หลังจากที่หลายคนได้เห็นสื่อโฆษณาที่ยิงแอดแบบรั่วๆ ของ ผลิตภัณฑ์เพิ่มน้ำนมแม่ของแบรนด์ชื่อดังอย่าง เจสซี่มัม กันมาแล้วในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ สร้างยอดขายหลักร้อยล้าน แต่รู้หรือไม่ว่า เบื้องหลังความสำเร็จมาจากผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่ง เริ่มต้นชีวิตจากติดลบ เธอมาจากครอบครัวที่แตกแยก พ่อ แม่ แยกทางกัน และที่ร้ายไปกว่านั้น พ่อของเธอประสบอุบัติเหตุทำให้มีอาการทางสมอง สุดท้ายพ่อก็มาหนีหายสาบสูญไปจนวันนี้ เธอยังไม่รู้ว่า พ่อของเธอหายไปอยู่ไหน
วันนี้ พามาเจาะลึกชีวิตของ ซีอีโอสาว เจ้าของผลิตภัณฑ์เพิ่มน้ำนมแบรนด์เจสซี่มัม ชื่อว่า “ปาล์ม” นางสาว ปาล์มวดี ผดุงศิริกุลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจสซี่ มัม (Jessie Mum) จำกัด เธอได้มาเล่าชีวิตในวัยเด็ก และเส้นทางการสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ สร้างยอดขายหลักร้อยล้านบาทว่า เดินมาอย่างไร และการเริ่มต้นสร้างธุรกิจจากศูนย์ต้องเริ่มอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ มาจนถถึงทุกวันนี้ รวมระยะเวลาบนเส้นทางธุรกิจของเธอใช้เวลาประมาณ 5-7 ปี
เงิน 10,00 บาท ก้อนสุดท้ายได้จากครอบครัว
ต่อยอดเป็นเงิน 100 ล้านบาทวันนี้
ปาล์มวดี เล่าว่า ตอนที่เธอตัดสินใจเข้ามากรุงเทพฯ ตอนนั้นมีเงินติดตัวที่ครอบครัวให้มา จำนวน 10,000 บาท ซึ่งอาโก ที่เลี้ยงดูเรามา บอกว่า ปาล์มจะต้องอยู่ให้ได้กับเงิน 10,000 บาทนี้ หลังจากนั้น ก็ต้องหางานทำ และต้องอยู่ในเส้นทางที่เราเลือกของเราให้ได้ กับเงินที่ได้มาพร้อมข้าวสารหนึ่งถุง ตอนนั้นอายุ 24 ปี หลังจากเรียนจบ
โดยเส้นทางการสร้างธุรกิจของปาล์ม เริ่มขึ้นเมื่อย้อนกลับไปประมาณ 7 ปีที่ผ่านมา ปาล์ม และแฟนหนุ่ม (คุณเอิร์น) ปัจจุบันก็คือสามี ทั้งสองคนเคยทำงานประจำแต่ด้วยการทำงานประจำของเราทั้งสองคนรายได้ไม่เพียงพอ หลังจากที่เราทั้งสองคนวางแผนที่จะใช้ชีวิตร่วมกันและส่วนตัวปาล์มมาจากครอบครัวที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เราก็เลยฝันอยากจะมีครอบครัวที่พร้อมทุกอย่าง ก็เลยคิดว่าแค่เงินเดือน ตอนปาล์มเริ่มทำงานเงินเดือนแค่ 13,000 บาท ซึ่งน้อยมากสำหรับค่าครองชีพในปัจจุบัน ตอนนั้น ปาล์มและแฟนมีความรู้ด้านงานกราฟฟิก เพราะเราเรียนมาด้านนี้ ก็เลยออกมาเพนท์เสื้อขาย ตลาดนัดในช่วงวันหยุด
ทั้งนี้ จุดเปลี่ยนจนทำให้เราทั้งสองคนตัดสินใจลาออกจากงาน ทั้งที่ตอนนั้น ได้ทำงานในบริษัทที่มั่นคงมาก และเงินเดือน เพิ่มขึ้นมาถึงเดือนละกว่า 30,000 บาท แต่ที่ทำให้เราทั้งสองคนตัดสินใจลาออก มาสร้างธุรกิจขายเสื้อเต็มตัว เพราะในช่วงนั้น ได้ทำเสื้อของสมเด็จพระเทพฯ ออกมาขายดีมาก เพราะหน่วยงานราชการต้องสวมใส่กัน การทำงานไปด้วยขายเสื้อไปด้วย ทำได้ไม่เต็มที่ทั้งคู่ ก็เลยคิดว่าถ้าอย่างนั้นเราออกมาทำธุรกิจอย่างเต็มตัวน่าจะทำรายได้ให้กับเราได้มากกว่างานประจำ ซึ่งตอนนั้นขายและเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง ประมาณ 400,000 บาทถือว่าเยอะมาก และเอาเงิน 400,000 บาท ต่อยอดทำธุรกิจจนถึงทุกวันนี้
หลังจากนั้น ทั้งสองเลิกขายเสื้อก็หันมาขายโปรตีนเวย์ ช่วงนั้น เวย์เพิ่งเข้ามาตลาดเมืองไทยใหม่ ๆ แต่การขายโปรตีนเวย์ในช่วงนั้นไม่ได้เวิร์กมาก แค่ประคับประคองธุรกิจไป ไม่ได้ขาดทุนแต่มันไม่สามารถกำไรอะไรได้มาก จุดเปลี่ยนทำให้คุณปาล์มตัดสินใจมาทำเจสซี่มัม จากการได้ไปรู้จักกับ โรงงานผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เพิ่มน้ำนมแม่
