xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) คิดเป็นระบบแบบเด็กวิศวะ เริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินหลักพันสร้างรายได้หลักแสน/ด.!! คนเดียวควบ 3 อาชีพ ทำได้ยังไง!!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คิดเป็นระบบแบบเด็กวิศวะ เริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินหลักพันสร้างรายได้หลักแสน/เดือน!! จาก“ต้นไม้” พร้อมต่อยอดสู่ “ร้านขนมไข่” เปิดขายในห้างธุรกิจใหม่หลังจากเรียนจบแล้วและยังทำงานประจำ (ด้านวิศวโยธา) คนเดียวควบ 3 อาชีพเขาทำได้ยังไง!!?




“ผมคิดว่าถ้าทำงานอย่างเดียว ผมว่ามันอยู่ไม่ได้ในปัจจุบันครับเพราะว่าค่าครองชีพมันสูง ก็เลยว่าหาทำธุรกิจไปเรื่อย ๆ ทำควบคู่กันไปผมเริ่มปลูกต้นไม้ก่อนครับตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ เลยอายุ14-15 ก็เริ่มเพาะพวกผักสวนครัวขายไปแล้วก็ได้ความรู้เรื่องดินเรื่องปุ๋ยมาจากตรงนั้น แล้วก็เริ่มทำจริงจังตอนอายุ20 เริ่มเพาะพันธุ์ต้นไม้ขายครับ ตอนนั้นเริ่มจากช่วงโควิดฯ พอดีเรียนอยู่ปี1 แล้วเรียนออนไลน์ เริ่มมีเวลาว่างก็เลยเริ่มเพาะพันธุ์ต้นไม้ก่อน"


น้องแฟรงค์-นายปรเมศ สุขมงคล คนรุ่นใหม่ที่สร้างปรากฏการณ์ “อาชีพ” ได้อย่างน่าทึ่ง! เมื่อเด็กวิศวะจากรั้วจุฬาฯ ออกมาพูดถึงการทำธุรกิจของเขาที่เริ่มสร้างรายได้ให้อย่างเป็นกอบเป็นกำควบคู่มาตั้งแต่ยังเรียนอยู่เลย! จนถึงปัจจุบันนี้ผ่านมากว่า4 ปีแล้วแม้ว่าเจ้าตัวเรียนจบเรียบร้อยสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาก็คือว่า มีการต่อยอดธุรกิจสู่อาชีพที่สองไปพร้อม ๆ กับการทำงานประจำด้วย คนเดียวควบ 3 อาชีพในเวลาเดียวกัน


“ตอนแรกที่เพาะพันธุ์ต้นไม้ผมเพาะเล่น ๆ เลย ยังไม่ได้ขายจริงจังเริ่มขายจริง ๆ ทิ้งช่วงไปประมาณ 6-7 เดือน เพาะไว้แค่ 2 อย่างไม้พื้น ๆ เลยไม้ป่าธรรมดา พะยูงกับแคนา เพาะไว้ 300 ต้นแล้วก็โพสต์ขายถูก ๆ เลย ปรากฏว่าขายดี ก็เลยทำยาวเลย”




เรียนวิศวะเหมืองแร่ แต่มาปลูกต้นไม้ขาย

แฟรงค์ เล่าให้ฟังว่า ตนเองเรียนมาทางด้านสายวิศวกรรมเหมืองแร่และปิโตรเลียม จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ว่าถามว่าเกี่ยวกับต้นไม้ไหม? ไม่ได้เกี่ยวเลยคนละสายกัน แต่ว่าตนเองสามารถทำควบคู่กันได้


“พอขายได้ปุ๊บในตอนนั้นก็คือเป็นจุดเริ่มต้น แล้วก็ยาวมาเลยน่าจะประมาณ4 ปีแล้ว ตอนแรกยังไม่มีชื่อก็โพสต์ขายธรรมดาเลยแล้วพอเริ่มขายได้ เราก็เริ่มสร้างเพจ: บ้านต้นไม้แม่ทองหล่อ ให้คนรู้จักเรามากขึ้นก็ทำหลังจากนั้นประมาณเดือน-2 เดือน เพราะตอนแรกผมใช้ FB ส่วนตัวก่อนแล้วไปโพสต์ขายตามกลุ่มต่าง ๆ ตอนหลังถึงมาเป็นเพจเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านของตัวเองด้วย” 

ซึ่งหลัก ๆ ต้นไม้ที่ทำขายจะเน้นแนวไม้ป่า/ไม้โบราณไม้หายากเป็นหลัก จะไม่ได้เล่นสายอื่น แต่จริง ๆ ระหว่างทางก็มีพลาดบ้าง ไปเล่นไม้ตามกระแส(ไม้ด่าง) ก็พลาดมาหลัง ๆ ก็เลยเลิกเลยก็จะเล่นแค่สายนี้ที่ตัวเองเน้นทำอยู่พอ“เพราะว่าต้นไม้จะมีการเปลี่ยนตามเวลาด้วย บางทีตัวนี้ฮิต พอผ่านไปมันก็ไม่ฮิตแล้ว เราก็เลยเลือกต้นไม้ที่มันไม่เป็นกระแสดีกว่า เป็นไม้แบบไปได้เรื่อย ๆ”




เน้นกลุ่มไม้นิยมเฉพาะหายาก & ทำราคาได้ดีกว่า

ได้รู้จักเรื่องต้นไม้เพราะว่าแม่พาไปวัด ไปวัดแถวต่างจังหวัดแถวอุดรฯ แล้วได้ไปเห็น “ไม้ใหญ่” ก็เลยรู้สึกชอบก็เลยเริ่มมาเพาะ
“หนึ่งในนั้นก็จะมีไม้ “มะริด” ด้วย มะริดเป็นไม้ที่ผมขายยาวที่สุดเลยนานสุดครับเพราะว่า มันเป็นไม้แบบไม้โบราณไม้หายากครับและก็ ผลทานได้ การผลัดใบน้อย และก็ฟอร์มสวย พอโตถึงกำหนดมันราคาเทียบเท่ากับไม้พะยูงเลย ตัดไม้ขายได้ โตไวกว่า เป็นไม้เศรษฐกิจแต่ว่าคนรู้จักน้อยกว่าเพราะว่าหลัง ๆ มีคนปลูกน้อย”ด้รู้จักไม้ต่าง ๆ จากพระอาจารย์ที่วัดซึ่งท่านปลูกอยู่ก่อนแล้ว และมีการแนะนำเรามาด้วย


เปิดตัวแรก ๆ แพงมากเริ่มต้นเล็ก ๆ 2-3 ใบ ราคาขายต้นละ300 บาทครับ แต่ตอนนี้ถือว่าถูกลงแล้วอาจจะเหลือแบบ 70-80 บาท ตลาดเริ่มมี แต่ว่าต้นใหญ่ ๆ ก็ยังมีราคาอยู่เป็นหลักพัน ต้นประมาณหลักเมตร เมตรกว่าถึง2 เมตรอะไรเงี้ยครับ ก็ยังขายดีอยู่” ส่วนไม้อื่น ๆ ก็จะเป็นไม้ทั่วไปกลุ่มไม้เก่า ๆ อย่างเช่นพวก ลูกจันทน์ ประดู่แดง ก็จะเอามาผสม ๆ กันเพื่อนำเสนอให้กับกลุ่มลูกค้าไป ก็ตามกาลเวลาถ้าตัวนี้มันเริ่มซา ๆ ลงเราก็หาไม้ตัวใหม่มาเสริมไปเรื่อย ๆ มีไม้ที่ทำหมุนเวียนมากว่า 20-30 ชนิดแล้วเหมือนกัน วน ๆ ไป ส่วนใหญ่ก็คือจะทำก่อนเลยแล้วก็ลองขายดู แต่ว่าบางตัวมันก็ขายไม่ได้ก็มี บางตัวลงปุ๊บขายดีเลยก็มี พอตัวไหนขายดีเราก็ทำเพิ่ม เราเหมือนเป็นการสุ่มตลาดไปด้วย ลองดูว่าตัวนี้ดีมั้ยตัวนี้ไม่ดีอะไรประมาณนี้


