หลายคนรู้จักน้ำพริกรุ่งเจริญ กันจากแพคเกจไซด์มินิรายแรก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่ไม่อยากซื้อน้ำพริกในกระปุก อยากกินน้ำพริกแบบสดใหม่ แบบกินครั้งเดียวหมด พกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก ประหยัดเงินในกระเป๋า และปัจจุบันน้ำพริกมีหลายรสชาติให้เลือกจำนวนมาก การมีน้ำพริกในแบบมินิ ทำให้ได้กินน้ำพริกได้หลายรสชาติตามต้องการ
ปรับตัวจากน้ำพริกตลาดสด สู่ เจ้าของโรงงานน้ำพริก
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้น้ำพริกแบรนด์รุ่งเจริญ ที่เดิมขายในตลาดสดย่านสำโรง และพระประแดง ที่ขายมากว่า 40 ปี ปรับตัวเองเพื่อให้สามารถยกระดับน้ำพริกขึ้นมาเพื่อให้ได้กลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น จากตักใส่ถุง เหมือนน้ำพริกทั่วไปในตลาดสด ก็ถูกนำมาปรับแพคเกจจิ้งใหม่ และสามารถนำเข้าไปวางขายในร้านสะดวกซื้อชื่อดังได้ จากยอดขายในตลาดสด วันหนึ่งหลักพันบาท วันนี้ ยอดขายทะยานไปแตะอยู่ที่ 150 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา
นายธนาวัฒน์ โพธิ์เผื่อนน้อย กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.พี.เอ็นฟู้ดส์ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์น้ำพริกรุ่งเจริญ กล่าวว่า ตนเองทำน้ำพริกรุ่งเจริญ ต่อจากคุณพ่อเมื่อประมาณสัก 15 ปีก่อนหน้านี้ ซึ่งเดิมพ่อจะเป็นคนปรุงน้ำพริก ส่วนแม่จะเป็นคนขาย ตนเองก็มาช่วยแม่ขายน้ำพริกมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เราได้เห็นและคลุกคลีการทำงานตรงนั้นมาตลอด โดยแม่จะเปิดแผงขายน้ำพริกอยู่ในตลาดสด ตอนนั้น ขายอยู่หลายที่ ในจังหวัดสมุทรปราการ เริ่มขายที่สำโรง ย้ายไปขายที่ตลาดสดพระประแดงบ้าง และก็มาขายที่บางพลี เป็นลักษณะของการตักใส่ถุงขายเหมือนน้ำพริกตลาดสดทั่วไป โดยพ่อใช้ชื่อร้าน ว่าน้ำพริกรุ่งเจริญ รวมที่พ่อกับแม่ทำน้ำพริกขายและตกทอดมาถึงตนเองขายกันมากว่า 46 ปี
สำหรับ การเข้ามารับช่วงต่อ ในขณะนั้นพ่อกับแม่เริ่มทำไม่ไหวและไม่มีคนมารับช่วงต่อ ส่วนตัวมองว่าเป็นธุรกิจครอบครัวที่เห็นมาตั้งแต่เด็ก ถ้าพ่อ กับแม่ไม่ทำ และไม่มีคนมาสานต่อและต้องเลิกไปก็น่าเสียดาย ก็เลยตัดสินใจที่จะมารับช่วงดูแลกิจการต่อ พอเราเข้ามาทำได้ปีเดียว พ่อก็เสียชีวิต ตอนนั้นรู้สึกแย่เพราะตนเองก็ทำโดยมีพ่อเป็นที่ปรึกษามาตลอด พอต้องมาทำเองก็เคว้งเหมือนกัน แต่เราก็ต้องผ่านไปให้ได้ จึงเป็นจุดเปลี่ยนทำให้ได้ทำอย่างเต็มตัว ซึ่งพอเข้ามาดูแลกิจการน้ำพริกแบบเต็มตัว เริ่มคิดเรื่องการต่อยอดเพราะคงไม่อยากจะเป็นแค่พ่อค้าน้ำพริกอยู่แค่ในตลาดสด ประกอบกับการแข่งขันน้ำพริกในตลาดสดการแข่งขันสูง ทำให้ต้องกลับมาคิดว่าจะทำอย่างไรให้น้ำพริกของเรามีความแตกต่าง มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร ส่วนของรสชาติมั่นใจว่า สู้น้ำพริกจ้าวอื่นๆ ได้อย่างแน่นอน เพราะขายมานานมีลูกค้าประจำเยอะ เป็นที่มาของแพคเกจจิ้ง เพื่อขยายตลาดไปช่องทางอื่นๆ
ที่มาของแพคเกจมินิรายแรกเกือบไม่รอด
ลูกค้าไม่ตอบรับมองว่าน้อยเกินไป
ทั้งนี้ จุดประสงค์แรกของการทำแพคแกจจิ้ง เพื่อจะได้ไปขอมาตรฐาน อย. ซึ่งถ้าจะทำน้ำพริกใส่กระปุกเหมือนคนอื่นๆ ทั่วๆไป คือ ตอนนั้นคิดว่าจะทำอย่างไรให้มันแตกต่าง เป็นที่มาของการคิดเรื่องของแพคเกจตัว มินิ ขึ้นมา เพราะเห็นว่า ยังไม่มีใครทำ และส่วนตัวเจอปัญหาเวลาซื้อน้ำพริกกระปุกมาและกินไม่หมด และก็ต้องทิ้ง ทำไมเขาไม่ทำน้ำพริกกระปุกเล็กกินครั้งเดียวหมดออกมาขาย พอได้มาเป็นเจ้าของกิจการน้ำพริก คิดว่าจะทำน้ำพริกไซด์เล็กออกมาแบบกินครั้งเดียวหมด
“คนอยากจะกินน้ำพริกแบบครั้งเดียวหมด ไม่ต้องเก็บไว้ พอจะกินก็ซื้อใหม่ และประหยัดเงินในกระเป๋าสำหรบคนมีรายได้น้อยมีเงิน 5 บาทก็ซื้อน้ำพริกกินได้ ตอนแรกที่ทำออกมาขายในราคาเพียง 5 บาท ส่วนคนที่ชื่นชอบน้ำพริก ก็สามารถเลือกกินน้ำพริกได้หลายสูตร มีเงิน 20 บาท กินน้ำพริกได้ถึง 4 รสชาติ แต่ในปัจจุบันจะมีการปรับราคาขึ้นมาในราคาชิ้นละ 8-10 บาท แล้วแต่ชนิดของน้ำพริก ตามราคาวัตถุดิบและต้นทุนอื่นๆ ที่สูงขึ้น”
ธนาวัฒน์ เล่าว่า ในปีแรกที่เริ่มทำ ต้องยอมรับว่าไม่ง่ายอย่างที่คิด เรียกว่าเกือบม้วนเสื่อกลับบ้าน เพราะไม่มีใครชอบตัวน้ำพริกมินิของเราเลย เพราะเค้ามองว่ามันน้อยเกินไป คนยังติดภาพกระปุกอยู่ ตอนปีแรกยอดขายเพียงแค่ 1-2แสนบาท จนพี่สาวถามว่าจะไปต่อไหวไหม หรือว่าจะเลิกทำ แต่คิดว่ายังไงก็ไม่เลิกทำ ต้องสานต่อกิจการน้ำพริกรุ่งเจริญของพ่อให้เป็นที่รู้จักให้ได้ โดยก็ยังคงทำต่อ ซึ่งส่วนหนึ่งมองว่าคนยังรู้จักเราน้อย ต้องทำให้คนรู้จักเราเยอะ ส่วนรสชาติเชื่อมั่นว่าน้ำพริกของเรารสชาติไม่แพ้ใคร เพราะพ่อก็พิสูจน์มาให้เห็นแล้วว่ารสชาติไปได้จากการทำน้ำพริกเลี้ยงดูแลครอบครัวมาหลายปี จุดเปลี่ยนที่ทำให้เรายอดขายเพิ่มขึ้น มาจากการได้ออกสื่อ และมีคนมารับไปขายในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศทำให้เริ่มมียอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้
จุดเปลี่ยนน้ำพริกตลาดสดกลายเป็นน้ำพริกร้อยล้าน
ส่วนจุดเปลี่ยนที่ทำให้น้ำพริกรุ่งเจริญ มียอดขายหลักร้อยล้าน มาจากการได้เข้าไปขายในร้านสะดวกซื้อชื่อดัง เซเว่นอีเลฟเว่น โดยทางเจ้าหน้าที่ร้านสะดวกซื้อดังกล่าวได้ติดต่อเข้ามาเพื่อนำน้ำพริกของเราเข้าไปขาย เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ อย่างไรก็ดีการขายในร้านสะดวกซื้อต้องพิสูจน์ให้เค้าเห็นด้วยว่า สินค้าไปได้ จึงจะได้วางขายต่อ ซึ่งน้ำพริกรุ่งเจริญของเราได้รับการตอบรับจากลูกค้าของร้านสะดวกซื้อเป็นอย่างดี ยอดขายของเราเพิ่มตลอดลูกค้าที่เคยซื้อก็กลับมาซื้อซ้ำ ทำให้ปัจจุบันเราก็ยังคงได้วางขายในร้านสะดวกซื้อดังกล่าว ด้วยยอดขายหลักร้อยล้านบาท ต่อปี
รับผลิตให้ลูกค้าที่สนใจสร้างแบรนด์น้ำพริกตัวเอง
นอกจากนี้ ร้านสะดวกซื้อ มีลูกค้าที่ร้านขายส่งยี่ปั้ว ซาปั้ว ทั่วประเทศ และมีขายผ่านช่องทางออนไลน์ แพลตฟอร์ม Shopee Lazada และ การรับจ้างผลิตน้ำพริกให้กับคนที่สนใจจะทำน้ำพริกขาย รวมถึง การทำน้ำพริกในกระป๋อง หรือ น้ำพริกกระปุกใหญ่ สำหรับร้านอาหาร ภัตตาคาร หรือ โรงแรม รีสอร์ต ฯลฯ ด้วย การทำ OEM ที่ผ่านมาจะไม่ได้เน้นการทำ OEM ที่เป็นแพคเกจ มินิ แต่เป็นการผลิตให้ลูกค้านำไปบรรจุเอง เพราะการทำแพจเกจ มินิ ต้นทุนสูง อยากให้ลูกค้าไปบรรจุเอง ประหยัดงบกว่า แต่ถ้าวันนี้ ถ้าใครต้องการให้เราทำแพคเกจ มินิที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง ทางบริษัท ฯ ก็ทำให้เช่นกัน แต่ต้องมาคุยกันในรายละเอียดก่อน
ในส่วนของยอดขายในปีทีผ่านมา น้ำพริกรุ่งเจริญ สามารถทำยอดขายได้ 150 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้หลักร้านสะดวกซื้อ รองลงมาเป็นรายได้จากช่องทางออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ และต่อมาคือรายได้จาก ร้านขายส่ง ยี่ปั้ว ซาปั้ว ส่วนการทำ OEM ในตอนนี้มีเพียงแค่ 5% แต่ตั้งใจว่าจะขยายตลาดในส่วน OEMให้มากขึ้น เพื่อจะได้เปิดโอกาสให้กับคนไทยอยากมีอาชีพ ได้มีช่องทางในการสร้างอาชีพด้วย นอกจากนี้ ที่ผ่านมามีตัวแทนที่นำเข้าและส่งออก ก็มีการนำน้ำพริกรุ่งเจริญของเราไปทำตลาดในต่างประเทศ ด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศในกลุ่ม AEC และมีตัวแทนขายในออสเตรเลีย เกาหลี และไต้หวัน ฯลฯ
นายธนาวัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัทของเรามีน้ำพริกให้เลือกมากกว่า 20 สูตร และนอกจากแพคเกจมินิ เตรียมที่จะออกแพคเกจกระปุก ออกมาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่เป็นครอบครัวใหญ่ กินกันหลายคน เนื่องจากตัวแพคเกจมินิ ไม่ตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่ ในส่วนของการผลิต ทางโรงงานได้มาตรฐานการผลิตเพื่อจะรองรับลูกค้าในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐาน อย. GHPs HACCP ฮาลาล ฯลฯ ส่วนของการเติบโตบริษัทฯ มีการเติบโตทุกปี ๆละไม่ต่ำกว่า 10-20%
ติดต่อ โทร 08-5800-1200 www.ppnfoods.com
Line : @namprikmini และ facebook: namprikmini
