การเริ่มต้นธุรกิจด้วยการส่งสินค้าไปขายต่างประเทศ ปัจจุบันไม่ได้ยากเหมือนในอดีต เพราะมีแพลตฟอร์มช่องทางออนไลน์มาเป็นตัวกลาง ที่ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีหน้าใหม่ สามารถเป็นผู้ส่งออกได้ เพียงแค่ข้ามคืน อย่างเช่น ตัวอย่างผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายนี้ ที่เริ่มต้นการส่งออกสินค้า จากการนำสินค้าไปวางขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ มาร์เก็ตเพลสชื่อดังรายหนึ่ง ก่อนโควิดมีออเดอร์ ผลไม้อบแห้งมากกว่า 10 ประเทศ มีการส่งออกเดือนหนึ่งถึง 1 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือ มากถึง 20 ตัน
จิรวัฒน์ ตระกูลอภิรักษ์ ห้างหุ้นส่วนจำกัดเฮลท์ฮีลลิ่งโปรดักส์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลไม้อบแห้ง เล่าว่า ตนเองเริ่มต้นทำธุรกิจ ส่งออกผลไม้อบแห้ง เมื่อปี 2019 จุดเริ่มต้นที่มาทำ ก็มาจากเดิมทำงานบริษัทโฆษณา ทำมาได้ประมาณ 10 ปี เบือกงานที่ทำ ก็เลยมองหาอาชีพอื่น ที่ทำให้เราสามารถเป็นนายตัวเองได้ พอดีแฟนเป็นคนจังหวัดลำพูน กลับมาบ้านแฟนเห็นว่า จังหวัดลำพูนมีผลไม้เยอะ น่าจะทำผลไม้อบแห้งส่งต่างประเทศ หลังจากนั้น เริ่มทดลองทำ ในครั้งแรก ที่ทำจะมีผลไม้ประเภทลำไย และลิ้นจี่ เพราะที่ลำพูนมีผลไม้สองชนิดนี้เยอะ และต่อมาค่อยเพิ่ม เป็นผลไม้ชนิดอื่นๆ ที่ หาได้ในพื้นที่ เช่น มะม่วง สับปะรด มะละกอ เปลือกส้มโอ ขิง เป็นต้น
ในส่วนของแผนการทำตลาด จิรวัฒน์ เจ้าของเฮลท์ฮีลิ่ง โปรดักส์ ได้กล่าวถึงแผนการตลาดไว้อย่างน่าสนใจ สำหรับคนที่เริ่มต้นทำธุรกิจส่งออก คือ ในตอนนั้น ย้อนกลับไป สัก 6-7 ปี การทำตลาดส่งออกเริ่มง่ายขึ้น เพราะมีช่องทางตลาดออนไลน์ ที่ไม่ต้องใช้เงินทุนเยอะมาก ไม่ต้องบินไปพบลูกค้า เพียงแค่อาศัยแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่ออกแบบมาช่วยให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย โดย คุณจิรวัฒน์ เลือกแพลตฟอร์ม อาลีบาบา Alibaba
นายจิรวัฒน์ เล่าว่า โดยในครั้งแรกเลือกลงขายกับในแบบของต้องจ่ายเงินให้ทางแพลตฟอร์มอาลีบาบา เป็นจำนวน 50,000-60,000 บาทต่อปี ในการนำสินค้าไปวางจำหน่ายในแพลตฟอร์มดังกล่าว เหมือนกับการทำ Business Matching เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการได้เป็นผู้ส่งออกอย่างเต็มตัว หลังจากมีออเดอร์เข้ามาสั่งสินค้า โดยส่วนใหญ่จะเป็นประเทศในแถบยุโรป เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และประเทศในแถบตะวันออกกลาง รวมถึงประเทศในเอเชีย อีกหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฯลฯ รวมมากกว่า 10 ประเทศ
ทั้งนี้ ได้ทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าว มาสักระยะหนึ่ง ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเริ่มเป็นลูกค้าประจำสั่งซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง ตอนนั้นมีออเดอร์จากลูกค้าประจำเหล่านี้ ประมาณ 5-10 ตันต่อเดือน ก่อนเกิดโควิดมีออเดอร์ประมาณ 18-20 ตัน เดือนหนึ่งประมาณ 1 ตู้คอนเทนเนอร์ ตอนนั้นเริ่มคิดว่า คิดว่า ต้องเสียค่าใช้จ่ายปีละ 50,000-60,000 บาท ค่อนข้างสูงสำหรับเรา ก็เลยยกเลิก หันมาทำตลาดเอง โดยเน้นขายผ่านช่องทางเวบไซต์ โดยได้ลูกค้าจากการค้นหาทาง GOOGLE เริ่มได้ลูกค้าใหม่ เพิ่มเข้ามา
โดยตลาดไปด้วยดี จนกระทั่ง เมื่อได้มาเจอกับสถานการณ์โควิด ออเดอร์ค่อยลดลงไปเรื่อย จนสุดท้ายเหลือ เดือนหนึ่งไม่ถึง 500 กิโลกรัม พอเจอสงครามอีก ลูกค้าหายเกือบหมด ตอนนี้ลูกค้าก็เริ่มกลับมาบ้าง แต่ก็น้อยมาก ไม่ถึง 10-15% เมื่อเทียบกับก่อนโควิด โดยได้ลูกค้าจากประเทศจีน ไต้หวัน ประมาณ 50% ยุโรป ตะวันออกกลาง อิหร่าน ประมาณ 30% สินค้าหลักที่สั่ง คือ ขิงอบแห้ง สับปะรด และเปลือกส้มโอ มะม่วง
การแข่งขันในธุรกิจนี้ มีสูงมาก ประเทศไทยมีหลายบริษัท และยังมีประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม มาเลเซีย มีการส่งผลไม้อบแห้งเหมือนกับเราเช่นกัน แต่สินค้าที่ไทยยังไปได้และคู่แข่งน้อย คือ ขิงอบแห้ง และเปลือกส้มโออบแห้ง ปัญหาของเราตอนนี้ คือ วัตถุดิบมีราคาเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องขายราคาแพงขึ้น ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านสามารถขายได้ในราคาที่ถูกกว่า เพราะค่าแรงถูกกว่า วัตถุดิบราคาถูกกว่า ตอนนี้ นอกจากตลาดต่างประเทศ เริ่มหันมาทำแบรนด์ภายในประเทศ โดยมีการนำมะม่วงไปวางขายในโมเดิร์นเทรด ด้วย
ติดต่อ โทร. 09-5492-3932