xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) จาก “แก้วของฝาก” สู่ “แก้วบูทีค” แลนด์มาร์คใหม่เมืองกาญฯ ธุรกิจที่เป็นมากกว่าร้านขายของฝาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จังหวัดกาญจนบุรีเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ และที่พลาดไม่ได้ก่อนกลับคือการซื้อของฝากซึ่งร้าน “แก้ว” ที่โด่งดังจาก “มะขามกวนแก้ว” และ “ขนมทองม้วน” ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันต่อยอดธุรกิจเป็นร้าน “แก้วบูทีค” ที่เป็นมากกว่าร้านขายของฝากธรรมดาแต่ยกระดับให้เป็นทั้งที่พักผ่อนหย่อนใจ มีร้านอาหารและคาเฟ่พร้อมจุดถ่ายรูปเอาใจคนรุ่นใหม่พร้อมของฝากติดมือก่อนกลับ


นางสาววิวรรณ ล้อศิริ ผู้จัดการทั่วไปร้านแก้วของฝาก เล่าว่า ผู้ริเริ่มสร้างแบรนด์คือ คุณเมธา ชัยมงคลานนท์ เป็นน้าชายของเธอ ที่เริ่มต้นด้วยโปรดักส์แรกคือ “มะขามกวนแก้ว” ซึ่งทำมาจากมะขามเปรี้ยวของจังหวัดกาญจนบุรี เริ่มแรกทำกินกันเองภายในครอบครัวแล้วติดใจ จากนั้นย้อนเวลาไปเมื่อ 30 ปีที่แล้วยังไม่มีร้านขายของฝากที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวมากนัก ทำให้น้าชายของเจ้าของแบรนด์มองว่ามะขามกวนอาจจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถเชิดหน้าชูตาให้กับคนในจังหวัดกาญจนบุรีได้ จึงตัดสินใจเปิดเป็นร้านขายของฝากขึ้นมาและดึงเอาโปรดักส์หลักๆ ของจังหวัดกาญจนบุรีเข้ามาอยู่ในร้าน และอีกหนึ่งโปรดักส์ที่ลูกค้านิยมซื้อมากที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าวคือ “ขนมทองม้วน” ทำให้ทางแบรนด์รวบรวมสูตรทำขนมทองม้วนมาดัดแปลงและประยุกต์ให้เป็นสูตรของตัวเองทำให้ร้านขายของฝากในช่วงเริ่มต้นมีโปรดักส์ที่โดดเด่นทั้งหมด 2 ชนิดคือ มะขามกวนแก้วและขนมทองม้วนนั่นเอง


ขนมทองม้วนเริ่มเป็นขนมที่นิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศที่แวะเวียนมาท่องเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรีและแวะซื้อของฝาก ทำให้ขนมทองม้วนกลายเป็นขนมขึ้นชื่อและส่งออกไปต่างประเทศ ทำให้ทางแบรนด์มีโอกาสได้ขยายโรงงานเพิ่มขึ้น น้าชายจึงรวบรวมเครือญาติมาช่วยกันพัฒนาธุรกิจให้เติบโตขึ้นไปได้อีก


ในธุรกิจขนมของฝากคนส่วนใหญ่จะเน้นเป็นขนมแห้งที่รับมาขายต่ออีกที แต่ของร้านแก้วได้มีการพัฒนาสูตรของตัวเองและให้ความสำคัญกับประสบการณ์การเข้าชมร้านเป็นอย่างมาก ดังนั้นที่ร้านแก้วจะมีการทำขนมสดโชว์ให้ลูกค้าได้ดูทุกวัน เนื่องจากเมื่อลูกค้าได้เห็นกระบวนการผลิตขนมแบบสดๆ ก็จะทำให้เกิดความต้องการซื้อมากยิ่งขึ้น รวมถึงสามารถโน้มน้าวให้ลูกค้าเลือกซื้อขนมประเภทของแห้งติดไม้ติดมือเพิ่มขึ้นอีกได้นั่นเอง ซึ่งกลยุทธ์การทำขนมสดๆ ให้ลูกค้าได้เห็นทางร้านทำมาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน โดยที่ 80% ของขนมที่ร้านทำเองทั้งหมดและขนมทองม้วนจะมียอดขายสูงถึง 80-90% รวมส่งออกด้วย


ขนมทองม้วนจากเดิมเป็นขนมของฝากแต่ตอนนี้โกอินเตอร์ส่งออกต่างประเทศ ตลาดยุโรปและจีนนิยมเป็นอย่างมาก เพราะว่าขนมทองม้วนของทางแบรนด์มีส่วนผสมของกะทิและเป็นกะทิสดเท่านั้น ทำให้ลูกค้าชื่นชอบ ซึ่งลูกค้าประเทศจีนจะนิยมขนมทองม้วนของทางร้านเป็นอย่างมาก ในปัจจุบันจึงกลายเป็นสินค้าที่ถูกส่งออกเป็นหลัก แม้ว่าในช่วงโควิด-19 หลายๆ ร้านได้รับผลกระทบถึงขั้นต้องปิดร้านไป แต่ทางร้านแก้วนั้นกลับสามารถทำยอดขายการส่งออกได้อย่างปกติและดีอย่างต่อเนื่อง


ทำไมขนมทองม้วนถึงสามารถขายได้ในตลาดต่างประเทศ ทางแบรนด์ให้ข้อมูลว่าเดิมทีขนมทองม้วนที่เรารู้จักก็จะบรรจุลงในซองใสให้เห็นตัวขนม ซึ่งเมื่อก่อนทางร้านก็ทำแพคเกจจิ้งแบบนั้น แต่พอต้องส่งออกไปต่างประเทศก็ต้องปรับและพัฒนาแพคเกจจิ้งใหม่ให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้แพคเกจจิ้งของขนมทองม้วนเปลี่ยนเป็นซองขนมแบบทึบมีลวดลายสวยงามและปลอดภัยแก่การขนส่งนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันได้รับมาตรฐาน BRC ซึ่งมาตรฐานดังกล่าวสามารถส่งออกไปยังอเมริกาและยุโรปได้ โดยโรงงานที่จะทำขนมและได้มาตรฐาน BRC นั้น แม้จะมีคู่แข่งในตลาดเยอะแต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำ เพราะว่าเป็นระบบที่ค่อนข้างทำยากและใช้เงินลงทุนที่สูง ซึ่งในส่วนนี้เองทำให้ทางแบรนด์ได้เปรียบร้านค้าอื่นๆ ในเชิงของธุรกิจ ซึ่งคนที่จะทำได้ต้องมียอดขายที่สามารถทำได้ ทางแบรนด์จึงตัดสินใจทำและทำการตลาดอย่างเต็มที่


ในส่วนของการขยายโรงงานแน่นอนว่าจะต้องมีการลงทุนและกำลังคนเพิ่มขึ้น ทำให้ทางแบรนด์เข้าไปปรึกษากับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธพว. หรือ SME D Bank และได้การสนับสนุนเงินลงทุนมาเพื่อพัฒนาโรงงานและซัพพอร์ตเครื่องจักรรองรับไลน์การผลิตมาทั้งหมด 5 ตัว ซึ่งทาง SME D Bank มีความเข้าใจในธุรกิจชุมชนและทางร้านแก้วเองก็เติบโตมาจากร้านขนาดเล็ก ทาง SME D Bank จึงได้มีการเสนอสินเชื่อที่มีดอกเบี้ยต่ำให้กับทางแบรนด์ ทำให้มีกำลังในการซื้อเครื่องจักรใหญ่และพัฒนาแบรนด์ต่อไปได้นั่นเอง


ปัจจุบันพนักงานในโรงงานมีประมาณ 70 คนและหน้าร้านอีกประมาณ 50 คน เนื่องจากในตอนนี้มีหน้าร้านทั้งสาขาท่าม่วงและสาขาบูทีค ซึ่งสาขาท่าม่วงจะเป็นหน้าร้านที่ให้ความสำคัญกับการผลิตมากกว่าขายเหมือนกับเป็นโรงงานบวกหน้าร้านไปในตัว จึงจำเป็นต้องใช้พนักงานค่อนข้างเยอะ


ตั้งแต่ช่วงโควิด-19 จากเดิมที่ให้ความสำคัญกับหน้าร้านก็มีการปรับเปลี่ยนมาเพิ่มการตลาดออนไลน์มากขึ้น และมีการจัดส่งไปกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่องทำให้มีคนรู้จักแบรนด์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งหน้าร้านก็จะเน้นของสดมากกว่าของแห้ง เนื่องจากทางร้านมองว่าของสดน่าตื่นเต้นมากกว่าของแห้ง ซึ่งทางแบรนด์นำเอา “ขนมชั้น” และ “ทองม้วนสด” มาทำขายสดๆ หน้าร้าน แต่ที่เป็นกระแสไวรัลมากคือ “ขนมชั้นแซลม่อน” หรือขนมชั้นชาไทยที่พอนำเอามาทำเป็นขนมชั้นลูกค้าเห็นก็พูดกันปากต่อปากว่าเหมือนแซลม่อน ทำให้ขนมชั้นแซลม่อนถูกนำไปรีวิวและเป็นกระแสขึ้นมาและได้มีโอกาสนำสินค้าไปออกบูธตามงานต่างๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น


ทั้งนี้เจ้าของแบรนด์ยังเปิดเผยข้อมูลอีกว่า ร้านขายของฝากแบบนี้ต่อให้ดีแค่ไหนก็อาจจะไม่ได้ยั่งยืนหรือไม่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่นักทำให้เกิดเป็นร้าน “แก้วบูทีค” ที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยแรงบันดาลใจจากร้านของฝากแต่บวกคอมมูนิตี้มอลล์ผสมผสานกันออกมาอย่างลงตัวเพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังให้ประสบการณ์การมาร้านขายของฝากที่สามารถถ่ายรูป กิน เที่ยว ช็อปปิ้งได้โดยไม่น่าเบื่อแต่มีกิจกรรมให้ทำได้อีกด้วยซึ่งทำให้ได้ผลตอบรับที่ดีกลับมา โดยร้าน “แก้วบูทีค” อยู่ตรงทางขึ้นมอเตอร์เวย์พอดี


ธุรกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรีมีจุดแข็งคือมีแหล่งท่องเที่ยวเยอะแต่ระยะทางระหว่างสถานที่ท่องเที่ยวค่อนข้างห่างไกลกัน แต่โชคดีที่ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงคาเฟ่เป็นเทรนด์และได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงและเริ่มมีคาเฟ่มากยิ่งขึ้น เมืองกาญฯ จึงมีสีสันและคึกคักยิ่งกว่าเดิม ซึ่งร้านแก้วบูทีคถ้าหากมอเตอร์เวย์เปิดใช้บริการก็จะช่วยให้สามารถลดเวลาในการเดินทางได้ ทั้งนี้ร้านแก้วบูทีคจะมีแผนต่อยอดธุรกิจไปในทิศทางของการขยายพื้นที่เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยมีเนื้อที่ของร้านอยู่ที่ประมาณ 7 ไร่


อย่างไรก็ตามร้านแก้วบูทีคเป็นรุ่นลูกที่เข้ามาสานต่อจากรุ่นพ่อ ซึ่งช่องว่างระหว่างวัยไม่ได้เป็นปัญหาในการทำธุรกิจมากนัก เพราะทายาทรุ่นลูกเข้ามาสานต่อให้ธุรกิจจากเดิมที่เป็นเพียงร้านของฝากทั่วไปให้เติบโตเป็นร้านของฝากที่มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ สถานที่พักผ่อนหย่อนใจและสามารถซื้อของฝากกลับไปได้อีกด้วย พร้อมกับต่อยอดธุรกิจให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายกลุ่มทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งการนำเอาญาติพี่น้องมาทำธุรกิจร่วมกันนั้นในแต่ละคนก็ดึงเอาความสามารถของตัวเองมาช่วยพัฒนาธุรกิจให้เติบโตร่วมกันได้

ติดต่อเพิ่มเติม


Facebook :
ร้านแก้วของฝากเมืองกาญจนบุรี, Kaew Boutique










* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น