกวดก็คว้ารางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ของประเทศไทยกลับมา โดยผ้าไหมที่คว้าชัยมาได้คือ “ผ้าไหมสังเวียน” เป็นผ้าไหมยกดอกยกใหญ่มีสังเวียน ที่ทางแบรนด์ได้คว้าที่ 1 มาโดยที่ไม่มีที่ 2 และที่ 3 ซึ่งรางวัลดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา และในปีเดียวกันก็ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ผ้าไหมยกเล็ก
คุณมะนาวได้ให้ข้อมูลอีกว่าเส้นทางการเดินสายประกวดผ้าไหมในเวลาเพียง 1-2 ปี นั้น ทางแบรนด์ไม่ลดความพยายามที่จะผลักดันแบรนด์ผ้าไหมให้มีคุณภาพและได้มาตรฐานมากที่สุด หลังจากที่ได้รางวัลใหญ่ในปีเดียวกันทำให้ถูกพูดถึงในตลาดผ้าไหมอย่างคึกคัก ทางแบรนด์จึงพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งด้วยการได้รับรางวัลที่ 1 ในปีถัดไป
ลายผ้าทุกลายของอภิรมย์ลำพูนจะไม่เป็นความลับ ทุกคนสามารถเข้าไปดูใน E-book ของทางแบรนด์ได้ เพราะทางแบรนด์ตั้งใจส่งต่อวัฒนธรรมอันดีของผ้าไหมให้กับคนรุ่นหลัง ซึ่งคุณมะนาวบอกว่าถ้าหากวันหนึ่งไม่มีอภิรมย์ลำพูนหรือเธอไม่อยู่แล้ว ลายผ้าของอภิรมย์ลำพูนจะยังคงอยู่ให้ลูกหลานได้เห็นอยู่นั่นเอง
สำหรับกำลังการผลิตของอภิรมย์ลำพูนในตอนนี้ยังคงเป็นแรงงานจากคนทอ ซึ่งชาวบ้านที่มาทอผ้าให้ส่วนมากก็จะทำอาชีพเกษตรกรหรือชาวสวนยาง โดยในฤดูกาลชาวบ้านก็จะทำหน้าที่หลักของตัวเอง แต่การที่ปัญหาฝุ่น PM 2.5 มีเพิ่มขึ้นนั้น ส่งผลให้ชาวบ้านไม่สามารถทอผ้าบริเวณหน้าบ้านได้ ทำให้อภิรมย์ลำพูนไม่สามารถเติบโตได้ดีเหมือนกับการใช้เครื่องจักร แม้ในตอนนี้คนที่ทอให้ยังคงเป็นชาวบ้านในพื้นที่ แต่ก็จะมีกฎระเบียบภายใต้แบรนด์มากขึ้น เช่น ความสะอาด ความแม่นยำในการทอ ความถูกต้องของลาย และไม่ปล่อยผ่านถ้าหากมีผ้าผืนไหนเกิดความเสียหายหรือจุดตำหนิ ปัจจุบันมีชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดลำพูนและชนเผ่าปกาเกอะญอหมุนเวียนอยู่ประมาณ 30-45 คน ซึ่งจะเป็นชาวปกาเกอะญอเกือบ 100%
ปัจจุบันอภิรมย์ลำพูนผลิตผ้าไหมแบบผ้าผืนเป็นหลัก ยังไม่มีการตัดเย็บเป็นชุด แต่จะมีการทำสินค้าอื่นเพิ่มเติม เช่น กระเป๋า พวงกุญแจ ต่างหู เป็นต้น สำหรับกลุ่มลูกค้าในตอนนี้ที่เริ่มสนใจผ้าไหมของทางแบรนด์จะอยู่ในช่วงวัยทำงานขึ้นไป โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับเรื่องมาตรฐานของผ้า ซึ่งคุณมะนาวเปิดเผยว่าถ้าหากลูกค้าได้รับผ้าไปแล้วเกิดความผิดพลาดหรือมีตำหนิ ทางแบรนด์ยินดีทอผืนใหม่ให้เลยนั่นเอง ซึ่งผ้าทุกผืนจะมีตัวเลขการผลิต ชื่อของคนทอ เมื่อเวลามีปัญหาก็จะสามารถกลับไปแก้ไขหรือทอให้ใหม่เหมือนต้นฉบับได้ ทั้งนี้วัสดุต่างๆ การสั่งย้อมและการซื้อไหมนั้นมาจาก จุลไหมไทย เพื่อให้ได้วัสดุที่ได้มาตรฐาน มีการสั่งทีละล็อตเพื่อให้สามารถควบคุมเรื่องสีได้
