xs
xsm
sm
md
lg

รับเทศกาลสงกรานต์ วันผู้สูงอายุแห่งชาติ รวมอาชีพผู้สูงอายุ วันนี้กลายเป็นคนดังบนโลกออนไลน์ไปแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ วันขึ้นปีใหม่ของไทย ตรงกับวันที่ 13-15 เมษายน ของทุกปี และรัฐบาล ก็ยังได้กำหนดให้วันที่ 13 เมษายน ของทุกปี นอกจากจะเป็นวันสงกรานต์แล้ว ก็ยังเป็นวันผู้สูงอายุ ทีม SMEsผู้จัดการ ได้คัดเลือกผู้สูงอายุ ที่แม้ว่าจะอายุ กว่า 80 ปี แต่ก็ยังทำงานสร้างอาชีพ สร้างรายได้เลี้ยงตัวเองได้ไม่แพ้กับคนวัยทำงาน จนหลายคนทึ่ง กับคุณตา คุณยายเหล่านั้น ว่าทำได้อย่างไร เป็นแบบอย่างของคนสู้ชีวิตที่ยอมพ่ายแพ้

คุณยายบุญมา อู่รอด
ขนมหม้อแกงเตาฟืนสูตรโบราณ “ยายบุญมา” วัย 83 ปี

เริ่มจาก คุณยายบุญมา อู่รอด วัย 83 ปี เจ้าของขนมหม้อแกงเตาฟืน สูตรโบราณ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ยายขายขนมหม้อแกง ตั้งแต่สาว จนปัจจุบันอายุล่วงเลยมากกว่า 80 ปี โดยที่ยายเองก็ยังคงสูตรการทำขนมหม้อแกงแบบโบราณที่ใช้การอบด้วยเตาฟืน และกาบมะพร้าว เหมือนในอดีตที่คนโบราณเค้าทำกัน ส่วนสูตรและขั้นตอนการทำก็เป็นสูตรโบราณ ยายเองแก่ก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษตกทอดกันมา

ยายบุญมา เล่าว่า สูตรการทำขนมหม้อแกงโบราณของยาย ตกทอดกันมานับร้อยๆปี โดยในสมัยสาว ยายของยายอีกทีหนึ่ง แก่ทำขนมหม้อแกง ขายแบบนี้แหละ และแก่ก็สอนให้เราทำ ยายก็เลยทำเป็น ในอดีตทำด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ มะพร้าว แป้ง ก็ต้องทำเอง โดยยายเองก็ยังคงทำแบบใช้วัตถุดิบตามธรรมชาติ แต่ในส่วนแป้ง ยายไม่ได้ทำเอง เป็นแป้งสำเร็จรูป แทน แต่มะพร้าวยายทำเอง ตั้งแต่การขูดมะพร้าว ด้วยกระต่ายขูดมะพร้าว รสชาติที่ออกมาจะมีความเป็นธรรมชาติเหมือนสูตรหม้อแกงดั้งเดิมโบราณอยู่ ในส่วนของการอบขนม ตรงนี้แหละที่ทำให้หลายคนทึ่ง เพราะ ยายแก่ยังคงอบขนมแบบโบราณ ซึ่ง ใช้ฟืน และกาบมะพร้าวเท่านั้น


สำหรับลูกค้าขนมหม้อแกงของยายบุญมา ต้องบอกว่า ไม่ธรรมดา ปัจจุบัน คนรู้จักยายบุญมาขนมหม้อแกงโบราณ ศรีสัชนาลัยกันเยอะมาก เพราะเรื่องราวการทำขนมหม้อแกงของยายบุญมา ถูกชาวโซเชียลฯ นำไปบอกเล่ากันผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะภาพของการอบขนมด้วยกาบมะพร้าว หลายคนได้เห็นก็เลยตามมากินขนมหม้อแกงยายบุญมา แม้ว่าจะอยู่ในจังหวัดอื่นๆ ก็ยังคงที่จะเดินทางมาเพื่อซื้อขนมหม้อแกงยายบุญมา

อย่างไรก็ดี ต้องบอกว่า ถ้าไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้จริง ๆ คงไม่มีใครดั้นด้น เดินทางไปหาคุณยาย เพื่อซื้อขนมหม้อแกง เนื่องจากยายแก่ขายอยู่หน้าบ้าน ที่ไม่ได้ติดกับถนนใหญ่ ต้องเดินทางเข้าไปในหมู่บ้านที่เป็นถนนซอยเล็กในชนบทยังไม่ได้แม้กระทั่งลาดยางเลย ซึ่งถ้าไม่อร่อยจริงก็คงจะไม่มีใครเดินทางมากินอย่างแน่นอน ส่วนยอดขายขนมหม้อแกงของยายบุญมา ก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา บางวันขาได้หลักหลายร้อยถาด เพราะหลายคนได้ชิมชื่นชอบ ก็จะกลับมาซื้อซ้ำอีก

