xs
xsm
sm
md
lg

ยังเหลือพื้นที่ศรีราชาจากไทย!! ดิสมิธฟู้ดฯ หนึ่งในผู้รับจ้างผลิตซอสศรีราชา แบรนด์ดังขายทั่วยุโรป และอเมริกา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พอพูดถึงซอสศรีราชาเมืองไทยก็จะนึกถึงซอสพริกอร่อยๆ และด้วยประเทศไทยไม่ได้มีการจดสิทธิบัตรซอสพริกศรีราชา และความที่เป็นซอสที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ ทำให้มีผู้ผลิตซอสศรีราชาในต่างประเทศ หลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งซอสศรีราชาได้รับความนิยม มีผู้ผลิตซอสศรีราชา รายใหญ่ในประเทศนั้น และมีการผลิตในอีกหลายประเทศ เช่นเวียดนาม จีน ฯลฯ ซึ่งรูปร่างหน้าตาแตกต่างจากซอสพริกศรีราชาแบบดั้งเดิมของไทย ซึ่งประเทศไทยเองก็มีผู้ผลิตซอสศรีราชา ในรูปแบบที่ขายในต่างประเทศ เช่นกัน


ดิสมิทธ ฟู้ด รับผลิตซอสและพริกดองป้อนแบรนด์ดังในยุโรป

วิชาดา เดอ สมิท กรรมการผู้จัดการ บริษัทดิสมิธ ฟู้ด อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตพริกดองรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า ตนเองได้ดำเนินกิจการมาเป็นเวลากว่า 22 ปี โดยเป็นโรงงานรับผลิต หรือ OEM สินค้าวัตถุดิบประเภทพริกดอง กระเทียมดอง และเครื่องปรุงรสต่างๆ เช่น น้ำจิ้ม ซอสศรีราชา ป้อนให้กับโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร, ภัตตาคาร, ร้านค้าปลีก และกลุ่มสตาร์อัพ ภายใต้แบรนด์ดังระดับแนวหน้าทั้งในตลาดยุโรปและ อเมริกา จีน ญี่ปุ่น


เน้นสร้างมาตรฐานสากลรองรับการเปิดตลาดตปท.

ทั้งนี้ เนื่องจากเราเป็นบริษัทไทยรายแรกที่มีการส่งวัตถุดิบ หรือ สินค้าไปตรวจ Lab Eurofin ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ทุกครั้งก่อนส่งออกไปขายยังต่างประเทศ และวัตถุดิบที่ใช้ผลิต เช่น พริก กระเทียม รวมถึงสินค้าเกษตรอื่น ๆ ที่บริษัทนำมาใช้ ก็ผ่านการรับรองระบบ Organic HACCP BRC FSSC22000 และยังเป็นบริษัทเดียวที่ ได้รับรองระบบ Rainforest Alliance หรือ RA รายเดียวในประเทศไทย ในหมวดสินค้ากลุ่มพริกปลอดยาฆ่าแมลง โดยบริษัทได้มีการทำ contact farming กับเกษตรกรผู้ปลูกพริกด้วย

ด้วยความที่เราใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต รวมถึงการเลือกวัตถุดิบที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย ทำให้ลูกค้าที่มาว่าจ้างให้โรงงานของเราทำการผลิตให้มีความเชื่อมั่นและมั่นใจที่จะใช้บริการกับเรามาตลอด รวมถึงผู้บริโภคเอง เมื่อเห็นมาตรฐานต่างที่ติดไว้ข้างบรรจุภัณฑ์ มีความมั่นใจในการบริโภค ง ซึ่งจากความตั้งใจดังกล่าว ทำให้ลูกค้าทั่วโลกไว้วางใจ อีกทั้งยังการันตีด้วยรางวัล Best Exporter และ Best Halal Exporter 2021 อีกด้วย