นอกจากนี้ผ้าไหม 1 ผืนจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนในการทอ ซึ่งผ้าซิ่นจะมีขนาด 2.20 เมตร ผ้าตัดเสื้อ 2.20 เมตร ทั้งนี้ ผ้าไหมของอภิรมย์ลำพูนมีราคาเริ่มต้นที่ผืนละ 39,000 บาท โดยไม่มีลิมิตของราคาสูงที่สุด เพราะผ้าไหมสามารถยกระดับมูลค่าให้สูงมากขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับคุณภาพและมาตรฐานของผ้าผืนนั้น
คุณมะนาวให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเทรนด์ผ้าไหมในตลาดตอนนี้มองว่าผ้าไหมสามารถทำอะไรได้อีกมากมาย ซึ่งผ้าสีธรรมชาติในตอนนี้ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นแตกต่างจากในอดีต ผ้าไหมก็เช่นเดียวกัน ในความรู้สึกของภาพรวมผ้าไหมอาจจะจัดอยู่ในกลุ่มคนที่มีอายุและคนที่ชื่นชอบการสวมใส่ผ้าไหม แต่ในปัจจุบันไม่เป็นอย่างนั้นเพราะผ้าไหมสามารถนำมาตัดเป็นชุดที่สามารถใส่ได้ในทุกๆ วัน เทรนด์แฟชั่นจากผ้าไหมก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น
“ทุกอย่างที่พี่ทำมาตั้งแต่ต้นมันผ่านกระบวนการคิดและตั้งใจทำมาก มันไม่มีวันที่คนจะลืมอภิรมย์ลำพูนว่าขายอะไร เพราะวันนี้อภิรมย์ลำพูดมันชัดเจนเลยว่าเป็นผ้าไหมไทยที่มีคุณภาพสูงและเริ่มถูกมองจากนักสะสมแล้ว อันนี้คือความภูมิใจที่พี่ได้มา คำพูดที่ลูกค้าพูดกับพี่ นักสะสมพูดกับหรือคำแนะนำต่างๆ จากผู้คนมันยิ่งเติมให้พี่มีพลังมากขึ้นและที่สำคัญก็คือผ้าไหมสวยจริงสวยสมกับการถูกใช้ในงานพิธีการสำคัญๆ และไม่มีวันหายไปจากโลกนี้ตราบใดที่ผ้าเป็นวัฒนธรรมและไม่ใช่วัฒนธรรมของลำพูนอย่างเดียวแต่คือของชาติ” คุณมะนาวระบุ
นอกจากนี้อภิรมย์ลำพูนกำลังเริ่มผลิตผ้าไหมลายใหม่ในบทบาทของลายประจำตระกูลของลูกค้าที่มาสั่งผลิต เป็นบทบาทใหม่ที่สำคัญและท้าทาย เพราะเป็นลายเฉพาะของแต่ละครอบครัวพร้อมด้วยชื่อเฉพาะนั่นเอง ซึ่งเป็นนิมิตรหมายที่ดีของแบรนด์เป็นอย่างมากสำหรับการตอบรับและการไว้วางใจจากลูกค้า
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอภิรมย์ลำพูนมีการวางแผนต่อยอดธุรกิจให้เป็นไปในทิศทางของการนำผ้าไหมไปปรากฎที่วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เพื่อส่งต่อสู่สายตาของชาวต่างชาติมากขึ้น รวมถึงทำเครื่องประดับต่างๆ ให้เข้าเซ็ตกับชุดต่างๆ ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการตัดเย็บสต็อคเอาไว้เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้มีลูกค้าต่างชาติเข้ามาสนใจ แต่ส่วนมากจะสั่งซื้อไปโชว์เป็นงานศิลปะ นอกจากนี้ยังมีการสั่งทำเป็นผ้าม่านอีกด้วย
ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook : อภิรมย์ลำพูน
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *