คุณเม -ณปภัช วรปัญญาสถิต เจ้าของบริษัททัวร์ Be Your Travel แฟรนไชส์ชานมแอมที แฟรนไชส์เจ้พงษ์ลูกชิ้นยืนกินบุรีรัมย์ ร้านโปรดของน้องลิซ่าแบล็กพิงค์ และ ร้าน Er Te Café ร้านชานมและเค้ก ล่าสุดหันมาจับแฟรนไชส์อาหารในชื่อ “39Ramen” เปิดได้ 6 เดือนขยายไปแล้วกว่า 20 สาขา จุดขายอยู่ที่เป็นราเมนที่ราคาถุกกว่ากินก๋วยเตี๋ยวในราคาชามละ 39 บาท
สำหรับที่มาของการมาเปิดแฟรนไชส์ 39Ramen "เม -ณปภัช วรปัญญาสถิต" เล่าว่า ตอนที่ทำแฟรนไชส์ชานมและลูกชิ้น เรามองหาธุรกิจอาหาร นั่งกินที่ร้าน โดยไม่ต้องอาศัยเชฟก็เปิดร้านอาหารได้ เจ้าของร้านปรุงเสิร์ฟเองได้ เพราะเราเป็นคนทำอาหารไม่เก่งและไม่มีความรู้ด้านนี้ จนได้พบพาร์ทเนอร์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาหาร เค้ามีครัวกลางและทำร้านอาหารที่เป็นรูปแบบบุฟเฟ่ต์อยู่แล้ว
โดยได้ไอเดียว่าอยากทำราเมนในราคา 39 บาท เมไปศึกษาตลาดราเมนพบว่าแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จมีอยู่ไม่กี่แบรนด์ เฉพาะร้านราเมนที่รายงานยอดขายกับกระทรวงพาณิชย์อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท ราเมนเจ้าใหญ่ในตลาดแบรนด์หนึ่งกินส่วนแบ่งไปแล้ว 2,000 กว่าล้านบาท เรามองว่ามันเป็นโอกาส ขอส่วนแบ่งแค่ 10% ของ 2,000 ล้านบาทก็พอ จึงเกิด “39Ramen” ขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2566 เปิดสาขาแรกที่ซอยอารีย์ เริ่มทำแฟรนไชส์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2566
ทั้งนี้ ตอนช่วงโควิด ที่ผ่านมา ได้ประสบการณ์ เพราะธุรกิจแฟรนไชส์ที่เราทำตอนนั้นเติบโตไวมาก เพราะคนมองหางานมองหาอาชีพเสริมกัน การเติบโตอย่างรวดเร็วทำให้หลังบ้านของเรายังไม่แข็งแรง เป็นบทเรียนที่พอมาทำ 39Ramen เราพยายามไม่ให้โตไวเกินไป ตอนที่เปิดตัว 39Ramenใหม่ก็ได้รับความนิยม จากบล็อกเกอร์ที่มาขอรีวิว และลูกค้าตามมากิน แต่สุดท้ายความไม่พร้อมของหลังบ้าน ทำให้มีคอมเมนต์ที่ไม่ดีออกมาบ้าง แต่ในส่วนของรสชาติไม่ได้มีคอมเมนท์ที่ไม่ดี ช่วงนั้นได้หยุดขายแฟรนไชส์ไปช่วงหนึ่ง เพื่อกลับมาเซ็ตระบบหลังบ้านใหม่ ปัจจุบันมีทีมทำงานหลังบ้านที่พร้อมซัพพอท ทั้ง Franchise Manager ทีม QC & Training ทีม R&D ทีมสต็อกสินค้า ทีมจัดส่งสินค้า ฯลฯ พร้อมให้บริการลูกค้าแฟรนไชส์
สำหรับราคา 39 บาท มาจากต้องการที่จะทำให้ 39Ramen เข้าถึงง่าย เจาะกลุ่มทุกเพศทุกวัย เราโฟกัสไปที่คนทำงาน นั่นคือเหตุผลที่เปิดสาขาแรกที่อารีย์ แต่พอเลือกทำเลย่านออฟฟิศปรากฏว่ามีทั้งนักเรียน พ่อแม่ วัยทำงานที่เป็นลูกค้าเรา เลยมองว่าราเมนของเราเหมาะกับทุกกลุ่ม แต่พอตั้งราคา 39 บาท ก็มีคนที่ไม่กล้ากิน ซึ่งจริง ๆแล้วมันคือราเมน 80 บาท ชามใหญ่นั่นแหละ แต่เราเอาชาม 80 บาท มาลดหั่นครึ่งหนึ่งในไซส์เล็ก เพราะมองว่าคนส่วนใหญ่อยากกินหลายซุป ทำไมต้องบังคับให้เค้ากินแค่ซุปเดียว ราเมนเหมือนร้านก๋วยเตี๋ยวที่หากินได้ตามข้างทางในญี่ปุ่น แต่เมืองไทยยกระดับราเมนต้องขึ้นห้าง ชามละ 200-300 บาท เรารู้สึกว่าราคามันสูงเกินไป จึงอยากทำราเมนให้เข้าถึงง่าย เป็นร้านคีออสเล็ก ๆ ขนาด 2x2 เมตร หรือ 3x3 เมตร สามารถยืนกิน เดินกิน หรือซื้อกลับไปกินที่บ้านได้
ในส่วน 39Ramen เป็นราเมนเส้นสดคัดสรรวัตถุดิบนำเข้าจากญี่ปุ่น โดยนำเข้าแป้งจากญี่ปุ่นมาประกอบร่างในเมืองไทย ทำให้ราคาจับต้องได้ ความอร่อยนุ่มเหนียวของเส้นเทียบเท่าราเมนญี่ปุ่นแท้ แพ็คเกจแฟรนไชส์อยู่ที่ 99,990 บาท ได้อุปกรณ์พร้อมวัตถุดิบ และการเทรนนิ่งรวม 3 วัน 39Ramen มีน้ำซุปให้เลือก 4 รสชาติ ได้แก่ ซุปมิโซะ ซุปทงคัตสึ ซุปโซยุ และ ซุปต้มยำ นอกจากเมนูราเมนแล้วยังมีเมนูข้าวหน้าดงบุริ ให้เลือกกว่า 9 เมนู อาทิเช่น ข้าวหน้าลาวามันกุ้ง ข้าวหน้าปลาซาบะย่างราดซอสเทอริยากิ ข้าวหน้าปลาซาบะย่างราดซอสจิ้มแจ่ว ข้าวหน้าหมูราดซอสเทอริยากิ ข้าวหน้าหมูราดซอสจิ้มแจ่ว ข้าวหน้าหมูราดซอสโคชูจัง ข้าวหน้าไก่ย่างราดซอสเทอริยากิ ข้าวหน้าไก่ย่างราดซอสจิ้มแจ่ว และ ข้าวหน้าไก่ราดซอสโคชูจัง ในราคาเริ่มต้น 49 บาท 39Ramen ใช้เวลาคืนทุนประมาณ 6 เดือนขึ้นไป อย่างสาขาต้นแบบประมาณ 4 เดือนก็คืนทุนแล้ว
คุณเม ได้เปิดมุมมองแง่คิดสำหรับคนทำธุรกิจและเอสเอ็มอีในเมืองไทย ว่า ตนเองเป็นคนเดินทางมาแล้วมากมาย เห็นว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว ธุรกิจเอสเอ็มอีประเทศเค้าเติบโตมาก เช่น จีน ญี่ปุ่น อเมริกา ในขณะที่เมืองไทยธุรกิจเอสเอ็มอี จีดีพีน้อยนิด จีดีพีส่วนใหญ่ของประเทศไปอยู่กับบริษัทยักษ์ใหญ่ไม่กี่สิบบริษัท เมื่อเราพบวิกฤตโควิด-19 จึงได้รับผลกระทบรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา ที่เมมุ่งมั่นหันมาทำแฟรนไชส์เพราะรู้สึกว่า เราจะเป็นตัวหนึ่งที่อาจพอจะช่วยขับเคลื่อนให้จีดีพีของประเทศมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นบ้าง ถ้ามีคนคิดแบบนี้และมาช่วยกันทำเหมือนที่เราทำ ก็จะทำให้เอสเอ็มอีไทยแข็งแรง สามารถขยายเติบโตได้ วันข้างหน้าอาจมีธุรกิจเอสเอ็มอีเมืองไทยที่เติบโตในต่างประเทศได้อีกมากมาย
ติดต่อโทร. 081-325-1863 (คุณอ้อย) Line official @39ramen