คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีสำหรับแบรนด์ขนมไทยอย่าง “แม่สุนีย์” ที่โลดแล่นในร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่น อีเลฟเว่นมานานกว่า 10 ปี โดยมีจุดเริ่มต้นที่มาจากการเป็นผู้ประกอบการสินค้าโอท็อปแต่ต่อยอดธุรกิจสู่ร้านสะดวกซื้อ พร้อมทั้งทำการตลาดและยกระดับขนมไทยให้แปลกใหม่ เอาใจสายหวานและคนรุ่นใหม่ เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่น่าจับตามองเพราะทางแบรนด์ตั้งเป้าและนำสินค้าพุ่งชนไปที่เซเว่นฯ เพียงเจ้าเดียวเพราะมองเห็นช่องทางและโอกาสในการทำธุรกิจให้เติบโต
นายก้องปพัฒน์ เรืองจินดาชัยกิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เจ เอช แอนด์ สโนว์ กรุ๊ป จำกัด เล่าว่า ตั้งใจนำสินค้าเข้าไปเสนอขายกับทางเซเว่น อีเลฟเว่น เพราะคิดว่าเซเว่นฯ มีส่วนช่วยผู้ประกอบการสินค้า SME ซึ่งในช่วงแรกที่นำสินค้าเข้าไปเสนอขายยังไม่มีชื่อแบรนด์ ทางเซเว่นฯ ก็แนะนำให้มีชื่อแบรนด์เพื่อจะได้เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ทางแบรนด์กลับมาตั้งชื่อให้กับแบรนด์ของตัวเองและได้ข้อสรุปคือชื่อแบรนด์ “แม่สุนีย์”
จากสินค้าโอท็อปสู่ร้านสะดวกซื้อใช้เวลาในการดำเนินการกว่า 1 ปี และปัจจุบันขนมไทยแม่สุนีย์ถูกวางขายในร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่นกว่า 10 ปี มีสินค้าทั้งหมด 13 SKU ทั้งนี้ก่อนจะเริ่มขายขนมไทยทางแบรนด์เป็นผู้ประกอบการขายไอศกรีมเกล็ดหิมะ ซึ่งเป็นสินค้าโอท็อปมาก่อน แต่เนื่องด้วยมีความต้องการพัฒนาแบรนด์ให้เติบโตจึงมองหาโอกาสและช่องทางในการขยายธุรกิจ ร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่น อีเลฟเว่น เป็นที่ต้องการอย่างมาก ดังนั้นจึงตั้งใจนำเอาสินค้าเข้าไปเสนอขายเพียงเจ้าเดียว และสินค้าแรกที่นำเข้าไปเสนอขายให้กับเซเว่น อีเลฟเว่น คือ เมนู “กล้วยบวชชี”
ความท้าทายของการผลิตขนมไทยที่มีส่วนผสมของกะทิรวมอยู่ด้วย ทางแบรนด์เปิดเผยข้อมูลว่าใช้เวลาในการทดลองนานพอสมควรจึงได้สูตรที่ลงตัวและสามารถเก็บรักษาในตู้เย็นได้นานหลายวัน ซึ่งในการทดลองทางเซเว่น อีเลฟเว่นก็มีส่วนสนับสนุนและให้คำปรึกษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีนั่นเอง นอกจากนี้เมนูขนมหวานที่ขายดีและได้รับความนิยมมากที่สุดคือ เต้าส่วนทรงเครื่องและกล้วยปิ้งชิ้น
ขนมไทยแช่แข็งที่ถูกวางขายในร้านสะดวกซื้อแต่สามารถอุ่นร้อนและกินได้เลยนั้นจะมีรสชาติที่แตกต่างกว่าขนมไทยแช่แข็งที่ถูกส่งขายในต่างประเทศ นอกจากนี้ขนมไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีวัตถุดิบที่หลากหลาย เช่น มะพร้าว เผือก ใบเตย มัน และกล้วยน้ำว้า เมื่อนำมาแปรรูปแล้วจะสามารถดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี เนื่องจากวัตถุดิบดังกล่าวหาได้ยากในต่างประเทศ ทำให้ขนมไทยกลายเป็นซอฟพาวเวอร์ที่กลายเป็นอำนาจของไทยในตลาดเพื่อดึงลูกค้าเข้ามา ซึ่งการร่วมมือกับทางเซเว่น อีเลฟเว่น เป็นโอกาสในการกระจายสินค้าให้ผู้บริโภคสามารถรับประทานขนมไทยได้ในเวลาและอุณหภูมิเท่ากัน
ทั้งนี้ผู้ประกอบการจะอยู่ได้อย่างไรถ้าหากเกิดการแข่งขันที่สูงในตลาด ทางแบรนด์เปิดเผยว่าการที่ผู้ประกอบการจะสามารถเติบโตและอยู่ในตลาดได้นั้นจะต้องเกิดการซื้อซ้ำจากพฤติกรรมลูกค้า เพราะฉะนั้นจุดแข็งของขนมไทยแม่สุนีย์จะต้องมีคุณภาพและมีรสชาติที่อร่อย และพัฒนาให้เกินมาตรฐานอยู่เสมอ พร้อมทั้งทำการตลาดด้วยการออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่เดือนละ 1 ตัว เพื่อตอบรับกับแคมเปญต่างๆ พร้อมทั้งแตกไลน์การผลิตจากเดิมมีเพียงขนมไทย แต่ปัจจุบันมีสินค้าประเภทขนมหวานเพิ่มเข้ามาเพื่อสนองความต้องการกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น
สำหรับวัตถุดิบต่างๆ ที่นำมาผลิตเป็นขนมไทยและขนมหวาน ทางแบรนด์จะรับจากเกษตรกรในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งทางแบรนด์ใช้วัตถุดิบอย่างกล้วยใน 1 วันประมาณ 7 ตันและใน 1 ปี ใช้ไปทั้งหมด 3,000 ตัน ทำให้เกิดการร่วมมือกับเกษตรกรและเป็นอีกหนึ่งช่องทางการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร นอกจากนี้กำลังการผลิตทั้งหมดจาก 13 SKU ที่ผลิตและส่งขายให้กับเซเว่น อีเลฟเว่น อยู่ที่ประมาณวันละ 70,000 ชิ้น
อย่างไรก็ตามการตั้งเป้าหมายและพุ่งชนในการทำธุรกิจพร้อมทั้งสร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์และสำรวจความต้องการของลูกค้าในตลาดถือเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องศึกษาและลงมือทำอย่างชัดเจน ซึ่งแบรนด์ “ขนมไทยแม่สุนีย์” เป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการ SME ที่เริ่มต้นจากการเป็นสินค้าโอท็อป แต่เติบโตและผลักดันสินค้าอย่าง “ขนมไทย” ให้โลดแล่นในตลาดได้เป็นอย่างดี การันตีด้วยยอดขายของปี 2566 อยู่ที่ 260 ล้านบาท
ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook : แม่สุนีย์ ขนมไทย
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *
