“ในแต่ละปีคนไทยมีผู้ซื้อรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป(สันดาป) มากถึง 1.8-2 ล้านคันทุกปีๆ แต่ขณะที่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าปีนี้ข้อมูลจดทะเบียน 10 เดือนแรกเกือบๆ 2 หมื่นคันแล้ว มันเป็นเทรนด์โลกมอเตอร์ไซค์ EV มันเป็นดิสรัปชันเทคโนโลยีไม่ว่ายังไง มันมาแน่!”
กว่า7 ปีมาแล้วสำหรับการบุกเบิกตลาดใหม่ในฐานะของผู้ผลิต (โรงงานประกอบ) “แบตเตอรี่” อยู่เดิมซึ่งมีความเชี่ยวชาญงานทางด้านการพัฒนามากว่า 30 ปี และเป็นที่รู้จักกันในชื่อของบริษัท ออสก้า โฮลดิ้ง จำกัด ก่อนจะต่อยอดแตกไลน์การผลิตมาสู่ตลาดยานยนต์ EV 2 ล้อที่กำลังเป็นกระแสของโลกยุคปัจจุบัน เจ้าแรก ๆ ในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ใหม่ชื่อว่า “STROM” รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าโดยบริษัท สตรอม(ไทยแลนด์) จำกัด ม.ร.ว. พีรานุพงศ์ ภาณุพันธ์ CEO บริษัทสตรอมฯ บอกกับเราว่า ด้วยเล็งเห็นว่า “ตลาดEV”กำลังจะมีบทบาทมากทั่วโลกไม่เพียงแต่ในประเทศไทย บริษัทก็เลยเริ่มวิจัยแบตเตอรี่ที่มีขนาด (size) ใหญ่ขึ้นก็ตั้งแต่แบตเตอรี่ รถจักรยาน จนมาเป็นแบตเตอรี่ของสามล้อ สี่ล้อ จนมาเป็น “สตรอม” ในที่สุด“ก่อนหน้านี้ทางบริษัท ออสก้า โฮลดิ้ง เองเนี่ย ซึ่งเป็นโรงงานผลิตแบตเตอรี่เราก็อยู่เบื้องหลังของการประกอบและผลิตแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์ไฟฟ้าหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่โทรศัพท์มือถือ กล้องดิจิทัล โน้ตบุ้คคอมพิวเตอร์ จนเป็นชิ้นใหญ่ ๆ มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ อุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ เดี๋ยวนี้อุปกรณ์ไฟฟ้าแทบทุกชนิดที่เป็นแบบพกพา เครื่องดูดฝุ่น หรืออะไรต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่มีความจำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่”จากพื้นฐานเดิมที่มีบริษัทแม่ซึ่งเป็นบริษัท/โรงงานผู้ประกอบแบตเตอรี่ จึงมีความเข้าใจเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าโดยที่องค์ประกอบ “มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า” จะมี 2 ส่วน คือ 1. เรื่องของแบตเตอรี่ และอีกส่วนคือ เรื่องของตัวรถมอเตอร์ไซค์ บริษัทก็มีความชำนาญในเรื่องของระบบไฟฟ้า
ต่อยอดสู่ตลาดยานยนต์ EV “STROM” รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบรนด์ไทย
