ทำความรู้จักแฟรนไชส์ “มารุ วาฟเฟิล” ที่โด่งดังและฮอตฮิตติดกระแสไปที่ไหนก็เจอเพราะกลิ่นหอมเตะจมูกจนทนไม่ไหว แฟรนไชส์วาฟเฟิลส่งตรงจากฮ่องกงมาเติบโตที่ไทยขยายสาขาไปแล้วกว่า 200 สาขาทั่วประเทศและมียอดขายมากกว่า 300,000 ชิ้นต่อเดือน เรียกได้ว่าเป็นแฟรนไชส์ที่น่าจับตามองเลยทีเดียว
แฟรนไชส์วาฟเฟิลชื่อดังอย่าง “มารุ วาฟเฟิล” โดยมีผู้บริหารคือ คุณผดุงศักดิ์ รุ่งเรืองระยับกุล และมีจุดเริ่มต้นจากความชอบขนมวาฟเฟิลที่ได้กินที่ประเทศฮ่องกงของผู้ก่อตั้งร้าน พบว่าขนมชนิดนี้อร่อยมีความกรอบนอก นุ่มใน แต่ยังไม่เป็นที่พบเห็นได้บ่อยนักโดยเฉพาะในประเทศไทย จึงเริ่มธุรกิจนี้เพื่อให้คนไทยได้เข้าถึงวาฟเฟิลฮ่องกง ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ทั้งหน้าตาและรสชาติ โดยวาฟเฟิลฮ่องกงของทางร้านได้รับการพัฒนาสูตรจากเชฟด้านขนมหวานที่มีประสบการณ์ 15 ปี จบจากสถาบันสอนทำขนมประเทศฝรั่งเศส ด้วยรสชาติที่หลากหลายและความกรอบที่เป็นเอกลักษณ์ ผสมกับความอร่อยของไอศกรีมและวิปครีม ทำให้ยอดขายของร้านประสบความสำเร็จอย่างมากมีลูกค้าผู้ชื่นชอบติดต่อเข้ามาซื้อแฟรนไชส์ และมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง แม้ในปี 2563 ที่มีโควิด-19 ระบาด ก็สามารถเพิ่มสาขาได้ ซึ่งปีที่ก่อตั้งคือปี 2560 และเริ่มขยายแฟรนไชส์ในปี 2562
ร้าน Maru Waffle ขายอะไรบ้าง?
1.ขายวาฟเฟิลฮ่องกง
2.ขายแป้งวาฟเฟิลฮ่องกงสำหรับผู้ที่มีร้านอยู่แล้ว แต่อยากได้แป้งวาฟเฟิลสูตรกรอบ กรอบหอม อร่อย ที่ผสมง่ายๆ แป้งวาฟเฟิลฮ่องกงของ Maru Waffle พัฒนาสูตรโดยเชฟที่จบจากสถาบันสอนทำขนมฝรั่งเศสชื่อดัง เพียงแค่ผสมเข้ากับน้ำและน้ำมัน คนให้เข้ากันก็สามารถนำไปใช้ได้ โดยไม่ต้องพักแป้ง
2.1ไม่ต้องเติมไข่
2.2 เก็บรักษาง่าย ไม่ต้องแช่เย็นหรือแช่แข็ง
3.ขายชุดเริ่มต้นธุรกิจสำหรับร้านกาแฟ หรือร้านอาหาร ที่อยากเพิ่มเมนูขนมให้ร้านของผู้ลงทุน
4.ขายแบบแฟรนไชส์ ซึ่งเรามี Package หลากหลายให้เลือก เพื่อให้เหมาะสมกับพื้นที่ของลูกค้ามากที่สุด
จุดเด่นของ MaruWaffle
1.มีแบรนด์ที่ชัดเจน เป็นที่รู้จัก ด้วยการออกแบบที่น่ารัก โดดเด่น และที่สำคัญคือขนมอร่อย น่ารัก ทันสมัย ถ่ายรูปสวย ชวนให้ซื้อรับประทาน
2.มีระบบหลังบ้านที่ Support ด้านต่างๆ
2.1สื่อและรูปภาพสำหรับลง Social Media
2.2 มี Graphic Design ออกแบบสื่อ โลโก้ Content ต่างๆให้สม่ำเสมอ
2.3หมดปัญหาขาย App Delivery แล้วเงินไม่เหลือ ด้วย GP พิเศษ และ โครงสร้างราคาของบริษัท
3. มีระบบการบริหารร้านที่ไม่ยาก หากเจ้าของร้านไม่ได้ขายเอง สามารถลดโอกาสการทุจริตของพนักงานขายได้
4.รายละเอียดอื่นๆ
4.1ไม่มีค่า royalty fee
4.2ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี
4.3มีระบบฝึกอบรมฟรี
4.4ไม่มีเก็บค่าการตลาดเพิ่ม
ลงทุนซื้อแฟรนไชส์มารุ วาฟเฟิล ต้องใช้งบลงทุนเท่าไหร่แล้วได้อะไรบ้าง
1.ค่าแฟรนไชส์ 43,000 บาท (ไม่รวมค่าคีออสและค่าก่อสร้าง)
2.รูปแบบธุรกิจ จะมาในรูปแบบของการขายแฟรนไชส์ การหาตัวแทนจำหน่าย ขายปลีกและส่ง
3.ระยะเวลาการคือทุนจะขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งและปริมาณของลูกค้า
ด้านการลงทุนและค่าใช้จ่ายในการเปิดแฟรนไชส์ Maru Waffle
1.ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์/ค่าลิขสิทธิ์การใช้แบรนด์ 10,000 บาท
2.ค่าแพคเกจวาฟเฟิลฮ่องกงและอุปกรณ์ 33,000 บาท (หากต้องการเมนูเครื่องดื่มด้วย จะมีแพคเกจเสริมราคา 23,000 - 33,000 บาท)
3.ค่าบูธ / ค่าก่อสร้างตกแต่งร้าน คิดตามจริง (ขึ้นกับขนาดพื้นที่)
รูปแบบการลงทุน (ค่าก่อสร้างตกแต่ง)
1.พื้นที่ 4-6 ตรม. มีบูธ หรือ เคาเตอร์อยู่แล้ว ทำเฉพาะป้ายหรือสติกเกอร์ไปตกแต่ง 10,000-30,000 บาท
2.พื้นที่นอกอาคาร หรือ กลางแจ้ง (พื้นที่ 4-6 ตรม.)
2.1คีออสมาตรฐาน 26,000-100,000 บาท
2.2 ซุ้มขายอาหารกลางแจ้ง 90,000-150,000 บาท
3.พื้นที่ในอาคาร หรือ ในห้าง (พื้นที่ 4-6 ตรม.)
3.1 คีออสมาตรฐาน 26,000-100,000 บาท
3.2 คีออสพรีเมียม 120,000-150,000 บาท
3.3 เป็นห้อง 20,000-200,000 บาท
4.พื้นที่เปล่า/ตึกแถว (7-15 ตรม. ขึ้นไป) 200,000-450,000 บาท
แฟรนไชส์มารุ วาฟเฟิล เหมาะกับใคร
1.สำหรับแม่ค้ามือใหม่ พึ่งหัดขาย
2.สำหรับแม่ค้ามืออาชีพที่มีหน้าร้านอยู่แล้ว แต่ต้องการสั่งซื้อแป้งวาฟเฟิลฮ่องกงที่ทำง่ายๆ มีวิธีการทำที่ไม่ยุ่งยาก
3.สำหรับผู้ที่มีร้านกาแฟหรือร้านอาหาร และ อยากเพิ่มเมนูวาฟเฟิลฮ่องกงไว้ในร้าน นอกจากนี้ถ้าหากร้านค้าทำไม่เป็นจะมีทีมงานให้คำปรึกษา
ที่มา : ThaiFranchiseCenter
ติดต่อแฟรนไชส์
Facebook : Maru Waffle แฟรนไชส์วาฟเฟิลฮ่องกง
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *