xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) “สิชลเดลี่เฟรช” พักส่งออก ดัน “เนื้อปูม้ากระป๋องพาสเจอร์ไรซ์” ตีตลาดในไทย ยอดขายสุดปัง 50 ล้านบาทต่อปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สิชลเดลี่เฟรชที่โลดแล่นในตลาดมากว่า 17 ปี เน้นส่งออกเป็นหลัก แต่เมื่อตลาดส่งออกเริ่มถดถอยหันมาทำตลาดในไทย ชูเนื้อปูม้ากระป๋องพาสเจอร์ไรซ์เสิร์ฟถึงมือลูกค้า กระจายรายได้สู่ชาวประมงที่เลี้ยงปู พร้อมกับแตกไลน์โปรดักส์เป็นอาหารแปรรูปจากเนื้อปูพร้อมทานเป็นทางเลือกให้ลูกค้า ปัจจุบันสามารถผลิตได้เดือนละ 3,000 กระป๋อง มียอดขายปีละ 50 ล้านบาท


นายอธิยุตว์ หาญมนตรี ผู้ก่อตั้ง บริษัท สิชลเดลี่เฟรช จำกัด เล่าว่า ก่อนจะมาทำแบรนด์เนื้อปูพาสเจอร์ไรซ์เคยทำงานเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีการทำปูพาสเจอร์ไรซ์เข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยเป็นเวลาประมาณ 5 ปี และบริษัทอื่นอีก 2 ปี หลังจากนั้นเริ่มทำเป็นของตัวเองที่จังหวัดตราดแต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะว่าเจอปัญหาการแข่งขันในตลาดทำให้ล้มเลิกไปในที่สุด หลังจากนั้นได้เดินทางลงมาที่ภาคใต้ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและเริ่มก่อตั้งบริษัท ซึ่งในช่วงที่เริ่มต้นก่อตั้งบริษัทคุณอธิยุตว์เผยว่าเริ่มต้นกับเพื่อนชาวต่างชาติเพียงสองคนและไม่มีทุนในการสร้าง จึงมองหาซับพลายเออร์และเสนอข้อตกลงด้วยการแบ่งหุ้นส่วนให้เพื่อแลกกับพื้นที่การผลิต ปัจจุบันดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท สิชลเดลี่เฟรช จำกัด มาประมาณ 17 ปี


การทำปูพาสเจอร์ไรซ์ของบริษัทจะผลิตด้วยการแกะเอาเฉพาะเนื้อปูใส่กระป๋อง ปิดผนึกฆ่าเชื้อและเก็บรักษาไว้ในห้องเย็นที่อุณหภูมิ 0-2 องศาเซลเซียส สามารถเก็บไว้ได้ประมาณ 1 ปี 6 เดือน ถ้าหากเก็บในตู้เย็นธรรมดาจะยืดอายุได้ประมาณ 1-2 เดือน ส่วนถ้าหากเก็บไว้นอกตู้เย็นที่อุณหภูมิห้องธรรมดาจะมีอายุได้เพียง 1-2 วันเท่านั้น เนื่องจากกระบวนการผลิตแบบพาสเจอร์ไรซ์จะใช้อุณหภูมิที่ต่ำ ผลิตภัณฑ์จึงไม่สามารถอยู่นอกตู้เย็นได้ ซึ่งแตกต่างจากปลากระป๋องทั่วไป


ตลอดระยะเวลา 17 ปี สิชลเดลี่เฟรชเน้นตลาดส่งออกเป็นหลักโดยเฉพาะตลาดอเมริกา เพราะได้มีการทำ OEM ให้ประมาณ 4-5 แบรนด์ รวมถึงฝั่งยุโรป ฮ่องกง ไต้หวันและจีน ซึ่งในปัจจุบันตลาดอเมริกาเริ่มถดถอยและต้องต่อสู้กับแบรนด์ในตลาดอย่างอินโดนีเซีย เนื่องจากราคาขายของสิชลเดลี่เฟรชมีราคาสูงกว่าประมาณ 20-30% เพราะว่าต้องบริหารจัดการไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าวัตถุดิบ หรือแพ็กเกจจิ้งต่างๆ ส่งผลให้สิชลเดลี่เฟรชเริ่มหันมาทำการตลาดในไทยมากขึ้น โดยเริ่มจากการส่งขายให้กับร้านอาหารในพื้นที่และต่อยอดแปรรูปเนื้อปูในรูปแบบใหม่ เพื่อให้ถูกปากคนไทยมากขึ้น เช่น ชุดข้าวผัดปูที่สามารถนำกลับไปทำเองที่บ้านได้ จ๊อปู และอื่นๆ ซึ่งเป็นการเพิ่มโปรดักส์ที่เกี่ยวกับปูเพื่อตีตลาดลูกค้าในประเทศเพื่อความหลากหลาย


ปัญหาและอุปสรรคของเดลี่เฟรชที่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้คือการตลาดออนไลน์ที่ยังคงเป็นจุดอ่อนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องจัดการเพราะในยุคปัจจุบันตลาดออนไลน์เป็นเรื่องสำคัญในการทำธุรกิจ ทางบริษัทจึงจำเป็นต้องปรับปรุงและพัฒนาเรื่องการตลาดออนไลน์ให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ นอกจากนี้ทางแบรนด์จะเน้นการทำธุรกิจแบบ B2B เป็นหลักในตอนนี้

ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงนั้น แบรนด์สิชลเดลี่เฟรชเองยังคงเป็นแบรนด์สินค้าที่มีขนาดเล็ก จึงสร้างจุดยืนให้ตัวเองด้วยการรักษามาตรฐานที่แข็งแกร่งไว้เพื่อที่จะสามารถเดินต่อในสนามการแข่งขันที่มีคุณภาพได้ ทั้งนี้ทางแบรนด์เองเริ่มมองหาพันธมิตรในการจับคู่ธุรกิจเพื่อให้สามารถกระจายสินค้าได้ทั่วประเทศ


นอกจากนี้สิชลเดลี่เฟรชยังรับซื้อปูสดจากชาวประมงในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อกระจายรายได้สู่ชาวประมงอีกด้วย ซึ่งทางแบรนด์รับซื้อจากเจ้าประจำเนื่องจากต้องควบคุมขนาดและปริมาณของวัตถุดิบ ทั้งนี้ในช่วงโควิด-19 ทางแบรนด์เองโดนผลกระทบโดยตรง โรงงานถูกปิดไปกว่า 6 เดือนเนื่องจากไม่สามารถส่งออกต่างประเทศได้ ทำให้ในช่วงนั้นทางแบรนด์เก็บรักษาสินค้าไว้ในห้องเย็นและชะลอการผลิตเอาไว้ เมื่อสถานการณ์คลี่คลายก็เริ่มกลับมาผลิตต่อ

การรับซื้อปูทะเลจากชาวประมงแน่นอนว่าจะต้องมีชวงไฮซีซั่นกับโลว์ซีซั่น ซึ่งในช่วงที่มีปริมาณปูน้อยทางแบรนด์จะนำเข้าปูมาทดแทนปูจากในประเทศเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ตลอดทั้งปี ซึ่งการนำเข้าปูก็จะมีทั้งปูสดและสำเร็จรูป โดยทางแบรนด์นำเข้าจากฝั่งตะวันออกกลางและแอฟริกา ส่วนปูที่รับจากชาวประมงในประเทศไทยจะเป็นปูสดและนำมาเข้ากระบวนการผลิตในขั้นตอนต่อไปนั่นเอง สำหรับกำไรที่ได้ถ้าหากเปรียบเทียบกับการขายเนื้อปูสดนั้น ทางแบรนด์ให้ข้อมูลว่าจะได้กำไรน้อยกว่าการขายเนื้อปูสด แต่จะเน้นขายปริมาณเพื่อให้สามารถยืนอยู่ในตลาดได้


ทั้งนี้ในอนาคตสิชลเดลี่เฟรชได้มีการวางแผนต่อยอดธุรกิจให้เป็นไปในทิศทางของการกระจายสินค้าออกทั่วประเทศมากขึ้น พร้อมกับแตกไลน์โปรดักส์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้า พร้อมทั้งผลักดันสินค้าแปรรูปของแบรนด์ให้โลดแล่นในตลาดได้ รวมถึงพัฒนาและเพิ่มทักษะในการทำการตลาดออนไลน์มากขึ้น เพื่อการเติบโตและโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งกว่าเดิม

ในส่วนของกำลังการผลิตที่สามารถทำได้สูงสุดคือ 70,000 กระป๋องต่อเดือน แต่ในปัจจุบันมีการผลิตแบบวันเว้นวัน เฉลี่ยได้วันละ 200 กระป๋อง ต่อ 15 วัน รวมทั้งสิ้น 3,000 กระป๋องต่อเดือน ซึ่งมีช่วงที่สามารถผลิตได้มากที่สุดเกินความคาดหมายคือเดือนละ 100,000 กระป๋องในช่วงแรกของการดำเนินกิจการ ทำให้สามารถสร้างยอดขายไปกว่า 300 ล้านบาท แต่ปัจจุบันสามารถทำยอดขายได้ที่ปีละ 50 ล้านบาท ซึ่งเป็นการผันผวนในตลาด แต่ยังสามารถยืนหยัดและเติบโตในตลาดได้


นอกจากนี้ ภาพรวมของตลาดเนื้อปูกระป๋องทางแบรนด์ให้ข้อมูลว่าแนวโน้มไปในทางที่ดี ลูกค้าร้านอาหารให้ความนิยมมากขึ้นเพราะทั้งง่ายและสะดวกต่อการใช้งานและสามารถเก็บได้นานกว่าเนื้อปูสด แต่ต้องเก็บไว้ในอุณหภูมิที่เย็นเท่านั้น ทั้งนี้ตลอด 17 ปีในการดำเนินธุรกิจได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าหากพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ทางแบรนด์มองว่าลูกค้าบางรายยังเข้าใจว่าปูกระป๋องจะสามารถเก็บรักษาได้เหมือนปลากระป๋อง ทางแบรนด์ก็ได้มีการแนะนำการเก็บรักษาที่ถูกต้องไป ลูกค้าก็เข้าใจและทำตามได้เป็นอย่างดี ทำให้ผลตอบรับจากกลุ่มลูกค้าอยู่ในระดับที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง


ทั้งนี้สิชลเดลี่เฟรชยังได้รู้จักกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธพว. หรือ SME D Bank ที่ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการได้พัฒนาสินค้าให้เติบโตด้วยสินเชื่อที่สนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้ ซึ่งสิชลเดลี่เฟรชก็เป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการที่ได้โอกาสนำเงินทุนมาพัฒนาโปรดักส์และกิจการการผลิตเนื้อปูกระป๋องพาสเจอร์ไรซ์ให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างทันท่วงที


นอกจากนี้สินค้าเนื้อปูกระป๋องพาสเจอร์ไรซ์ของสิชลเดลี่เฟรชมีทั้งหมด 5 ชนิดได้แก่ 1.เนื้อก้อนเชียงไม่เกิน 95 ชิ้นต่อกระป๋อง ราคากระป๋องละ 1,150 บาท 2.เนื้อเชียงแตก+หวี+เนื้อชิ้นใหญ่ ขนาด 454 กรัม ราคากระป๋องละ 800 บาท 3.เนื้อชิ้นใหญ่+เนื้อผง ขนาด 454 กรัม ราคากระป๋องละ 665 บาท 4.เนื้อผง ขนาด 454 กรัม ราคากระป๋องละ 525 บาท และ 5.เนื้อก้าม+นิ้ว ขนาด 454 กรัม ราคากระป๋องละ 430 บาท นอกจากนี้ยังมีชุดทำข้าวผัดปู จ๊อปู แกงคั่วปูใบชะพลู และน้ำพริกไข่ปูม้า ที่เป็นสินค้าแปรรูปจากปูอีกด้วย

ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook :เดอะแครบวิลเลจ




* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น