“แต่ว่าแรก ๆ เราจะลองไม่เยอะครับ ลองแบบไม่กี่ต้นก่อน ลองดูก่อนว่าตัวนี้ตลาดนิยมมั้ยตอนนี้ถ้านิยม เราก็ไปต่อแต่ถ้าไม่นิยม เราก็เลิกอะไรเงี้ยครับ” หลัก ๆ ในการทำไม้ก็จะเป็นรูปแบบของ การเพาะเมล็ด กิ่งตอน แล้วก็แบบเอาต้นกล้าเล็ก ๆ มาขยายต่อมาเปลี่ยนกระถาง เลี้ยงต่อให้โตก่อนแล้วจึงค่อยขายไม้ก็มี จะทำอยู่3 แบบนี้






สร้างรายได้หลักแสน/เดือน!! ถ้าธรรมดา ๆ ก็หลักหมื่นอัพ

ช่วงได้เยอะหลักแสนจะได้ช่วง “หน้าฝน” แต่ว่าหน้าอื่น ๆ จะได้อยู่ที่หลักหมื่น ประมาณนั้น“แต่ว่าจริง ๆ ที่ได้เยอะเพราะว่าผมไม่ได้ขายอย่างเดียว รับปลูกด้วย มันมีช่วงหนึ่งรับปลูก แล้วก็พอรับปลูกผมก็ได้จำนวนต้นเยอะก็ทำให้รายได้ดีขึ้นเลย” ได้ถึงหลักแสนในช่วงของหน้าฝนที่รับปลูกด้วย ส่วนหน้าอื่น ๆ ก็จะมีตั้งแต่หลักหมื่นเริ่มหมื่นต้น ๆ ไปจนถึงหลายหมื่นต่อเดือนก็มีในบางเดือน รายได้จากต้นไม้ที่เคยทำได้ก็จะอยู่ในเรทประมาณนี้มาเรื่อย ๆ ตลอด อย่างช่วงนี้ไม้ “มะริด” ขายดีก็กำลังมีการเพาะขยายเพิ่มเติมไว้อีก


“ตอนนี้มะริดถ้าของสวนผมต้นละ 80 เล็กสุดแต่ถ้าใหญ่สุดก็ 2,000 ไซซ์ประมาณ 2 เมตร”ถ้าพูดถึงว่าการทำอาชีพแบบนี้มีความยุ่งยากไหม คำตอบคือไม่ยาก ต้นไม้ไม่มีอะไรเลยเพียงแต่ว่าหนึ่งคือเราต้อง ผสมดิน(การเตรียมดินปลูก) ให้ดี แล้วก็ใส่ปุ๋ยต่อเนื่อง หัวใจหลักของมันก็คือเรื่องการปรุงดินกับเรื่องปุ๋ย(ใส่ต่อเนื่อง) ไม่ต้องใส่เยอะแต่ให้มีความต่อเนื่อง พอต้นไม้เขางามเราก็สามารถขายได้แล้ว


โดยในช่วงของการหาไม้เพื่อมาทำการขยายเพิ่ม ก็จะมีแบบไปตามสวนต่าง ๆ หรือว่าดูในอินเตอร์เน็ตบ้างช่วงนี้ต้นไม้อะไรน่าสนใจ ที่เป็นไม้แนวเดียวกับเราก็จะเอามาขายเพิ่ม


“ถ้าพูดถึงว่าไม้ที่ผมทำอยู่ถามว่า ตลาดของมันโตสักขนาดไหน คำตอบคือไม่ได้โตมาก ก็ไปเรื่อย ๆ ดีกว่าเป็นกลุ่มของคนเล่นที่มีความเฉพาะ อย่างไม้มะริดนี่ถือว่ายังมีน้อยมาก เป็นกลุ่มเฉพาะทั้งคนทำและก็คนซื้อไม้ แต่ว่าข้อดีของไม้เฉพาะทางพวกนี้คนซื้อ ซื้อเยอะ ซื้อทีซื้อเยอะแน่นอน” 

การขายก็จะอาศัยการโปรโมทในเพจเป็นหลัก ซึ่งมันก็ลงตัวแล้วหรือว่าถ้าหากลูกค้าอยากจะมาดูไม้เองที่สวนก็สามารถมาได้เลย ด้วยพื้นที่ข้างบ้านที่มีอยู่ประมาณนี้แต่ก็สามารถสร้างอาชีพและรายได้ให้ในช่วงกว่า 4 ปีมานี้อย่างไม่น้อยเลย




“ร้านขนมไข่” ธุรกิจใหม่ที่ทำควบคู่กับงานประจำด้วย

ตอนนี้ก็มีเปิดร้าน “ขนมไข่โบราณ” เพิ่มขึ้นมาอีกธุรกิจด้วย เพิ่งเริ่มมาได้ประมาณ7 เดือน“ผมมองธุรกิจเพิ่มเพราะว่าอยากตอนแรกคือ ชอบพวกอาหารก็เลยอยากลองไปเล่นเรื่องอาหารดูน่ะครับ แต่ว่าทีนี้ผมก็หาวิธีว่าเราทำร้านยังไงที่มันจัดการง่าย ดูแลจัดการง่าย แล้วเราสามารถจ้างพนักงานขายได้ก็เลยลงตัวที่ขนมไข่ ก็ไปเรียนรู้สูตรการทำมาแล้วมาพัฒนาเอา พัฒนาสูตรเป็นของเราเองแล้วก็ลองขายจริง ก็ปัจจุบันก็มี 2 สาขาแล้ว” 

ซึ่งตอนแรกก็จะมีการวางแผนก่อนคือ มีการสร้างระบบตั้งแต่เข้าไปเปิดร้านเลย คือทำยังไงก็ได้ให้เป็นระบบที่สุดและก็สามารถจัดการได้ง่ายที่สุด เพราะว่าอย่างร้านขนมนี่คือต้องเปิดทุกวัน ไม่มีวันหยุดเลย ก็จะต้องมีการเตรียมวัตถุดิบให้ได้ภายใน1 สัปดาห์ สต็อกของเตรียมให้ครบเพื่อให้กับพนักงานขายทำขนมออกมาได้ทุกวัน 


ก็ถ้าตัวร้านขนมกับร้านต้นไม้จะเป็นวัน “เสาร์-อาทิตย์” หมดเลยการเตรียมของต่าง ๆ ก็จะต้องทำในช่วงนี้ รวมทั้งเอาของเข้าร้านด้วย ส่วนวันธรรมดาก็คือจะทำงานประจำตามปกติเลย ก็มีไปดูร้านขนมบ้างแต่ว่าก็ไม่ได้ไปบ่อยนัก เพราะว่าพนักงานที่รับเข้ามาก็จะสอนเขาจนเขาเป็นหมดแล้ว”

ซึ่งสำหรับธุรกิจร้านขนมที่ตนเองเลือกเปิดอยู่ในห้างฯ ด้วยเหตุผลคืออยากให้เป็นที่รู้จักของคนจำนวนมากก่อน เป้าหมายของ “ยอดขาย” ที่คิดเอาไว้คือ5 หมื่นบาท/สาขา/เดือน สามารถอยู่ได้จะครอบคลุมทั้งค่าใช้จ่าย ค่าเช่าที่ ค่าจ้างพนักงาน ค่าวัตถุดิบ และมีส่วนของ “กำไร” ที่เหลือกลับคืนมาให้เจ้าของร้านอีกส่วนหนึ่งด้วย


“ตอนนี้ก็ใกล้เคียงแต่อาจจะยังไม่ถึงมาก เพราะว่าเพิ่งจะเปิดมา 7 เดือนก็รอติดตลาดอยู่ครับ แต่ว่าก็เลี้ยงตัวเองได้ทั้งหมดเลยทั้ง ซื้อวัตถุดิบ จ่ายค่าพนักงาน จ่ายค่าเช่าที่ และก็กำไรนิดหน่อยอยู่ได้ครับ”

การตอบรับของลูกค้าถือว่าก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ และก็มีการเปิดขายทางออนไลน์ควบคู่กันไปด้วย ลูกค้าก็คือจะกดสั่งทางนั้นมาด้วย ซึ่งจุดเด่น“ขนมไข่โบราณ” สูตรที่ทำขายอยู่จะเป็นเรื่องของความหอม (จากเนย) เพราะใช้เป็นเนยอย่างดีที่เอามาทำขนม ส่วนชื่อแบรนด์หรือชื่อของร้านขนมก็จะใช้เป็นชื่อเดียวกับร้านต้นไม้เลยคือ “แม่ทองหล่อ” ซึ่งเป็นชื่อคุณยายที่นำมาตั้งเป็นชื่อแบรนด์ทั้งหมด






คิดเป็นระบบ สร้างธุรกิจแบบ “เด็กวิศวะ”

ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจยุคปัจจุบันซึ่งก็จะมีหลาย ๆ คนอาจมองว่า การเริ่มธุรกิจอะไรสักอย่างขึ้นมาก็จะต้องมี “ทุน” มากพอเท่านั้น ซึ่งในเรื่องนี้แฟรงค์มองว่าสำหรับตนเองเรื่องทุนไม่ได้สำคัญ เพราะว่าเราไม่ได้ลงทุนเยอะ เราลองทีละนิดดีกว่า ถ้าทำแล้วมันดีเราก็ไปต่อแค่นั้นเอง ถ้าไม่ดีก็เลิก


“อย่างของผมก็คือได้มาจากต้นไม้ที่เราลองทำมาครั้งแรก ต้นไม้มาช่วยหมดทุกอย่างเลย แต่ว่าอย่างธุรกิจที่ผมทำไม่ได้สำเร็จทุกอย่างนะครับก็ยังมี ส่วนที่เอาเป็นว่าเจ๊งแล้วกันว่างั้นดีกว่าครับ ก็ไม่ประสบความสำเร็จอย่างต้นไม้เนี่ยก็มีช่วงหนึ่งผมเห็นเขาฮิตเรื่อง ไม้ด่างก็เล่นกับเขาด้วย ก็เจ็บตัวเยอะอยู่ครับต้นหนึ่งนี่ก็โอ้โหเป็นแสน แพงมากเลย กะว่าจะมาขยายพันธุ์ต่อปรากฏว่าพอถึงเวลาที่เราขยายได้แล้ว ราคาตก! ขายไม่ได้ก็มี แต่ว่าก็ได้ทุนคืนจากไม้ดั้งเดิมของผมเนี่ยล่ะครับ หรือว่าธุรกิจขนมเนี่ยก่อนจะขายขนมไข่นี่ก็เอาเรื่องอยู่ว่ามันมีตัวที่ผมทำมาก่อน อย่างผมเคยไปรับซื้อขนมมาขายก่อนที่จะทำเอง ซื้อมาขายก็มีเจ็บตัวบ้างซื้อมาแล้วขายไม่ออกก็มีครับ อะไรอย่างเงี้ย หรือว่าเคยไปลองขายเองที่ตลาดด้วย ก็อาจจะเลือกทำเลผิดก็ไปไม่รอด เจ๊ง!เลยครับ”