คุณปาล์ม บอกว่าที่เลือกทำเจสซี่มัม ตอนนั้นมองว่า ปัจจุบันคนรุ่นใหม่หันมาให้ความสำคัญกับการให้นมลูกด้วยน้ำนมของตัวเอง และสินค้าในกลุ่มแม่และรัก เป็นสินค้าที่น่าสนใจ เพราะแม่ยุคใหม่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับการเลี้ยงและดูแลลูก เพราะมีลูกกันน้อย ก็เลยทุ่มหรือยอมจ่ายเพื่อให้ลูกๆ ได้สิ่งที่ดีที่สุด และการได้มาจับผลิตภัณฑ์เพิ่มน้ำนมแม่ ทำได้ไม่นาน ก็ได้จับเงินหลักสิบล้าน โดยเฉพาะในช่วงโควิด เป็นจุดเปลี่ยนเพราะทุกคนหันมาซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ ทุกคนได้เห็นผลิตภัณฑ์และรู้จักเจสซี่มัมมากขึ้น ทำให้เรามียอดขายเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด จาก 30 ล้านช่วงก่อนโควิด ก็กลายมาเป็น 80 ล้านในช่วงโควิด และปัจจุบันมีรายได้ ถึง 140 ล้าน ผ่านตัวแทนจำหน่าย ในช่องทางออนไลน์
จากเด็กกำพร้าพ่อแม่แยกทางกัน
พ่อเกิดอุบัติเหตุอาการทางสมองหนีออกจากบ้าน
ปาล์ม เล่าว่า ตนเองเป็นเด็กใต้ เกิดที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยครอบครัวประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป แต่พออายุได้ 3 ขวบ พ่อกับแม่แยกทางกัน พ่อพาปาล์มย้ายมาอาศัยอยู่กับครอบครัวพ่อที่ชลบุรี ซึ่ง ครอบครัวของคุณพ่อที่ชลบุรี เป็นบ้านของอาเจ๊ก (น้องชายคุณพ่อ) ทำเขียงหมูในตลาดหัวกุญแจ ตอนนี้เปลี่ยนมาขายผัก แล้วก็ทำอู่รถประจำทางข้าง ๆ ตลาด ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่คุณปาล์มก็ช่วยเหลืองานทุกอย่าง ขายหมู ขายผัก เป็นกระเป๋ารถ
“ครอบครัวของฝั่งพ่อดีกับคุณปาล์มมาก ๆ ทั้งดูแล ส่งเรียน และสนับสนุนปาล์มในทุก ๆ ด้าน แต่หลังจากย้ายมาอยู่กับครอบครัวฝั่งคุณพ่อ ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คุณพ่อปาล์มมีอาการทางสมอง จากการประสบ อุบัติเหตุ แล้วส่งผลทางสมองและเรื่องความทรงจำ ทำให้ส่งผลต่อการเลี้ยงดูปาล์ม กลางคืนจะไม่ให้เปิดไฟ ให้กินข้าวน้อย ๆ ไม่ให้แปรงฟัน จนทางญาติ ๆ ต้องพาไปรักษาที่ โรงพยาบาลศรีธัญญา นอกจากคุณพ่อแล้ว ก็ยังเกิดเหตุร้ายขึ้นกับผู้มีพระคุณอีกท่านของปาล์ม คืออาเจ๊ก (น้องชายของพ่อ) คนที่ดูแลปาล์ม เหมือนพ่ออีกคน ก็โดนยิงกลางตลาด คุณพ่อที่มีอาการทางสมองอยู่แล้ว ก็ยิ่งกลัวว่าจะมีคนมาทำร้ายตัวเองก็หนีหายไป จนทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ข่าวของคุณพ่ออีกเลย”
ข้อคิดในการทำธุรกิจ ของสาวเก่ง
ความสำเร็จ ครั้งนี้ ปาล์มให้ข้อคิด ไว้ว่า "ตั้งแต่เด็กครอบครัวค้าขาย และ ครอบครัวสอนเสมอว่าไม่ให้เอาเงินที่เป็นทุนมาทำอะไร นอกจากขยายธุรกิจ เงินที่ใช้ได้ คือ กำไร ที่จัดสรรมาเท่านั้น และตลอดมาตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจแรก ได้เงินมา 400,000 บาท ปาล์มไม่ได้เอาเงินก้อนนี้มาใช้ส่วนตัวเลย แต่นำมาต่อยอดทำกับธุรกิจเท่านั้น ในช่วงแรก ปาล์มกับแฟนตั้งเงินเดือนของตัวเองเอาไว้ ช่วงที่รายได้น้อย ตั้งเงินเดือนของเราน้อย และก็ใช้แค่นั้น วันนี้ มีรายได้เยอะ แต่ก็ยังใช้การตั้งเงินเดือนเหมือนเดิม โดยไม่ได้นำเงินของธุรกิจมาใช้ส่วนตัว"
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด