xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) ลงทุน 30 กว่าล้านปัจจุบันได้คืนทั้งหมดแล้ว! เลี้ยง “ควายปลักไทย” สร้างรายได้ทุกวัน ขายลูก น้ำเชื้อ นม ปุ๋ย และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ดั้งเดิมเราจริง ๆ เป็นฟาร์มวัวมาก่อนฟาร์มวัวเนื้อแต่ว่าประสบปัญหาด้านการตลาดก็เลยต้องเปลี่ยนแนวคิดใหม่ มาเลี้ยงควายปลักไทยที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในโลกมีความทนต่อ โรค กินหญ้า อัตราแลกเนื้อที่ดี แรงงานก็ได้ สวยงามดี แล้วก็มี “น้ำนม” ที่ดีอีกด้วย


คุณพรหมพิริยะ สอนศิริ เจ้าของ “สอนศิริฟาร์มควายไทย” บอกว่า สัตว์พันธุ์พื้นเมืองที่สามารถทำคุณประโยชน์หรือว่ามีพลังที่ได้มากกว่าวัวเนื้อที่ตนเองเคยเลี้ยงมาก่อนหน้า ควายปลักไทยที่กำเนิดอยู่ในเมืองไทยแล้วมีดี ดีที่สุดในคำว่า Swamp Buffalo ในโลกนี้ควายไทย “ดีที่สุดในโลก” แรก ๆ เราเริ่มต้นจากการเลี้ยงควายไทย หรือควายปลักไทย อยู่ประมาณ 40 ตัวเราก็คิดว่าถ้าเราจำหน่ายพันธุกรรมอย่างเดียว พันธุกรรมของควายซึ่งจะจำหน่ายได้ตอนสมัยนั้นคือ เราจะไปหาซื้อควายยังไม่มีใครอยากขายให้เราเลย เราแค่คิดว่าอยากจะทำพันธุกรรมจำหน่ายให้กับเกษตรกร ขยายก่อนแต่ว่าการขยายก่อนนั้นกว่าที่เราจะเลี้ยงจำหน่ายพันธุกรรมได้ เราต้องใช้ระยะเวลาถึง 2-3 ปีในช่วงของการเริ่มต้น มันถึงจะจำหน่ายได้ หนึ่งปีอุ้มท้อง สองปีหย่านม แล้วอีกปีหนึ่งถึงจะสามารถจำหน่ายได้ใช้ระยะเวลาถึง 3 ปี ในระยะเวลา 3 ปีนี้เราจะกินอะไร?!!!




“นมควายไทย” อีกโปรดักส์ทำเงิน ของสอนศิริฟาร์ม
“นมควายไทยต้องเน้นที่ว่าควายไทยนะครับ ควายปลักไทย เดี๋ยวนี้จะเป็นคำว่า Siam swamp buffalo เนาะคือหนึ่งมี กลิ่นหอม หอมเหมือนข้าวหอมมะลิ สองก็มีรสชาติที่หวาน ด้วยน้ำตาลแลคโตสที่อยู่ในน้ำนมเนี่ยพอดี ไม่มีกลิ่นคาว มีความเข้มข้นของโปรตีน แคลเซียม ที่อยู่ในน้ำนมเนี่ยอันนี้คือทางด้านภายนอก มีความเข้มข้น มีความหนืดสูง หลังจากนั้นเราก็เอาไปวิเคราะห์ วิเคราะห์แล้วว่าสิ่งที่แตกต่างจากนมวัวมากที่สุดก็คือ คำว่า total solids ก็คือของแข็งที่อยู่ในน้ำนม น้ำนมควายไทยเราเนี่ยจะมี total solids วัดออกมาแล้วมี 20-25% ทั้งที่นมวัวเขามีอยู่ที่ประมาณ 11-12% ทำให้เวลาเราดื่มจะได้รสสัมผัสที่มีความ “มัน” ไขมันจะสูง คือ 8% ขึ้นไป จากการวิเคราะห์แล้วเป็นไขมันดีโดยส่วนใหญ่ มีคอเลสเตอรอลต่ำมาก 0.8% แต่ถ้าเทียบกับนมวัวจะมี 4-5% มีความเหมาะสมสำหรับคนที่แพ้นมวัวทั้งหมดทั้งมวล”





การผลิตนมของฟาร์มจะทำแบบพาสเจอร์ไรซ์ใส่บรรจุขวดแก้วที่สะอาด เราเน้นดูงานก่อนว่าอันไหนที่มันไม่เหมาะสม มันไม่ดี มีการไปดูตัวอย่างว่าเขารีดนมอย่างนี้มันจะส่งผลถึงอะไรบ้างแล้วเราก็ไปขอความร่วมมือกับ ม.เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน ว่าเราจะรีดนมควายเราจะทำอย่างไรให้ “นม” มีคุณภาพ เราก็ไปหาจุดบกพร่องทั้งหมดแล้วก็เอามาแก้ไขของเราแล้วจนทำให้เราไม่มีจุดบกพร่องว่า คำว่า “นมควาย” คนที่ยังไม่รู้จักก็ยี้แล้ว แต่ว่าถ้าเป็นสอนศิริฟาร์มเรายินดีที่จะให้มาดู มาดูว่าก่อนที่เราจะรีดนมเราทำอย่างไร ความสะอาดขนาดไหน ขั้นมาตรฐานยังไง จนได้รับมาตรฐานของ ม.เกษตรศาสตร์ ให้แบรนด์ “KU”(เคยู) กับฟาร์มมาว่าเป็นสัตว์ที่ให้นมถือเป็นพรีเมียมเกรด

เพิ่มมูลค่าสู่ มอสซาเรลล่าชีส ขายได้ราคา 3,000 บาท/กก.
พัฒนาเพิ่มช่องทางการตลาดของตัวเอง
ปี 2561 เราเริ่มมาตั้งแต่ตอนนั้น ก็มีคนมาขอเราเป็น “ผู้แทนจำหน่าย” จำหน่ายในกรุงเทพฯ และในทั่วประเทศเลย“มาทำสัญญาว่าเออเราจะขอเป็นตัวแทนจำหน่ายนมควายไทยของคุณนะ เราก็จากจุดเริ่มต้นตรงนั้นเป็นหลักแล้วก็การตลาดเขาก็มีการเดินตลาดของตัวแทนจำหน่ายของเราแต่ว่า มาเมื่อปี 2565-2566 ที่ผ่านมาเนี่ยเราก็จะเอาตรงนี้มาทำตลาดของเราเพราะว่าการทำนมพาสเจอร์ไรซ์อย่างเดียวกับโยเกิร์ตเนี่ยมันอาจจะเป็นเพียงจุดน้อยนิดจุดเดียวเอง มันน่าจะมีอะไรที่มากกว่านี้”อย่างเช่น เราก็เอามาทำสบู่ มาทำโลชั่น นำมาทำเป็นแฮนด์ครีม แล้วก็มาทำเป็นในส่วนของ “อาหาร” ประกอบในเรื่องของอาหาร แกงเขียวหวาน หรือว่าทำไอศกรีม แต่อันเดิมเราก็ยังอยู่แล้วก็เรามาจัดตั้งคาเฟ่ขึ้นมาเป็น Sornsiri Farm Café Route buffalo คาเฟ่ที่อยู่ในฟาร์มนี้ นมที่เราใช้ทั้งหมดเราจะใช้นมควายที่มีคุณภาพที่เรามี


“เราทำธุรกิจจากฟาร์มก่อนเราหนึ่งเขาเรียกว่าต้องมี ตอนนี้เราขายส่งเข้ากรุงเทพฯ อย่างเดียวส่งให้คนอย่างนมเนี่ยเราอาศัยจมูกเขาหายใจ การที่เราหายใจด้วยตัวเองเกิดขึ้นมาด้วยตัวเอง ถ้าวันหนึ่งเขาหยุดธุรกิจตรงนั้นไปเราก็ต้องหายใจด้วยตัวเองได้”ตอนนี้เราก็ทำ “ชีส” เพิ่มขึ้นมาด้วย ชีสเราอร่อยมาก มอสซาเรลล่าชีสจากนมควายไทย มันเป็นชีสที่มีคุณภาพสูงสุดแล้วเราจะทำทั้งชีสสด ชีสสติ๊ก ชีสทอด ฯลฯ อร่อย ๆ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เพิ่มมาใหม่ ไอเทมใหม่ล่าสุดของฟาร์มแล้วก็ยังได้ “เงิน” ที่เยอะมากขึ้นด้วย “น้ำนมดิบ 10 กิโลฯ เราทำชีสได้ 2.5 กิโลฯ มูลค่าของชีสกิโลกรัมหนึ่งเราขายตอนนี้ กรัมละ 3 บาทใช่ครับ 2.5 กิโลฯ ก็อยู่ประมาณ 7,000 บาทจากน้ำนม 10 กิโลฯ ถ้าขายเป็นน้ำนมจะได้อยู่ประมาณ 3,000 ก็เพิ่มขึ้นมาอีก 2 เท่า”

ผลิตภัณฑ์พลาเซ็นต้าฮอร์โมนธรรมชาติจาก รกควาย


แล้วก็ยังมีผลิตภัณฑ์จาก “รกควาย” หรือ Placenta buff เป็นอีกส่วนหนึ่งที่มันมีความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นมา ทุกวันนี้มีการบริโภค “รก” เป็นยาอยู่เยอะในแพทย์แผนจีนแทบทั้งหมด เพราะมีฮอร์โมนเพศหญิง-ฮอร์โมนเพศชาย มีสารอาหารที่ครบถ้วนที่อยู่ในนั้น และอีกส่วนหนึ่งที่มากมายที่สุดก็คือจะมี “คอลลาเจน” จะดูแลในส่วนของสเต็มเซลล์ในร่างกาย “เราไปเจอคุณหมอแพทยแผนจีนที่โรงพยาบาลหัวเฉียว เขาให้เราผลิตและส่งให้เขาเลยเขาจะไปขายที่เมืองจีน มีเท่าไรรับหมด เราก็เลยปิ๊งไอเดียว่าเอ๊ะเราทำขึ้นมาแล้วเรา เอามาให้คนไทยกินก่อนดีมั้ย” มีความเหมาะสมสำหรับการไปปรับฮอร์โมนในร่างกายของผู้หญิง น้อง ๆ ผู้หญิงที่ปวดท้องอย่างรุนแรงก่อนมีรอบเดือน ตัวนี้จะดูแลได้ดีที่สุด กินขวดนึงก็หายแล้ว เราไม่ได้ว่าเป็นการโฆษณาอะไรนะแต่ว่าเป็นฮอร์โมนธรรมชาติที่สามารถทดแทนฮอร์โมนสกัด ฮอร์โมนในร่างกายที่เราอาจจะขาดความสมดุลไป


รายได้ ณ ปัจจุบัน มาจากไหนบ้าง?
“ควาย 10 ตัวเนี่ยนะใช้เวลาเลี้ยงวันหนึ่ง ถ้าเลี้ยงในระบบผมวันหนึ่ง 2 ชั่วโมงเอง เสียเวลากับมันแค่ 2 ชั่วโมงจากนั้นไม่ต้องทำอะไรแล้ว เพราะตั้งระบบไว้หมดแล้วเป็นระบบการทำงานเป็นระบบ น้ำก็เป็นระบบ อาหารก็เป็นระบบ หญ้าก็เป็นระบบ ให้หญ้าให้ฟางเป็นระบบหมด วันหนึ่งทำงานแค่ 2 ชั่วโมงเฉลี่ยแล้ว” พูดถึง “รายได้” ก็แล้วกัน เราเลี้ยงไว้เยอะแยะมากมายเราเลี้ยงไว้เพื่ออะไรบ้าง อย่าง “พ่อพันธุ์”ก็จะจำหน่ายเป็นน้ำเชื้ออยู่แล้ว น้ำเชื้อพ่อพันธุ์ของ “แก้วฟ้า”(พญาควายสีเผือก) กับ “มณีแดง” ราคามีคิดเป็นราคาส่งด้วย (โด๊สละ1,000บาท) ถึง 2,000 บาท ก็ขึ้นอยู่ว่าลูกค้าถ้าเอาจำนวนเยอะเราก็ลดให้ตามปกติ แล้วก็ส่วนของ “ลูก” ที่เกิดมาลูกตัวเมียก็จะมีการคัด ถ้าตัวไหนสวยงามเราก็คัดเลี้ยงเป็นควายสวยงาม ถ้าตัวไหนไม่สวยหรือตัวผู้ ที่ไม่สวยเราก็เป็นควายเนื้อไป อื่น ๆ ที่เป็นรายได้ในการเลี้ยงควายของฟาร์มเราก็เป็น “มูลควาย” หรือปุ๋ยวันหนึ่งได้เป็น 3 ตัน(สด)/วัน จากตัวควายทั้งหมด 400 ตัว ถ้าตากแห้งแล้วใน3 ตัน(สด) จะได้อยู่ประมาณ 800 กิโลฯ ตอนนี้เราขายเราเก็บมีเยอะมากกิโลละ 1 บาท ตันละ 1,000 บาท แต่จะขายยกเป็นพ่วงไป ถ้าเล็ก ๆ ก็มาคุยกันอีกที แต่ว่าพ่วงหนึ่งก็ 3 หมื่นบาท



พ่อพันธุ์ มณีแดง
ณ วันนี้ถ้าพูดถึงการสร้างรายได้เบอร์ 1 เบอร์ 2 เบอร์ 3 ของฟาร์ม“ก็เป็นตัวลูกควาย เพราะมูลค่าของเขาจะสูงกว่า แต่ว่าตัวหลังลงมาก็เป็นนม ต่อมาก็จะเป็นมูล ต่อมาก็เป็นผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ที่เรามีอยู่ก็มีหลายอย่าง มันก็ขึ้นอยู่ที่ว่าเราต้องการจะแตกแขนงไปทางไหนบ้าง แต่ผมคิดว่ายังมีช่องว่างอีกเยอะในส่วนของนม”


พ่อพันธุ์ แก้วฟ้า (พญาควายสีเผือก)
สร้างรายได้ให้ทุกวัน ลงทุน 30 กว่าล้านวันนี้คืนทุนทั้งหมดแล้ว!!!
จากนาน ๆ ครั้งหนึ่ง ได้ขาย ได้เงินสองสามปีได้เงินครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้เราต้อง ได้เงินทุกวัน!เงินที่ได้ทุกวันก็เกิดจากการขาย นม ขายผลิตภัณฑ์ของนม ขายมูลขายปุ๋ย มีทุกวันมีรายได้ทุกวันปุ๋ยคอกก็มีคนมาซื้อทุกวัน“ตอนนี้จาก 200-300 ตัวเป็น 400 กว่าตัวไปเลย ถามว่า 400 กว่าตัวนี่มันก็เยอะนะไปพูดกับใคร ๆ ก็บอกอู้หู้! แต่ผมก็ถือว่าปกติ มันก็พอสมน้ำสมเนื้ออยู่ว่าเออเราสร้างมันมาเมื่อก่อนนู้นนะ เราสร้างโรงเรือนแต่ละโรงไม่ต่ำกว่า3 ล้าน 3.5 ล้านเนาะ แล้ว 10 โรงเรือนก็ 30 กว่าล้านแต่ว่า เงินที่ลงทุนไปทั้งหมดทั้งซื้อควาย ตัวควายด้วยอะไรด้วย ก็ระยะเวลาผ่านมา 9 ปี 10 ปีนี้เราถือว่า ได้ทุนคืนหมดแล้ว!ได้ทุนคืนแล้วนะครับถ้าตามระบบนี้ ผมได้ทุนคืนหมดแล้ว” เฉพาะค่านมอย่างเดียวน่าจะได้ปีละ ไม่ต่ำกว่า 1-2 ล้านบาท ทำมาตั้งแต่ปี 2561 ถึงวันนี้ อันนี้คือคิดแค่อย่างเดียว ขายตัวควายอีก(ขายลูก) ปีหนึ่งก็ 10 ล้าน/8 ล้าน/5 ล้าน/7 ล้าน ก็ว่าไป มันก็อยู่ด้วยตัวของมัน ค่าใช้จ่ายก็ปีหนึ่งก็ว่ากันไป หักค่าใช้จ่ายแล้วมันก็เป็นส่วนที่เราลงทุนไว้ก่อน เราจะให้ใครก็ได้ ฟรียังได้! เพราะเราไม่มีต้นทุนแล้ว