นายศรีเมือง ทรรทุลานนท์
ช่างแกะลายเครื่องปั้นดินเผาเกาะเกร็ด “ ลุงอู๊ด” ในวัย 83 ปี”

นายศรีเมือง ทรรทุลานนท์ (ลุงอู๊ด)วัย 83 ปี จากศูนย์หัตถกรรมเครื่องปั้นดินเผา เกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และลุงอู๊ด ยังได้รับเลือกให้เป็นครูศิลป์แห่งแผ่นดิน ประจำปี 2561 เล่าว่า ตนเองทำงานแกะลายเครื่องปั้นดินเผามาจากครูพักลักจำ ไม่ได้ไปเรียนที่ไหนมา ลวดลายต่างๆ ที่ทำขึ้นมาก็มาจากการคิดและออกแบบขึ้นมาจากจินตนาการ และอีกส่วนหนึ่ง ก็ไปถ่ายรูปเอามาจากที่หน้าบันในโบสถ์ตามวัด ก็นำมาปรับเพื่อใช้กับการออกแบบเครื่องปั้นดินเผาของตนเอง ซึ่งการทำเครื่องปั้นดินเผาเกาะเกร็ดทำมาช้านานนับร้อยปี ในสมัยก่อนงานช่างไม่ได้ละเอียดแบบนี้ เพราะเครื่องปั้นดินเผาที่ทำขึ้นมา เน้นนำไปใช้งาน ไม่ได้เหมือนปัจจุบันซื้อไปเป็นของที่ระลึก เป็นของฝาก ชิ้นงานต้องมีความละเอียดสวยงาม


สำหรับลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของลุงอู๊ด คือ ลายบัว ด้วยความที่ลุงคิดและออกแบบการสร้างลวดลายเอง เครื่องไม้เครื่องมือที่นำมาใช้สำหรับงานแกะสลักของลุงอู๊ด แก่ก็ออกแบบเองเช่นกัน โดยหาจากสิ่งที่อยู่รอบตัว เช่น หลอดพลาสติก ไม้เสียบลูกชิ้น แกนพัดลม หรือ แม้แต่ลูกกลิ้งผ้า ของภรรยาแก่ ก็ถูกนำมาเป็นเครื่องมือในการแกะสลักลายเครื่องปั้นดินเผาสวยๆที่เราเห็นเป็นของดี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ที่หลายคนซื้อไปเป็นของที่ระลึก

นายศรีเมือง (ลุงอู๊ด) บอกว่า แม้ว่าตนเองจะอายุเข้าวัย 80 ปี แต่การทำงานตรงนี้ไม่ได้กระทบกับสุขภาพ ตรงกันข้าม ช่วยให้เราได้มีสุขภาพที่ดีขึ้น เพราะเป็นการทำงานศิลปะ ช่วยในการฝึกสมาธิเป็นงานละเอียด อาจจะต้องมีการใช้สายตาบ้าง ฝึกความใจเย็น ไม่ให้เกิดอาการหลงลืม หรือ อัลไซเมอร์ ได้ ซึ่งลุงเองไม่ได้มองว่าเป็นการทำงานต้องหาเงินเยอะๆ แต่เป็นการทำงานเพื่อให้มีกิจกรรมทำในวัยสูงอายุ และมีรายได้ มาช่วยจุนเจือครอบครัวและใช้จ่ายสำหรับตัวเองในวัยสูงอายุ แบบนี้ ทั้งนี้ ต้องบอกว่า เครื่องปั้นดินเผาเกาะเกร็ดที่แกะลายละเอียดสวยๆ แบบนี้ ราคาไม่ธรรมดาจริง น่าจะสร้างรายได้ให้กับลุงอู๊ด ได้ดีเช่นกัน

นายสมศักดิ์ ดงกระโทก
“ลุงเปี๊ยก” ขนมไทยเมืองโคราช วัย 64 ปี
โดดเด่นรถและชุดแต่งมาขายขนม

นายสมศักดิ์ ดงกระโทก ลุงเปี๊ยกขนมไทยเมืองโคราช เวลานี้ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะรถขนมของลุงเปี๊ยกขับผ่านไปเส้นไหน คนก็ต้องหันมามอง เพราะการออกแบบรถที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร และ การแต่งกายของลุงเปี๊ยกที่แก่จะนำชุดไทยแบบต่าง ๆ มาสวมใส่ หรือ บางวันแก่นำชุดที่เคยใส่ทำงานในอดีตมาแต่ง เช่น ชุดสูทผูกเน็กไท สวมใส่ขายขนม โดยลุงเปี๊ยกแก่ออกมาขับรถตระเวนขายขนมแบบนี้แทบทุกวัน จนเป็นที่คุ้นตาของคนในย่านนั้น และ ด้วยบุคลิกและความเป็นกันเอง บวกกับรสชาติของขนม ที่นำมาขาย ทำให้เวลานี้ ลุงเปี๊ยกแก่เป็นเซเลบริตี้ขนมไทย ของเมืองโคราชไปแล้ว ใครมาโคราช ต้องขอเจอลุงเปี๊ยกเพื่อขอซื้อขนมของลุงกินสักครั้ง และมาถ่ายรูปคู่กับรถ และลุงเปี๊ยก นำไปอวดบนโลกโซเชียลฯ