ตลาดส่งออกกว่า 90 เปอร์เซ็นต์

จากความตั้งใจในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ทำให้ ปัจจุบัน บริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 35% ต่อปี โดยลูกค้า ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าจากต่างประเทศ ในสัดส่วนที่มากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ และเป็นลูกค้าในประเทศ 10 เปอร์เซ็นต์ สำหรับลูกค้าในประเทศมีการทำแบรนด์ของเราเองด้วยชื่อว่า จิ้มแจ่ม เป็นครั้งแรกที่บริษัทสร้างแบรนด์ที่เป็นของตัวเองออกมาจำหน่ายในประเทศ โดยเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสินค้าไปวางขายหน้าร้าน หรือ รับไปจำหน่ายโดยไม่ต้องสร้างแบรนด์ของตัวเอง โดยได้กำหนดกำไรต่อขวดไว้ที่ 25-30 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ ในส่วนของแบรนด์จิ้มแจ่ม ยังได้ลูกค้าที่เป็นกลุ่มร้านอาหารประเภทหมูกระทะ ชาบู ปิ้งย่าง มาซื้อไปให้บริการลูกค้าภายในร้านของตนเอง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่นอกเหนือจากแบรนด์ที่ลูกค้าเคยใช้ที่ส่วนใหญ่จะซื้อมาจากห้างค้าส่งชื่อดัง ซึ่งเจ้าของร้านที่รับน้ำจิ้มของเราไปใช้แทนการซื้อจากห้างค้าส่ง ได้บอกกับเราว่า ที่เลือกน้ำจิ้มของเรา เนื่องจากชื่นชอบในรสชาติ และมั่นใจในมาตรฐานการผลิต เพราะทราบว่า เราผลิตในมาตรฐานเดียวกับการส่งออก ไปขายยังตลาดยุโรป อเมริกา จีน ญี่ปุ่น และน้ำจิ้มของเรายังมีความเข้มข้น ไม่ใส่แป้ง ไม่หวาน


ช่องทางการขาย

สำหรับในส่วนของช่องทางการขาย นอกจากออฟไลน์ ฝากขายตามร้านแล้ว ก็ยังมุ่งเน้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ปัจจุบันมีการขายผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ อาทิ Lazada , Shopee และหน้าเพจเฟซบุ๊ก ชื่อว่า De smit food international ในส่วนของตลาดต่างประเทศ ได้มีการออกบูท ในงานแสดงสินค้า ที่จัดโดยหน่วยงานของภาครัฐ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ หลายครั้งได้รับการตอบรับจากลูกค้าต่างประเทศ เป็นจำนวนมาก จนกลายมาเป็นลูกค้าประจำกันมาจนถึงทุกวันนี้

สำหรับกลุ่มส่วนใหญ่ที่มาจากต่างประเทศ ส่วนใหญ่มาจากประเทศในแถบยุโรป อเมริกา ในเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่นเกือบ 90 % โดยบริษัทได้แบ่งลูกค้าออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งมีลูกค้าในกลุ่มนี้ เราผลิตให้มีมากกว่า 50 ราย ส่วนกลุ่มที่ 2. กลุ่มลูกค้าทั่วไปประมาณ 40 ราย และกลุ่มที่ 3.กลุ่มร้านค้าปลีก 30 ราย


กำลังผลิตพริกดองไม่ต่ำกว่า 30 ล้านกิโลกรัมต่อปี

ในขณะที่กำลังการผลิตของโรงงานบริษัทดิ สมิธ ฟู้ด อินเตอร์เนชั่นแนล ที่จังหวัดนครสวรรค์ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ถ้าเป็นสินค้ากลุ่มตระกูลของดอง เช่น กระเทียม พริก มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 30 ล้านกิโลกรัมต่อปี ส่วนกลุ่มเครื่องปรุงรส และซอสต่าง ๆ อยู่ที่ประมาณ 10 ล้านกิโลกรัมต่อปี ส่วนแผนในปี 2567 บริษัทจะมีการปรับปรุงขยายโรงงาน ด้วยการจะเพิ่มเครื่องจักร และ โกดังสำหรับบรรจุสินค้า เพื่อจะสามารถรองรับออเดอร์ ที่มีเพิ่มมากขึ้นที่เป็นสินค้าล็อตใหญ่ๆ ต่อไปได้ในอนาคต

เตรียมผลิตเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแชร์ตลาดเครื่องดื่ม

นอกจากนี้ ในปีนี้ 2567บริษัทมีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ เครื่องดื่มน้ำสมุนไพร ภายใต้แบรนด์ จิ้มแจ่ม ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล เพื่อให้สามารถดื่มแทนน้ำได้ทุกวัน เนื่องจากน้ำดื่มเป็นตลาดที่มูลค่าทางการตลาดสูงมากไม่ต่ำกว่า 20,000 - 30,000 ล้านบาท ต่อปี และเนื่องจากตนเองอยู่ในอุตสาหกรรมผู้ผลิตอาหารมานาน จึงมองเห็นช่องว่างทางทางการตลาดในเรื่องของเครื่องดื่มน้ำสมุนไพร ที่จะสามารถผลิตเข้ามาแข่งขันได้ด้วยการชูมาตราฐานคุณภาพระดับสากลที่สามารถช่วยให้คนไทยดื่มแล้วมีสุขภาพดี และดับกระหายคลายร้อน ได้จริง โดยไม่ต้องกังวลว่าจะได้สารที่ให้ความหวาน และ คาเฟอีน หรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ของปี 2567 นี้

ติดต่อ Facebook: De smit food international และ www.smitfood.com


กำลังโหลดความคิดเห็น