xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) จากนักการตลาดฝีมือดีสู่ที่ปรึกษาธุรกิจออนไลน์ เปิดเทคนิคเพิ่มยอดขายหลัก 100 ล้าน! สไตล์นิคอินสไปร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ส่วนใหญ่ก็จะมาให้แบบอยากได้ยอดขายเอาสิ่งที่ต้องการจริง ๆ เลยเพราะว่าผมจะเน้นในเชิงยอดขายช่วยสร้างยอดขาย แต่พอเรามาดูแล้วมาหาเราแล้วแบรนดิ้งยังไม่ได้อะไรยังไม่ได้เราก็ต้องมาช่วยเขาปรับทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาขายได้ นี่แหละคือสิ่งที่ผมช่วยเขาได้จริง ๆ”


ส่วนใหญ่จะเป็นทำเองถ้าเกิดยอดขายเยอะ ๆ เพราะว่าผมสามารถตัดสินใจเอง ลงทุนเองได้ อย่างปีที่แล้วผมขายเป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์พาว ด้วยความชำนาญของผมแค่ยอดสั่งซื้อกับทางแบรนด์ก็คือ 50 ล้านบาท! ปีที่แล้วยอดสั่งอันนี้คิดดูว่ายอดขายจะเท่าไหร่เนาะ? พงษ์ชัยวัฒน์ สอนสุภาพ หรือ “นิคอินสไปร์” ชื่อในวงการที่คนแวดวงการตลาดออนไลน์เวลานี้เรียกว่าใคร ๆ ก็รู้จักเป็นอย่างดี คุณนิคเล่าให้ฟังว่า แรกเริ่มเลยเราเกิดจากการที่เราไม่ได้ไปช่วยคนอื่นก่อน เราช่วยตัวเองก่อน เอาให้รอดก่อนเอาตัวเองให้รอดก่อน เพราะว่าเราก่อนหน้าจะมาถึงในปัจจุบันเคยไปเป็นที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์มา เรารู้ปัญหาธุรกิจ เรารู้ปัญหาผู้ประกอบการหลายอย่างมากจนเราตกผลึกแบบรู้สึกว่า เบื่อหน่าย ในการที่จะไปช่วยคนแล้ว เราเลยคิดว่าเออเรายังไม่เคยทำเองเลย เราเลยกลับมาทำเอง“พอเราทำเองจนประสบความสำเร็จนะครับ ผ่านมา 8 ปีแล้วเนาะประสบความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์ การทำการตลาดออนไลน์มาแล้ว เราก็เลยคิดว่าเออ องค์ความรู้ที่เรามีมันเยอะ เพราะมันมีทั้งประสบการณ์ทั้งอะไรหลาย ๆ อย่างที่ต่อสู้มา เราก็อยากจะเอามาช่วยผู้คนอย่างเงี้ยครับ แล้วก็เริ่มที่จะเปิด Class สอนการตลาดออนไลน์ เคยเปิดคลาสสอนมาร์เก็ตติ้งต่าง ๆ ก็ประสบความสำเร็จมีคนเข้ามาเรียนรู้กับเรา อย่างเงี้ยครับผม ปัจจุบันเราเลยมาเป็น “ที่ปรึกษา” เบื้องต้นที่ปรึกษาเราไม่ได้อยู่ ๆ แบบประกาศหาแบรนด์มา เหมือนว่ามาหาเราแต่มันเกิดจากการที่ ผลงานเราในอดีตที่เราทำไว้มันโดดเด่นพอ ที่มีคนนึกถึงเรา เขาก็ติดต่อเรามาขอให้เป็นที่ปรึกษาแบรนด์ให้”