ทำเกษตรต้องกล้าเปิดใจ เริ่มต้นจากเล็ก ๆ ไปหาใหญ่ได้
ต่อไปถ้าเป็น “สวยงาม” เราก็คัดเลือกจากในฟาร์ม แต่ถ้าเป็น “เนื้อ” ถ้าเรายังขาดจุดไหนอยู่เราต้องนำเข้ามาแล้ว นมไม่ชัด เราก็ต้องคัดเลือกเข้ามา ต้องไปปรับเปลี่ยนอีกรอบหนึ่ง เป็นการผ่าตัดฟาร์มอีกรอบหนึ่ง ถ้ามันให้ผลผลิตอย่างตัวนี้ให้ควายงามดี เราก็ผลิตแต่ควายงามไปเฉพาะตัวนี้ ตัวนี้ให้นมดีเราก็ต้องผลิตที่ให้นมดี“อย่าลืมว่านมรอบหนึ่ง 9 หมื่นถึง 1.5 แสนบาท/ตัว/รอบ มันก็เป็นรายได้ที่ได้เลยไม่ต้องรออนาคตใช่มั้ยครับ ไม่ต้องรอว่าต้องขายได้ก่อนนะ บางทีเรายังไม่รู้ว่าจะขายได้เมื่อไหร่ แต่ตรงนี้เราต้องได้ก่อน มันก็เป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ”


สำหรับคนที่สนใจอยากจะเลี้ยงหรือลองทำฟาร์มดูบ้าง “จริง ๆ แล้วตอนนี้ ณ ปัจจุบันนี้ราคาควายกำลังดิ่งลงมา ทั้งสวยงามด้วยทั้งเนื้อทั้งนมอะไรด้วย ถ้าจะเล่นแนวสายเดียวกับผมเลยนะตัวเมีย “ตัวแม่พันธุ์” ตอนนี้ไม่น่าจะเกินตัวละ 1 แสนถึง 2 แสนบาท แต่ต้องพันธุกรรมที่เราต้องการดี ๆ นะ อันนี้นมเยอะ กินเก่ง ถ้าตัวไหนให้นม/น้ำนมดี กินเก่ง ก็จะให้ลูกดีอยู่แล้วใช่มั้ยครับ มันก็จะส่งลูกไปทางที่ดี โอกาสให้พ่อที่ดีมา Plus หรือเข้ามาจับกันปุ๊บมันก็จะให้ลูกที่ดีส่งไปทางพ่อหรือว่าให้ผลผลิตในตัวลูกก็ดี นมก็ดี กินก็เก่ง เนี่ยราคาต่อไปนี้มูลค่าของสัตว์ชนิดนั้นก็จะขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 อย่างนี้ พันธุกรรมที่ดี กินเก่ง ให้น้ำนมดี 3 อย่างนี้จะได้ขายได้ 2 แสน 3 แสน 4 แสน 5 แสนหรือถึง 1 ล้าน”


ทุกวันนี้มีต่างประเทศมาติดต่อเยอะแยะมากเลย ผมไม่สามารถที่จะทำได้เพราะว่า ไปบอกใคร เขาก็ไม่เอา คือเอาเหมือนกันแต่ว่ามันต้องใช้ใจมาก ๆ ในการดูแล หรือบางคนเขาก็ไม่ได้เปิดใจ การเปิดใจเป็นส่วนสำคัญที่สุดของคนที่ทำการเกษตร ไม่ใช่ว่าเปิดใจ คุณบอกว่าเลี้ยงในระบบนี้พ่อแม่ฉันก็เลี้ยงมาอย่างนี้ ปู่ย่าตายายเป็น 100 ปีเขาก็เลี้ยงมาอย่างนี้ ผมก็จะเลี้ยงอย่างนี้แหละ คือถ้าเป็นประมาณนี้นะก็คือ มันไม่มีการพัฒนาอะไรที่จะเกิดขึ้นต่อไป สิ่งที่ดี ๆ มันก็ไม่เกิด แล้วไม่มีใครคิดนวัตกรรมใหม่เพื่อการเกษตรขึ้นมาได้เลย เพื่ออาชีพของตัวเองเลย “เกษตรกรยุคใหม่ต้องใช้ข้อมูลเป็น ต้องใช้ข้อมูลเป็นหลัก ข้อมูลต่าง ๆ ที่เราผ่านมาแต่ละปี แต่ละรอบเนี่ย การรีดนมได้เท่าไหร่ตัวนี้ได้เท่าไหร่ ปีนั้นได้เท่าไหร่ ปีนี้ได้เท่าไหร่ รอบนี้เขาได้เท่าไหร่มีตัวใหม่ตัวไหนที่ได้ดี พันธุกรรมย้อนกลับไปหาที่เดิม เราจะไปสืบเสาะหาว่าพันธุ์นี้มันอยู่ตรงไหน เราก็ไปเอาพี่เอาน้องเขามา” ต่อไปมันจะเข้าสู่โหมดของอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง เหมือนที่อิตาลี มันจะเข้าหมวดอุตสาหกรรมฯ ไม่ใช่ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงธรรมดาหลังบ้าน เลี้ยงหมูหลังบ้าน เลี้ยงวัวเลี้ยงควายหลังบ้านไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว ต่อไปมันจะเป็นปรับเปลี่ยนแล้ว



“ควายไทยซอฟท์เพาเวอร์” ที่แท้จริง เดินหน้าขยายควายนม & เนื้อ เต็มสูบ!
คุณพรหมพิริยะ สอนศิริ เจ้าของ “สอนศิริฟาร์มควายไทย” ยังบอกด้วยว่า ต่อไปประเทศไทยหรือว่าในโลก ใครมีอาหารอยู่ในมือจะเป็นต่อ ยิ่งมีภาวะความแห้งแล้งอะไรด้วย ฝนตกน้ำท่วมมาก ๆ ในโลกนี้ หรือว่าสงครามด้วยอะไรด้วย เราไปมองในเรื่องเงินมากเกินไปมันจะ ไม่ได้เงิน! มองในเรื่องความพอกินพออยู่ จะเหลือเงิน!


คนรุ่นใหม่จริง ๆ ต้องการจริง ๆ นะ ไม่ได้ต้องการแบบเงินด่วน มันมี 2 อย่าง คือคนรุ่นใหม่จริง ๆ บางทีอยากจะลงทุนไปแล้ว ลงทุนน้อย ขายได้เยอะ ๆ ขายอะไรก็ได้ที่เป็นเงิน เป็นเงินให้อย่างเดียวเลย คิดแต่เรื่องเงิน ๆ ตรงนี้ก็ไม่เหมาะสมที่จะมาเลี้ยงควาย ต้องมองที่ว่า ความยั่งยืน เราจะอยู่กับเขาไปเราจะโตไป เราจะวันหนึ่งเราได้ตัวควายที่สวยงามมานั่นคือโบนัสก้อนโตเรา แต่เราพื้น ๆ เราต้องมีกินมีอยู่ปกติ แล้วก็โบนัสปีนี้เราได้ 2 ตัวซึ่ง 2 ตัวนี้อาจจะได้ 1 ล้าน คือโบนัสก้อนโต ถ้าเราเลี้ยงได้อย่างนี้ค่าใช้จ่ายเราก็น้อย แต่ถ้าเลี้ยงเพื่อ “ทางลัด” จริง ๆ ทางลัดคือ ต้องประกวด ประกวดแล้วเอาใหญ่ ๆ โต ๆ สวย ๆ แล้วก็ขาย ได้ราคา! ไม่รู้ว่าบางคนได้แชมป์ไม่รู้กี่แชมป์แต่ ขายไม่ได้! เพราะว่าค่าใช้จ่ายมันสูงการเลี้ยงควายประกวด ตัวหนึ่ง ๆ ควายสวยงาม1 ตัวจนถึงอายุสัก 4 ปี ไม่น่าจะต่ำกว่า 3-4 แสน หรือบางตัวเป็นล้าน! อันนั้นก็คือเส้นทางลัด“แต่เส้นทางยั่งยืนอย่างที่เราเป็นอยู่เนี่ย เป็น Soft Power จริง ๆ เนี่ยนะ เราต้องมองถึงความเป็นจริง ความเป็นจริงที่เป็นอยู่เท่านั้น ที่เลี้ยง ๆ กันอยู่เนี่ยเลี้ยงเพื่อจุดประสงค์อะไรนะครับ ก็ตรงนี้มากกว่า ความยั่งยืนถึงจะเกิดขึ้นได้”

มีคู่แข่งมั้ย มันเกิดการแข่งขันราคาหรือมีอุปสรรคในเรื่อง “การขาย” อะไรยังไงบ้าง? ซึ่งเจ้าของสอนศิริฟาร์มควายไทยก็ได้ตอบว่า คำว่าสัตว์เลี้ยง ถ้าสวยงามคือมันขึ้นอยู่กับความพอใจ แต่ตลาดเนี่ยเป็นของใครของมัน ส่วนของใครของมัน คนนี้อาจจะชอบสายพันธุ์ของผมก็มาซื้อ คนนี้ไม่ชอบ เราจะบิ้วท์ให้ชอบยังไงเขาก็ไม่เอา มันเป็นความพอใจ แต่ถ้าต่อไปมันเป็นตลาดที่เกี่ยวกับ “เนื้อและนม” เป็นหลักอย่างเงี้ย ส่วนนั้นที่สำคัญที่สุด ต่อไปนี้ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปผมจะทำตลาดเนื้อและนม ให้มันชัดเจน ให้มันมองเห็นเป็นรูปธรรมจริง ๆ“ตอนนี้ผมก็เป็นมันไม่ใช่เงานะ ตอนนี้ก็ทำอยู่แต่ว่ามันยังแค่ฟาร์มเดียว เราอยากให้ลูกค้า หรือว่าคู่ค้าของเราเนี่ย หรือเกษตรกรคนอื่น ๆ ทำเหมือนเราด้วย”

พลิกวิกฤติวัวเนื้อเปลี่ยนแนวคิดใหม่สู่การเลี้ยง “ควายปลักไทย” สร้างรายได้ให้ทุกวัน ลงทุน30 กว่าล้านวันนี้ได้คืนทั้งหมดแล้ว! จากการขายลูกปีละกว่า 10 ล้านยังไม่รวม “น้ำเชื้อ” ผลิตภัณฑ์ “นมควาย” และอื่น ๆ ขอบคุณ “สอนศิริฟาร์มควายไทย” ที่กรุณามาร่วมแชร์ประสบการณ์แห่งความสำเร็จในครั้งนี้

สอบถามเพิ่มเติมหรือสนใจชิม “นมควาย” อร่อย ๆ ของที่ฟาร์มสามารถติดต่อได้ที่ 096-980-9509 หรือ FB : Sornsiri Farm Café

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น