สำหรับตนเองมองว่าข้อดีของการเรียนวิศวะคือ เราสามารถสร้างระบบพวกนี้ได้ เพราะส่วนใหญ่นักธุรกิจที่สร้างระบบอะไรพวกนี้ได้ก็วิศวะเป็นส่วนใหญ่ เพราะว่าแนวคิดเขาน่าจะเป็นแบบว่าทุกอย่างจะเป็นระบบของเขา เป็นแพลนของเขาที่คิดไว้ “ทำทุกอย่างให้มันง่ายขึ้นแล้วเราจะได้ไม่เหนื่อยมาก เพราะเมื่อก่อนที่อย่างทำขนมเนี่ยไปขายตลาดเนี่ย ผมใช้ตัวเองขายหมดเลยแล้วก็แบบมันเหนื่อย เหนื่อยมากตอนที่ยังไม่ได้สร้างระบบ ก็ขายแบบตามคนทั่ว ๆ ไปเห็นเขาขายเราก็ขายบ้าง ก็ไม่รอด เหนื่อยด้วยและก็ยอดคือเงียบแบบ บางทีวันหนึ่งขายได้ 200 แต่เราลงทุนไป2,000 แล้วก็เสียเวลาด้วย” 

พอเราสร้างระบบขึ้นมาได้ก็ไม่ต้อง เสียเวลาไปทำเองทั้งหมดสามารถที่จะมีเวลาไปทำอย่างอื่นได้ มีคนจัดการแทนเรา“ซึ่งอย่างร้านขนมเราก็สร้างหมดเลยว่าต้องขายวันหนึ่งทำกี่หม้อ อะไรอย่างเงี้ยเราก็คิดให้เขาหมดเลย ทุกอย่างให้เขาถามเราหมด” ถึงแม้ว่าจะเป็นธุรกิจที่เพิ่งเปิดมา (มี2 สาขาอายุธุรกิจคือ 7 เดือนกับ 5 เดือน) แต่ก็สามารถเลี้ยงตัวเองได้โดยยังไม่มีการขาดทุนเลย แถมมีกำไรแล้วอีกนิดหน่อยคืนกลับมาให้เจ้าของธุรกิจด้วย 

ณ วันนี้กับ3 อาชีพในคนเดียว คือ ธุรกิจร้านตันไม้ ร้านขนมไข่ และก็มีงานประจำด้วยหลังจากที่น้องแฟรงค์เรียนจบมาแล้ว เป็นสายงานที่เกี่ยวกับด้านวิศวะ(วิศวโยธา) ซึ่งสามารถที่จะทำทุกอย่างได้ควบคู่กันไป นับเป็นอีกตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ที่มีวิธีคิดและการManage เวลาเพื่อให้สามารถทำหลาย ๆ อย่างแบบมีประสิทธิภาพได้ดีเยี่ยมจริง ๆ และดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่หยุดอยู่แต่เพียงแค่นี้ด้วย! ยังมีแพลนในการขยายธุรกิจต่อรวมถึงมีความสนใจในการเสาะหาอะไรใหม่ ๆ เพื่อจะทำเพิ่มเติมอีกต่อไปด้วย




ขอบคุณเรื่องราวที่สร้าง Passion ดี ๆ ให้กับคนที่กำลังมองหาแรงบันดาลใจในการสร้างอาชีพ จากน้องแฟรงค์-นายปรเมศ สุขมงคล เจ้าของแบรนด์ “แม่ทองหล่อ” ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ความสำเร็จซึ่งเริ่มต้นมาจากการทำ “สิ่งที่รัก” ให้กลายเป็นอาชีพในปัจจุบัน

สามารถติดตามเรื่องราวหรือติดต่อเพื่อสั่งซื้อสินค้าได้ทาง เพจ: บ้านต้นไม้แม่ทองหล่อ หรือ โทร.088-845-6659




คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น