สู่ธุรกิจที่เติบโตโดยการเน้นสร้าง “แบรนด์” จากเครื่องมือที่มีความถนัดอย่าง “Facebook”
เริ่มมาสร้างแบรนด์ของตัวเองก่อน พอมาสร้าง “แบรนด์” องค์ความรู้ก็จะอีกแบบหนึ่งเลยกับการที่เป็นพาร์ทตัวแทนจำหน่ายอย่างเดียว การสร้างแบรนด์เป็นอะไรที่ต้องใช้พลังเยอะมากแต่พอเราทำจนมีประสบการณ์เราก็รู้แล้วว่า จริง ๆ มันก็มีกระบวนการของมันที่ไม่ยากจนเกินไป “เนื่องจากว่าเราเติบโตมากับ facebook นะครับผมพยายามจะไม่ไปแตะแพลตฟอร์มอื่นเพราะเนื่องจากว่า เราโฟกัส แต่จริง ๆ การทำการตลาดออนไลน์เราต้องไปทุกแพลตฟอร์มอยู่แล้วยุคนี้นะครับผม แต่ผมยังอยู่ที่เฟซบุคอยู่เลย ผมรู้สึกว่าเครื่องมือของเขามันมีความ มันมีความง่าย ถ้าเราทำการตลาดแล้วเรา คือการที่เราทำอะไรให้เติบโตนะครับเราต้อง Focus สิ่งแรกเลยคือต้องโฟกัส กัดไม่ปล่อย โฟกัสให้เต็มที่อย่างเงี้ยครับผม เรามามุ่งที่ facebook แล้วเราก็ค่อย ๆ พัฒนาการทำงานของเราอย่างเงี้ยครับผม ก็จะเติบโตได้อย่างเงี้ยครับ อย่างเช่นสิ่งที่เราทำแบรนด์สินค้าของเราอย่างเงี้ยครับผม เราใช้เฟซบุคนำร่องแล้วก็สื่อสารไป”


CONTENT IS KING” และกลยุทธ์การสื่อสาร
Content สำคัญมากเลยครับ การที่เราจะมีผลลัพธ์ที่ดี สิ่งสำคัญก็คือ คอนเท้นต์ “Content Is King” จริง ๆ ทุกแพลตฟอร์มบนโลกใบนี้ขับเคลื่อนด้วยคอนเท้นต์ถูกไหมครับ“เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าเราเข้าใจในสินค้า เข้าใจในแบรนด์ของสินค้า การจะสื่อสารทำคอนเท้นต์ออกไปนะครับ เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอันดับต้น ๆ เลยในการทำการตลาดออนไลน์ หรือในการทำการตลาดทุกแพลตฟอร์มเลยนะครับผม เพราะฉะนั้นเราโฟกัสที่คอนเท้นต์นะครับ ผมถือว่าความเชี่ยวชาญของผมสามารถที่จะวิเคราะห์สินค้านั้น ๆ ได้เพื่อให้รู้ว่า จุดไหนที่เราอยากจะดึงมันออกมานำเสนอให้ผู้คนได้แบบว่า เหมือนอยากได้! อยากต้องการสิ่งนี้อย่างเงี้ยครับผม นี่แหละคือจุดที่แบบว่าเป็นความสามารถของผมที่ผมรู้สึกว่าตรงนี้แหละ ที่ผมมีแล้วผมทำได้ดี เราจะไปเติมเรื่องนี้ให้ และเราไปใช้เทคนิคในการยิงโฆษณาเสริมเข้าไป”


คอนเท้นต์จะมี 2 แบบ คือ คอนเท้นต์ Branding กับคอนเท้นต์ Marketing “คอนเท้นต์แบรนดิ้งคือ สร้างคอนเท้นต์เพื่อสื่อสารแบรนด์ สร้างคุณค่าให้แบรนด์ อันนี้คอนเท้นต์มันก็จะไปอีกเวย์หนึ่งเลยคือ เวย์ไม่ขายของ แต่คอนเท้นต์ในการที่จะแบบว่าขายของเราก็จะต้อง ขายของเลยจะ ๆ เลย ฮาร์ดเซลล์เลย หรือว่ามีโปรโมชั่นอะไรอัดแน่นเลยอย่างเงี้ยครับผม มันก็จะสร้างยอดขายได้”การที่เราจะให้แบรนด์ ๆ นั้นมันเติบโตไป การนำส่งคอนเท้นต์เป็นเรื่องสำคัญมากที่เราจะต้องมาวางกลยุทธ์กัน ต้องรู้ละเอียด คนที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ได้ต้องมีความรู้เรื่องทั้ง Branding และ Marketing เพราะว่ามันต้องไปด้วยกัน ไปในทางเดียวกันให้ได้ แบรนดิ้ง มาร์เก็ตติ้ง แล้วเน้นในเรื่องของ “บัญชี” ต้องมีความเข้าใจ 3 เรื่องหลักตรงนี้ ธุรกิจก็จะเติบโตได้ง่าย


มันเป็นเหมือนกับทฤษฎี “กรวยกรอง” คือกลยุทธ์การสื่อสารมันจะมีเรื่องของการ Awareness คือการรับรู้ แล้วก็การพิจารณาหรือ Decide อะไรประมาณแบบนี้ แล้วก็ก่อนจะเป็น Purchase คือการซื้อ “เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าอธิบายง่าย ๆ เราแบ่งเป็น 3 สเต็ปแล้วกันเนาะ คือ สเต็ปแรก Cold (เย็น) Warm (อุ่น) และก็ Hot (ร้อน) สเต็ป 3 สเต็ปนี้ กลยุทธ์คือเราต้องเข้าใจแต่ละสเต็ปว่าสินค้าของเรา เรามีสินค้าอย่างหนึ่งลูกค้าก็ยังไม่ได้ต้องการไม่ได้รับรู้ว่าสินค้าตัวนี้มันดีอย่างไร เราก็ต้องสร้างคอนเท้นต์เพื่อสร้างการรับรู้ก่อน คือ Awareness ซึ่งมันอยู่ในสเต็ปของ Cold คือลูกค้ายังไม่ได้รู้เรื่องอะไร ยังไม่ได้มีความต้องการอะไรกับเรา เพราะฉะนั้นการจะสื่อสารสินค้าในสเต็ปนี้เราต้องทำให้ลูกค้ารู้ว่า คือให้เขารู้จักเราก่อน เหมือนเรามาทำความรู้จักกันว่าเราเป็นใคร ฉันเป็นใคร เธอเป็นใคร แต่ยังไม่ได้เกิดการตัดสินใจ“ไม่ใช่แบบรู้จักกันปุ๊บเอาเลย! มันน้อยมากถูกไหมครับ เพราะฉะนั้นเนี่ยให้เขารู้จักเราก่อน”อันดับต่อมาคือ ให้เขาได้พิจารณาเรา อย่างเช่นพอสินค้าเราสเต็ป Cold แล้วเราก็มาที่สเต็ป Warm ให้เขาพิจารณาเราพอเขารู้ว่าสินค้าเราคืออะไรแล้ว เขาอาจจะยังไม่มั่นใจ มันอาจจะต้องมี รีวิว มีข้อมูลอะไรหลาย ๆ อย่างเพื่อให้เขาเกิดการตัดสินใจในตอนนั้น ซึ่งอันนี้มันจะอยู่ในสเต็ปWarm“เพราะฉะนั้นเราต้องรู้ว่าการทำคอนเท้นต์แต่ละสเต็ปมันคือเราทำเพื่ออะไร”แล้วสเต็ปสุดท้ายคือ สเต็ป Hot ลูกค้าพร้อมจะซื้อแล้วตอนนี้ ลูกค้าไม่อยากฟังอะไรแล้วคือเขาพร้อมจะจ่ายแล้ว“เรื่องนี้มันก็ต้องตอบด้วย Promotion หรือพยายามปิดการขายลูกค้าให้เร็วด้วยโปรโมชั่น เพราะฉะนั้นเราต้องสร้างโปรโมชั่นที่ทำให้ลูกค้ารู้สึก “ฉลาดในการเลือก” ของเรา เหมือนว่าทำยังไงให้ลูกค้ารู้สึกว่าทำโปรโมชั่นอย่างไรให้เขารู้สึกว่าฉลาดในการที่ได้ซื้อ “ของ” ของเราอย่างเงี้ยครับ เพราะฉะนั้นนักการตลาดก็จะต้องออกแบบกลยุทธ์อย่างเช่น1 แถม1 ส่งฟรี! หรืออะไรที่แบบว่าทำให้เขารู้สึกคุ้ม เขาฉลาดนะ อย่างบางคนใช้วิธีแบบทำราคาจิตวิทยา อย่างเช่น สินค้าราคาชิ้นแรก 1,500 ชิ้นที่ 2 ราคา 2,000 ชิ้นที่  3 ราคา 4,500 อะไรอย่างเงี้ยครับ พอลูกค้าเห็นคืออันนี้ยกตัวอย่างนะครับผม มันเหมือนว่าใช้กลยุทธ์การตั้งราคาตามจิตวิทยาหรือว่าใช้กลยุทธ์ในการแบบทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้ม! เช่น ซื้อ 1 แถม 1 ซื้อ 2 แถม 2 ซื้อ 4 แถม 6 อะไรก็ว่าไป อย่างรายการทีวีส่วนใหญ่ถ้าเราสังเกตกลยุทธ์ในการทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าในการซื้อ เหมือนซื้อเท่านี้แถมเท่านี้ได้อันนี้คุ้มอีกลดไปอีก! อะไรอย่างเงี้ยครับ แต่จริง ๆ คือเราวางสเต็ปมาเรียบร้อยหมดแล้วอย่างเงี้ยครับ”


กลยุทธ์พวกนี้เราต้องชัดเจนในแต่ละสเต็ปของการสื่อสาร คิดถึงทฤษฎีกรวยกรองเลย Cold Warm Hot มันเหมือนค่อย ๆ กรองคนมา คนไม่สนใจมันก็จะออกจากระบบเราไป ออกจากกรวยเราไป แต่ถ้าคนที่แบบสนใจมันจะค่อย ๆ ถูกกรองลงมาจนท้ายที่สุดก็เกิดการ Purchase คือซื้อ


เทคนิคการโปรโมท(บูสโพสต์) อย่างไรจึงได้ผลดีที่สุด?
ถ้าส่งออกไปแล้ว คอนเท้นต์เราส่งออกไปคืออะไร ถ้าคอนเท้นต์ส่งออกไปอยู่ ๆ ไปขายเลย เขายังไม่ได้รู้จักเราเลย(เราจะไว้ใจเขาไหมล่ะ) ท้ายที่สุดเราสร้าง Marketing กระบวนการต่าง ๆ เพื่อสร้างความไว้ใจ ให้เขาได้ตัดสินใจ ถ้าเราบูสออกไปเลยทันทีเขาไม่ได้รู้จักอะไรเราเลย ไม่ได้ที่จะแบบได้เห็นข้อมูลอะไรเราเลย อยู่ ๆ ไปขายเขาเลย เป็นเราจะกล้าซื้อไหมก็ไม่กล้าซื้อ เพราะว่าสินค้าอะไรก็ไม่รู้อยู่ ๆ โยนมาจะขายเลยอะไรแบบนี้“บางทีนะครับ “กลุ่มเป้าหมาย” เรารู้หรือว่ากลุ่มเป้าหมายต่อให้กลุ่มเป้าหมายเป็นคนที่อยากได้เสื้อ หรืออย่างสมมุติว่าคนอยากหน้าใส เรายิงตรงไปหากลุ่มเป้าหมาย ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเลือกเราอย่างเงี้ยครับผม แต่ประเด็น คือ กลุ่มเป้าหมายนะครับเราจะเอาอย่างนี้แล้วกันเนาะ สินค้าครับในโลกใบนี้ก็จะมีหลากหลาย การที่เขาจะซื้อเราน่ะครับ ประเด็นที่นักการตลาดต้องไปทำคือการ Educate เขาเหมือนประกันแรก ๆ คนมันแบบประกันต้องมาเสียเงินเหรออะไรอย่างเงี้ย แต่ถ้าคนขายประกันเขา educate ผู้คนที่เหมือนว่าสร้างการเรียนรู้ให้คนที่เป็นลูกค้าของเขาสม่ำเสมอ วันนี้เขาอาจจะยังไม่ซื้อแต่อนาคตเขาต้องซื้อเรา เพราะเขาเห็นถึงคุณประโยชน์ต่าง ๆ เขาเกิดการ educate แล้ว เพราะฉะนั้นสินค้าที่ต้องได้รับการ educate ไปหาผู้ใช้ก็จะเป็นสินค้าที่แบบราคาสูงหรือสินค้าที่แบบขายยาก ๆ หน่อย อะไรอย่างเงี้ยครับ”

ในเรื่องของการ Target กลุ่มเป้าหมาย เราทาร์เก็ตได้แค่เราต้องออกแบบกลุ่มลูกค้าเราให้เจอว่า ลูกค้าเราเป็นใคร แล้วเราพยายาม Educate เขาไปแล้วเดี๋ยวถึงวันใดวันหนึ่งที่เขาตัดสินใจ เขาก็จะซื้อเรา วิธีการแบบนี้มันถึงจะยั่งยืนและต่อไปได้


ต้องรู้จัก “สินค้า” ของเราดีก่อน ทุกแพลตฟอร์มสามารถตอบโจทย์ได้
พงษ์ชัยวัฒน์ สอนสุภาพ หรือ “นิคอินสไปร์” CEO บริษัทนิคอินสไปร์ และที่ปรึกษาธุรกิจออนไลน์ครบวงจร ยังบอกด้วย ผู้ประกอบการต้อง มันมีคำ ๆ หนึ่งบอกว่า“ถ้าเกิดเราไม่ต้านกระแสลม เราไปตามแรงลม แม้แต่เราเป็น “หมู” เราก็บินได้” หมายถึงว่า มันมีแพลตฟอร์มไหนมาดี ๆ อาจจะยุคก่อนหน้านี้อาจจะเป็น Facebook ซึ่งเฟซบุคปัจจุบันก็ยังดีอยู่ TikTok มาเสริมมาเพิ่ม มาเสริมกำลังมันก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะเสริมความแข็งแกร่งในการทำการตลาดออนไลน์ให้เราได้ ซึ่ง tiktok ก็ถือเป็นแพลตฟอร์ม VDO คลิป-VDO สั้น ที่น่าสนใจในการทำการตลาด ซึ่งปัจจุบันผมก็ใช้ tiktok ในการทำมาร์เก็ตติ้งอยู่เหมือนกัน “ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มเขาก็พยายามจะสร้างฐานลูกค้า สร้างTraffic ให้มันเหมือนมีคน เข้าไปอยู่ในแพลตฟอร์มของเขาเยอะ ๆ”


ค่าโฆษณาของเฟซบุค เราขายสินค้าในราคา 100 บาทเราต้องจ่ายค่าโฆษณาเฟซบุคเฉลี่ยอยู่ที่ 25-30% หรือถ้าเก่งสุดก็อาจจะลดลงมาได้ 20% อะไรแบบนี้ คือเรารู้ค่ามาตรฐานค่ากลางของเขา ประมาณนี้ครับ เราก็จะรู้แล้วว่าเราจะวางกลยุทธ์อย่างไร เพราะฉะนั้นสินค้าที่เราจะมาทำการตลาดในแพลตฟอร์มที่ต้องมีงบโฆษณา งบมาร์เก็ตติ้งอย่างเงี้ยครับผม เราก็ต้องมาวางราคาดี ๆ ไม่ใช่แบบ ต้นทุนมา 50 ขาย 100 อันนี้ก็ไม่ใช่อันนี้ก็เจ๊งแน่นอนทันทีนะครับผม เพราะฉะนั้นเนี่ยเราต้องรู้จักสินค้าของเราแล้วเราต้องรู้วิธีการตั้งราคาที่เหมาะสม เพราะเราต้องมีเราไม่ได้มีแค่ต้นทุนสินค้า เรามีต้นทุนค่าโฆษณาด้วย เรามีต้นทุนค่าจัดส่งด้วย” เพราะฉะนั้นผู้ประกอบการก็ต้องรู้ว่าโครงสร้างราคาของเรา เราจะอยู่ได้ไหม? เราจะมีกำไรไหม? ตั้งแต่ก่อนที่จะไปเริ่มทำมาร์เก็ตติ้งเลยถ้าเราตอบตรงนี้ได้ว่า เราอยู่ได้ เรามีกำไรแน่นอน อย่างเงี้ยเราก็ไปต่อได้ง่าย ๆ“ประเด็นคือเราต้องรู้ว่าสินค้าของเรา มันดีและโดดเด่นอย่างไร มีจุดแตกต่างและดีกว่าเจ้าอื่น ที่มันมีอยู่แล้วในตลาดอย่างไร มันถึงเข้าตลาดไปแล้วมันจะง่ายไม่ง่ายมันอยู่ตรงนี้เลย อย่างเงี้ยครับ ถ้าเราไม่มีอะไรโดดเด่นเลยต้องไปหาให้เจอ หรือถ้าหาไม่เจอก็ต้องยอมรับสภาพกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็พยายามทำกลยุทธ์เพื่อให้เราขายได้ อย่างเงี้ยครับผม เพราะท้ายที่สุดแล้วมันไม่มีวิธีที่แบบว่าคุณเก่งมาร์เก็ตติ้งมากเลย แต่ของคุณบ้านบ้านน่ะแต่คุณอยากขายราคาแบบ ซื้อ 100 ขาย 1 หมื่นอะไรอย่างเงี้ย มันเป็นไปไม่ได้ครับผมลูกค้าท้ายที่สุดแล้วเขาซื้อกับคุณ เขาซื้อแค่ครั้งเดียว เขาไม่มีทางซื้อซ้ำแน่นอน เพราะฉะนั้นเนี่ยเราต้องทำในจุดที่เหมาะสม เราทำในจุดที่อยู่กับความเป็นจริงแล้วก็พัฒนาให้มันโดดเด่น ในมุมที่ทำได้จริง ๆ แต่ไม่หลอกลวงผู้บริโภค อย่างเงี้ยครับ นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดในการทำ Marketing”