สำหรับรสชาติของขนมที่เรียกว่า ตอนนี้ โดนใจคนโคราช และคนชอบคนไทยไปแล้ว มาจากฝีมือการทำขนมของภรรยาลุงเปี๊ยก ซึ่งได้รับการถ่ายทอดสูตรการทำขนมไทย โดยเฉพาะขนมใส่ไส้ ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก วันหนึ่งขายเป็นหลักพันห่อ มาจากฝีมือภรรยาลุงฯ ภรรยาของลุงเปี๊ยก บอกว่า สูตรขนมมาจากยาย ในอดีตยายแก่ก็เคยไปอยู่กับเจ้านายชั้นสูง เขาก็นำสูตรขนมชาววังมาถ่ายทอดให้กับคุณยาย และตนเองก็ได้รับการถ่ายทอดสูตรการทำขนมแบบชาววังมาจากคุณยาย อีกทอดหนึ่ง ทำให้ขนมของเรามีรสชาติในแบบฉบับกลิ่นอายของชาววังอยู่ด้วย

“ยายสวิง” หรือ “นางสะหวิง แสงผึ้ง”
ส้มตำไก่ย่าง ยายสวิง วัย 90 ปี หาดแม่รำพึง จ.ระยอง

ปิดท้ายคนสำคัญ ถ้าไม่พูดถึงไม่ได้ในเวลานี้ คือ “ยายสวิง” หรือ “นางสะหวิง แสงผึ้ง” แม่ค้าส้มตำที่อายุเยอะที่สุดก็น่าจะไม่ผิด เพราะปัจจุบัน ยายอายุถึง 90 ปี เป็นเจ้าของรถเข็นขายส้มตำ ริมหาดแม่รำพึง จังหวัดระยอง วันนี้ คุณยายโด่งดังมาก มียูทูบเบอร์หลายรายการนำชีวิตของคุณยายมาเผยแพร่ทางช่องของตนเอง จนโด่งดัง และมีสื่อหลายสำนักเคยนำเรื่องของยายสวิงมานำเสนอด้วยเช่นกัน

สำหรับประวัติของยายสวิง วัย 90 ปี เดิมยายเป็นคนจังหวัดพิจิตร พอมีครอบครัวก็ย้ายตามสามีมาตั้งรกรากอยู่ที่จังหวัดระยอง และวันหนึ่งสามียายเสียชีวิต ทำให้ยายก็เลยต้องออกมาหาเงินเลี้ยงครอบครัว โดยทำร้านรถเข็นขายยส้มตำ ไก่ย่าง ริมหาดแม่รำพึง ซึ่งยายมีลูกสาวหนึ่ง เขาก็มีภาระที่ต้องดูแลครอบครัว และดูแลลูกที่ป่วย ยายก็ไม่อยากจะไปเป็นภาระให้ใครก็เลยยังคงขายส้มตำ ไก่ย่างแบบนี้ไปเรื่อย

โดยทุกเช้ายายตื่นตั้งแต่ ตี 5 เพื่อเตรียมของเพื่อจะไปขาย ด้วยความที่ยายอยู่คนเดียวทุกอย่างก็ต้องทำเองทั้งหมด ยายสวิงบอกว่า ตนเองยังทำไหว ก็ทำไปเรื่อยๆเพราะไม่อยากอยู่เฉยๆ ได้มาขายของก็มีความสุขดี ได้เจอะเจอลูกค้าที่มาอุดหนุนทุกวัน ได้พูดคุยทำให้มีความสุข ยายไม่เบียดเบียนใคร ลูกค้าที่มาอุดหนุนก็เป็นขาประจำ มาถึงร้านก็ตำส้มตำเอง ย่างไก่เอง ยายไม่หวง ยายตามใจ มาตำเองยายก็ไม่เหนื่อย เมนูที่ยายขาย มีส้มตำ ไก่ย่าง ฯลฯ แต่ต้องบอกว่า ทุกคนไม่ได้มากินส้มตำของยายสวิง เพราะรู้สึกสงสารแก่เท่านั้น แต่รสชาติการตำส้มตำ ไก่ย่าง ของยายไม่แพ้ใครเช่นกัน



กำลังโหลดความคิดเห็น