เชื่อว่ามีผู้ประกอบการหลาย ๆ คนรวมถึงพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หน้าใหม่ที่เริ่มจะทำการตลาดบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งแพลตฟอร์มที่เราเองมีความคุ้นเคยกันมาก่อนหน้าดีอยู่แล้ว อย่าง Facebook หรือจะเป็น TikTok ที่เวลานี้ใคร ๆ ก็ต่างพูดถึงกัน(เหมือนที่ยุคหนึ่งสมัยหนึ่งเราจะเล่น YouTube และก็ Facebook กันมาก) แต่ก็จะมีทั้งคนที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ๆ และคนที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จสักเท่าไรนัก เราอาจเคยได้ยินได้ฟังเรื่องการ “ยิงโฆษณา” หรือการพยายามจะบูสโพสต์ให้ดังให้ติดตลาด แต่หารู้ไม่ว่าหากขาดหลักการตลาดที่ถูกต้องเกี่ยวกับการทำ Marketing สินค้า บางทีวิธีการที่ว่า การกำหนดกลุ่มเป้าหมายยังไม่ถูกต้อง/ชัดเจน หรือ งบที่ใช้บูสยังน้อยไป ก็อาจจะไม่ใช่สาเหตุของการที่ไม่ประสบความสำเร็จเสียทีเดียวก็ได้ ซึ่งในเรื่องนี้คุณนิคอินสไปร์ได้ไขความกระจ่างไว้อย่างน่าสนใจและเป็นประโยชน์มาก ๆ สำหรับคนที่สนใจศึกษาเพื่อให้รู้ถึงคีย์เวิดจริง ๆ ที่เป็นหัวใจของการทำการตลาดออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนได้ ปัจจุบันคุณนิคเป็นที่ปรึกษาธุรกิจออนไลน์ให้กับแบรนด์สินค้าเจ้าดัง ๆ อยู่หลายแบรนด์ถ้าเอ่ยชื่อมาคือทุกคนก็ต้องร้องอ๋อกันทันที สามารถสร้างยอดขายเพิ่มกำไรให้กับตัวสินค้าอย่างถล่มทลายจนทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่น และเขาเองยังสร้างแบรนด์ของตัวเองและการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า(แบรนด์ดัง) ที่มียอดขายมากกว่า100 ล้านบาท! เมื่อปีที่แล้วอีกด้วย ขอบคุณความรู้ที่เป็นประโยชน์อย่างมาก ๆ และการสร้างแรงบันดาลใจดี ๆ สำหรับพัฒนาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ การมาร่วมแชร์ไอเดียดี ๆ ในครั้งนี้

สามารถติดตามหรือขอรับการปรึกษาเกี่ยวกับการทำการตลาดออนไลน์จากคุณ “นิคอินสไปร์” ได้ที่Nick : Online Marketing สอนทำธุรกิจออนไลน์ให้รวย โทรศัพท์ 080-469-4242 ขอบคุณ: งาน AGRI TECHNICA Asia และ HORTI Asia ปี 2024 ในประเทศไทย สำหรับการจัดเสวนาเรื่อง “เทคนิคปั้นแบรนด์สินค้าเกษตรไทย เพิ่มมูลค่า
พัฒนาสู่สากล”


คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น