ถ้าเราไปดูตัวเลขปี ๆ หนึ่ง ผู้ที่ซื้อรถมอเตอร์ไซค์สันดาปก็ไม่ต่ำกว่าปีละ 1.8-2 ล้านคันทุก ๆ ปี ออร์เดอเยอะมากเลย แต่ถ้าเรากลับไปศึกษาและดูลึกขึ้นจะเอ๊ะว่าทำไม! ส่วนของล้านกว่าถึง 2 ล้านคันนั้นถึงไม่มี มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า มีสัดส่วนหรือ%แบ่งจากตัวเลขรวมที่ใหญ่ขนาดนี้ เปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน จีน ทำไมเราถึงเห็นท้องถนนทั่วไปถึงมีแต่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเป็นล้าน ๆ คัน“เราก็เลยมองว่าเอ๊ะ! ตรงนี้มันน่าจะเป็นโอกาสทางธุรกิจของเรานะ ในการที่เราขยายจากที่เราผลิต/โรงงานแบตเตอรี่อยู่แล้ว ตอนนี้เรามาทำโรงงานประกอบรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ดังนั้นเนี่ยเราเป็นโรงงานเดียว ณ ปัจจุบันนี้ ที่เอา 2 ส่วนนี้มาเข้าร่วมกัน”มีความพร้อมทั้งแบตเตอรี่และก็ทั้งตัวรถมอเตอร์ไซค์ ก็สามารถที่จะทำรถมอเตอร์ไซค์ตอบโจทย์ของความต้องการผู้บริโภคชาวไทยได้
ปัจจุบันนี้ขีดความสามารถของ “STROM” สามารถที่จะทำรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 1 ชาร์จ วิ่งได้ไม่ต่ำกว่า 400 กิโลเมตร “ก็ถือว่าไกลมากเพราะว่า จากงานวิจัยที่เราเก็บมาผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ใช้อันนี้ จะใช้ระยะทางอยู่ประมาณ 100-120 และอาจจะมีความจำเป็นต้องพัก ต้องพักบ้าง คงไม่มีใครที่ใช้อยู่ตลอด วิ่ง 200-300 กม. โดยที่ไม่หยุดพักเลย! ทีนี้เราเรียกว่า average ดีกว่าก็คงอาจจะมีพี่ ๆ น้อง ๆ วิ่งได้ไกลกว่า โอเก่งกว่านั้น แข็งแรงกว่านั้น วิ่งได้ระยะทางไกลขึ้นแต่วอทแอฟเวอร์เนี่ย ของการวิ่งจะต้องมีการหยุดพัก แต่ตอนนี้เราสามารถทำได้แล้วถึง 400 กม./1 ชาร์จ ก็ถือว่า cover (ต่อ 1 วัน) เพียงพอล่ะครับ เพียงพอ ฉะนั้นการที่ความจุของแบตเตอรี่มีเพียงพอกับที่เขาวิ่งเนี่ย เขาก็แฮปปี้แล้ว”ก็มาที่ปัญหาที่สองคือเรื่องของ ความเร็ว โดยบริษัทมีโมเดลเฉลี่ยที่ทำได้ความเร็วสูงสุด อยู่ที่ 140 กม./ชม.แล้ว ก็ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้แนะนำให้ใช้ความเร็วสูงขนาดนั้นถามว่าทำได้มั้ย ก็สามารถทำได้ถึง 140 กม./ชม. ก็แปลว่า องค์ประกอบหลัก ๆ ที่ผู้บริโภคเป็นห่วงเป็นกังวลในการที่จะมาเลือกใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเป็นทางออกหนึ่ง เปลี่ยนจากสันดาปมาเป็นไฟฟ้า เริ่มเห็นช่องทางแล้ว
ยืนหนึ่งรับประกันเรื่อง “ความปลอดภัย” customize ได้ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้า
ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีของแบตเตอรี่มีหลายชนิด หรือหลายประเภทที่เราจะสามารถนำมาใช้ในรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าได้ โดยที่ STROM ใช้อยู่จะเป็นแบบ “แบตเตอรี่ลิเทียม” ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ของ IT ที่มีพลังงานสูง density สูง“แบตเตอรี่ลิเทียมตัวนี้ สามารถใช้ได้ประมาณ 1,500 circle (1,500 รอบ) ถึงจะเริ่มค่อย ๆ ทยอยเสื่อมลงไป เพราะว่าถ้าเรามานั่งหารว่าวันหนึ่งเราชาร์จ 1 ครั้ง ก็ประมาณนี้ครับ 5 ปี 4 ปีกว่า 5 ปี แบตเตอรี่ถึงจะเริ่มเสื่อม”ก็แล้วแต่ว่าการใช้งานด้วย การใช้งานของผู้บริโภคแต่ละคนความสมบุกสมบันไม่เหมือนกัน
เราคงจะเริ่มเห็นเรื่อย ๆ ว่ามีแบตเตอรี่ “ระเบิด” มีไฟลุกไหม้ขึ้นทำให้เกิดความเสียหายทั้งทรัพย์สิน อันนี้เป็นภัยต่อตัวเราเองและสาธารณะด้วย “ตรงนี้เนี่ยเราให้ความใส่ใจตรงนี้มาก บริษัทออสก้าซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ให้ STROM เนี่ยนะครับ เรามีนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ชื่อว่า OSPM นวัตกรรมนี้เป็นของเราเองโดยสามารถเข้าไปแทร็คกิ้งแบตเตอรี่ของแต่ละก้อนของ User ได้ ไปช่วยในเรื่องของการ regulate หรือควบคุมพารามิเตอร์ต่าง ๆ ตลอด 24 ชม. ก็แปลว่า ทางผู้บริโภคซื้อไป 1 ปี 2 ปีแล้วแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม ส่วนใหญ่ผู้บริโภคจะไม่ทราบว่าแบตเตอรี่มันเสื่อมแล้วนะ เรามีระบบออนไลน์แทร็คกิ้งสมรรถนะของตัวแบตเตอรี่ของแต่ละก้อน ที่เราสามารถไปดึงแบตเตอรี่ที่อยู่ในระบบเนี่ย ออกมาได้หรืออย่างน้อยก็อธิบาย เตือนทาง user ว่าแบตเตอรี่ของคุณเนี่ยเสื่อมแล้วนะ มันถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแล้วนะ อีกสเต็ปหนึ่งก็คือว่ามันอันตรายแล้วนะ มันถึงจุดที่ว่ามันจะต้องใช้งานไม่ได้แล้วนะ คุณมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแล้วนะ” ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้มันจะทำให้ความปลอดภัยในการใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของ STROM มีสูงขึ้น
“เราเชื่อว่าเราเป็นอันดับ 1 ในเรื่องของความปลอดภัย เรามีระบบการควบคุมเรื่องของแบตเตอรี่ เรามีเรื่องของตัวสมรรถนะของตัวรถ ฉะนั้นเราเน้นไปเรื่องของความปลอดภัยเราเป็นรายเดียวที่ เรารับประกัน “ระเบิด” คือแบตเตอรี่ไม่ระเบิดเรามีรับประกัน จ่าย 1 แสนบาท ถ้าเกิดว่าเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ที่ผ่าน ๆ มาเรายังไม่เคยมีเหตุการณ์เกิดขึ้น เพราะเรามีความเข้าใจเรื่องตัวแบตเตอรี่” ฉะนั้นจุดเด่นของตัวผลิตภัณฑ์ STROM น่าจะเป็นเรื่องของตัวแบตเตอรี่และก็เรื่องของความปลอดภัย มีระบบแทร็คกิ้งสามารถป้องกันเรื่องการโจรกรรมได้ มีฟีเจอร์ใหม่ ๆ หลายอย่างที่เป็นฟีเจอร์หลัก ๆ ที่ผู้บริโภคไทยสนใจ
ราคา มีเริ่มต้นตั้งแต่ 4 หมื่นกว่าบาท เรียกว่าเป็นรถเหมือนรถคุณแม่บ้านไปจ่ายกับข้าว จนไปถึงพี่ข้างเนี่ย(สตรอมบูล) 6 แสนกว่า เป็นซูเปอร์ไบค์แต่ระหว่างอินบิทรีก็จะมีเยอะมีหลากหลาย หลากหลายระดับตามสมรรถนะของที่ผู้บริโภคต้องการ “พูดง่าย ๆ ว่าจุดเด่นเราค่อนข้างชัดเจนครับ เรา Customize เราเป็นแบรนด์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่สามารถ customize ได้ อย่างรุ่น STROM BULL เราได้รับเกียรติจากทางคุณดอม เหตระกูล นะครับคนไทยจะรู้จักพี่ดอมในเรื่องของบิ๊กไบค์ พี่ดอมก็มาให้เกียรติเป็นคนออกแบบ seat เป็นคนทำ customize ตัวนี้แล้วก็เป็นผู้จัดจำหน่ายด้วย” มีพาร์ทเนอร์หลาย ๆ พาร์ทเนอร์ในการร่วมกันทำมอเตอร์ไซค์แต่ละเซ็คเม้นต์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย
เป็นขวัญใจของผู้ใช้งานจริง มีระบบรักษ์สิ่งแวดล้อม “Carbon Offsets”
6-7 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ STROM เองจะมุ่งเน้นไปในตลาด B2B ไม่ได้ทำคอนซูเมอร์มาร์เก็ตเลย แต่จะเน้นทำกับองค์กรทั้ง
ภาครัฐและภาคเอกชน ที่เริ่มหันมาใช้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เปลี่ยนจากรถสันดาปมาใช้รถไฟฟ้า จากพื้นฐานตรงนั้นที่ทำ B2B เหมือนกับว่าแบรนด์เองได้ศึกษาได้ว่า ความต้องการของการใช้งานเป็นอย่างไร แล้วก็มาพัฒนาต่อตัวรถมอเตอร์ไซค์ “ปัจจุบันนี้เราก็ ถ้าเห็นวิ่งกันตามท้องถนนนะครับที่เห็นวิ่งเยอะ ๆ ละกัน เพราะว่าเรามีกับหลายองค์กรนะครับที่วิ่งอยู่บนท้องถนนตอนนี้ เยอะที่สุดก็น่าจะเห็น GRAB นี่ก็จะเห็นเยอะรถของสตรอมวิ่งอยู่ตามท้องถนนทั่วไป แกร็บนี่เขาก็มีโครงการที่จะมาผลักดันเปลี่ยนจาก ผู้ที่ใช้มอเตอร์ไซค์ปกติ(สันดาป) เนี่ยหันมาใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเพื่อความประหยัด เราก็เป็นพาร์ทเนอร์หนึ่งในที่เข้าร่วมโครงการของแกร็บ GRAB EV” องค์กรอื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่น DHL ฟีดของดีเอชแอลที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ ท้องตลาดที่วิ่งกันอยู่นี้ก็เป็นรถของสตรอมที่บริษัทอีเอชแอลตัดสินใจเลือก มั่นใจ และเลือกนำไปใช้บริการ
“สตรอมเองเนี่ยอยากจะให้มอง รถมอเตอร์ไซค์ไม่ใช่เป็น mass production นะสำหรับเราเนาะ เราโดดเด่นในเรื่องการทำ Customize ก็คือว่ากลุ่มองค์กรสนใจจะมาคุยกับเรา เราก็เวิร์กกันในเรื่องของ user requirement คุณต้องการที่จะใช้ความเร็วเท่าไหร่ ระยะทางที่คุณจะใช้เป็นลักษณะแบบไหน เพย์โหลดคือน้ำหนักที่บรรทุก คุณต้องการที่จะบรรทุกที่เท่าไหร่ แล้วเรามาคำนวณแล้วเราก็ทำโปรโตไทต์ขึ้นมา พัฒนาร่วมกับเขาในการที่จะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ที่เขาต้องการใช้” อันนี้ไม่เพียงแต่ว่าทำเฉพาะกับ B2B ทางสตรอมก็มีโครงการที่ถ้าเกิดว่าลูกค้าต้องการ สามารถซื้อรถไปแล้ว customize ได้ตามความต้องการของลูกค้าเอง ไม่เพียงแต่เฉพาะในเรื่องของตัวแบตเตอรี่ เรื่องของความเร็ว แต่ยังรวมไปถึงรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างเช่น ขนาดความสูงของเบาะ ด้าย เลือกใช้ด้ายเส้นสีของเบาะ หรือสีของตัวรถ ฟีเจอร์ต่าง ๆ ในตัวรถสามารถที่จะ customize ได้
ผลิตภัณฑ์สินค้าหลัก ๆ ของ STROM มีอยู่ 7-8 โมเดลหลัก ๆ ก็จะถูกแบ่งออกเป็น category ต่าง ๆ หรือแต่ละโมเดลมีชื่อที่เป็นชื่อของสัตว์ “เราถือคอนเซ็ปต์ก็คือ เราต้องการ “โลก” ให้สะอาดคลีนขึ้น แล้วก็เปิดโอกาสให้สัตว์เหล่านี้เขามีโอกาสใช้ชีวิตร่วมกันกับเราต่อไปได้นะครับ มันก็จะมี ชีตาห์ แพนเตอร์ ดรากอนฟาย ฯลฯ มีหลากหลายชื่อสัตว์เลยนะครับ แต่ว่าที่เราได้รับการนิยมมี 3 รุ่นหลัก ก็คือ กลอริลล่า ซึ่งผู้ที่ใช้โลจิสติกส์ต่าง ๆ หรือขนส่งนี่นิยมมากมี ชิมแปนซี แล้วก็มีมังกี้ ก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมที่ได้รับการนิยมจึงเป็น “ลิง”(หัวเราะ) กลายเป็นลิงมันก็มีรุ่นอื่น ๆ” ในมุมเรื่องของการ “รักษ์โลก” มันก็เป็น Core Value ของสตรอมอยู่แล้ว รถแต่ละคันตอนนี้กำลังเริ่มต้นที่จะพัฒนาเกี่ยวกับเรื่องของการเก็บข้อมูล ในเรื่องการพัฒนาต่อไปเรื่องของการทำ “คาร์บอนเครดิต”ซึ่งมีหลาย ๆ องค์กรอยากจะใช้ Carbon Offsets ตรงนี้เอาไปใช้ในธุรกิจ “เราก็สามารถที่จะพัฒนาตัวมอเตอร์ไซค์แล้วก็ทำให้ ทำ Carbon Offsets ตัวนี้ขึ้นมาได้ อันนี้ก็จะไปช่วยในเรื่องของการที่องค์กรต่าง ๆ กำลังเริ่มที่จะหันมาใช้ในเรื่องของคาร์บอนออฟเซ็ตต่าง ๆ ก็เป็นการกระตุ้น อย่างรถมอเตอร์ไซค์วิ่งนะครับทุก ๆ 1 กม.ของเราเนี่ยเรา generate ประมาณ 42 กรัม ซึ่งตรงนี้ก็แปลว่าทุก กม. ก็วิ่งไปเรื่อย ๆ ก็จะมี Carbon Offsets ไปเรื่อย ๆ”
ตั้งเป้าอีก 3 ปี “เบอร์1” เจ้าตลาดยานยนต์ EV 2 ล้อในไทย
ในปีแรก ๆ ที่เข้ามาในตลาด มีการไปเปิดตัวในงาน Motor Show ซึ่งก็ได้รับความสนใจมากจากตัวแทนจำหน่าย จากผู้บริโภคทั่วไป แต่ด้วยอาจจะเป็นเรื่องของการรับรู้ ณ เมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว คำว่ายานยนต์ไฟฟ้ายังค่อนข้างห่างไกลที่ผู้บริโภคจะสามารถเข้าถึง หรือหาข้อมูลได้“ระยะหลังเนี่ยประมาณ 2-3 ปีหลังเนี่ย มีสภาวะการตื่นตัวอย่างมากในวงการ EV ไม่เพียงแต่ 2 ล้อ 4 ล้อ ด้วยเนี่ยนะครับ อาจจะอันเนื่องมาจากการกระตุ้นของภาครัฐ ทำให้การรับรู้ของผู้บริโภคเนี่ยสูงขึ้น ปีที่แล้วเราปิดยอดมาเป็นอันดับที่ 5 ของประเทศ คือยอดจดทะเบียน ก็ด้วยเป้าหมายว่าภายใน 3 ปีเราอยากจะขึ้น “อันดับ1”ของบ้านเรา”
อ้างอิงมาจากตัวเลขการจดทะเบียน ในปี 2022 หรือปีที่แล้วยอดจดทะเบียน(รวมทั้งประเทศ) อยู่ที่ประมาณ 9,000 ยังไม่ถึง 1 หมื่นคันดี EV ในส่วนของมอเตอร์ไซค์เอง ปีนี้ก็ผ่านไป 10 เดือนก็เกือบ ๆ 2 หมื่นคันแล้ว! ก็แปลว่าตัวเลขก้าวกระโดด ก็เลยกะว่าปีหน้าถ้าเทรนด์ยังเป็นลักษณะนี้ ก็น่าจะมองว่าในตลาดไทยจะมีรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าออกสู่ตลาด ไม่น้อยไปกว่า 4 หมื่นคัน ภายในปี2567 หรืออีก2-3 ปีรวม ๆ กันแล้วก็น่าจะ เกือบจะแตะ1 แสนคันได้
“ตอนนี้เป็นอาเซียนที่มีมาพูดคุย แล้วขอสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายอยู่ แต่เราก็บอกว่า ณ ปัจจุบันนี้ด้วย Capacity ของเราด้วยวิชั่นและโฟกัสของเรา เราอยากขอตอบโจทย์ในไทยก่อนนะครับ เป็นหลัก ก็เป้าหมายเราว่าเรากะว่าถ้าเกิดว่า เรา สามารถ shift 1 ใน 3 หรือ TOP 3 ได้เราถึงจะมองออกสู่เพื่อนบ้าน” ตอนนี้กลุ่มเป้าหมายแรกคือเข้าไปครองใจผู้บริโภคชาวไทยก่อน
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า “แบรนด์ไทย” เก่งไม่แพ้ใครในโลก
เมื่อพูดกันถึงเรื่องของ “ความคุ้มค่า” การใช้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเปรียบเทียบกับรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป(สันดาป) โดย CEO
ของแบรนด์ “STROM” ยังบอกด้วย ยกตัวอย่างของแบตเตอรี่ตัวที่มีความจุ 400 กม./1 ชาร์จ ค่าไฟต่อการชาร์จ 1 ครั้งจะอยู่ที่ประมาณ 8.1 กิโลวัตต์ “ก็ประมาณ 8 หน่วย ค่าไฟฟ้า 1 หน่วยตอนนี้ผมเข้าใจว่าหน่วยตอนนี้ อยู่ประมาณ 4 บาท ก็แปลว่าการชาร์จไฟ 1 ครั้งจะมีค่าใช้จ่ายเรื่องของค่าไฟ อยู่ประมาณ 32 บาท”
นอกจากนี้ STROM เองก็ยังมีสถานี Swap & Charge เป็นของตัวเองด้วย ก็คือว่ามีสถานีที่สามารถเข้าไปทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือว่าทำการชาร์จแบตเตอรี่แบบเร็วก็ได้เหมือนกัน “หรือมีบางรุ่นเราก็มีออฟชันอย่างที่บอกว่าเรามีออฟชันหลายอย่าง ออฟชันในการติดตั้งหัว “Type2” หมายความว่าถ้ารถมอเตอร์ไซค์ที่ติดตั้งหัว Type2 ลงไปแล้วเนี่ย สามารถเข้าไปชาร์จได้ตามสถานีรถ EV ทั่วไป เข้าใจว่าตอนนี้ก็มีไม่น่าต่ำกว่า 2,000 สถานี ของหลาย ๆ แบรนด์ทั่วกันไปเนี่ยในประเทศไทยก็สามารถไปใช้ได้ เพราะเรามีข้อตกลงกับบริษัทผู้ให้บริการต่าง ๆ พอไปถึงปุ๊บเป็นตู้ชาร์จไฟของรถใช่มั้ยครับ ก็ไปกดแอปพลิเคชันต่าง ๆ ก็จะเห็นยี่ห้อเราอยู่ในนั้น เป็นแบรนด์มอเตอร์ไซค์ที่อยู่ในตู้ชาร์จของรถยนต์”
มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเราพูดถึงหลักของกฎหมายก่อนละกัน ถ้าเกิดว่าวิ่งอยู่บนท้องถนนมีความจำเป็นที่จะต้องมี “ทะเบียน” ถึงจะถูกต้องตามกฎหมาย ทางบริษัทสตรอมฯ รถทุกรุ่นทุกคันของเราเราขายแบบ รถที่สามารถจดทะเบียนได้ “ก็คือทุกคันมีสามารถจดทะเบียนได้เหมือนกับรถมอเตอร์ไซค์ปกติเลย อันนี้เนี่ย พอเรามาพูดถึงตลาด ตลาดถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนครับ คือ รถมอเตอร์ไซค์ที่อาจจะมีความเร็วต่ำ ไม่ปลอดภัยที่จะออกท้องถนน อันนี้ก็มีใช้กันอยู่ทั่วไปก็เป็นเซ็คเม้นต์หนึ่ง คือรถมอเตอร์ไซค์ที่มีความเร็วต่ำ กับรถมอเตอร์ไซค์ที่ออกท้องถนนได้เราอยู่ในหมวดนี้ครับเราอยู่หมวดที่ 2 คือเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่สามารถจดทะเบียนได้”
ผมเข้าใจว่า มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคงไม่แตกต่างอะไรกับยานยนต์ไฟฟ้า(รถ 4 ล้อไฟฟ้า) มันเป็น “เทรนด์” ที่คงจะหยุดไม่ได้แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ แล้วมันก็มาแล้วด้วย! เพียงแต่ว่าเราผู้บริโภคชาวไทยเราจะ ADOPT เขาได้เร็วแค่ไหน มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไม่ได้เพิ่งมาแต่มันมีอยู่ใน “ประเทศจีน” มาเป็น 10 ปีแล้ว ที่เขามีวิ่งอยู่ในท้องถนน แค่ดูแค่นี้เราจะเห็นแล้วว่าทางไทยเราอาจจะ ADOPT เทคโนโลยีตัวนี้ช้ากว่า ช้ากว่าต่างชาติ มันเป็นเทคโนโลยีเป็น Disruption เทคโนโลยีที่ไม่สามารถที่จะยับยั้งได้
มันแค่เวลาเท่านั้น ว่าจะมาวันนี้หรือจะมาพรุ่งนี้ แต่มาแน่!!!
“ก็อยากจะฝากแบรนด์ ถือว่าแบรนด์ STROM เป็นแบรนด์คนไทย แบรนด์คนไทย 100% เทคโนโลยีที่ใช้ส่วนใหญ่ก็ประกอบที่ไทย และเทคโนโลยีหลัก ๆ หลาย ๆ อย่างก็เป็นวิศวกรชาวไทยเป็นคนทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ของตัวรถก็ดี เพราะฉะนั้นตรงนี้เนี่ยอยากจะฝากว่า คนไทยไม่ได้แพ้ชาติใดเลยในต่างประเทศ ถ้าเรามีความมุ่งมั่น มีความตั้งใจนะครับ เราเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยอยู่แล้ว เราผลิต ประกอบ ตั้งใจผลิต ตั้งใจประกอบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของพี่น้องชาวไทยนะครับ ก็อยากจะฝากตรงนี้แบรนด์ STROM ไว้ให้ช่วยพิจารณาอีกทางเลือกหนึ่ง” ม.ร.ว.พีรานุพงศ์ ภาณุพันธ์ CEO บริษัท สตรอม(ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวในที่สุด
จากผู้ผลิตและเชี่ยวชาญงานด้าน “แบตเตอรี่” มากว่า 30 ปีต่อยอดสู่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า “STROM” แบรนด์คนไทยทำเอง เก่งไม่แพ้ชาติใดในโลกซึ่งมีจุดแข็งในเรื่องของแบตเตอรี่ที่ตอบโจทย์ได้ทั้ง “ความปลอดภัย” และก็สมรรถนะของรถในเรื่องของ “ความเร็ว” ได้ตามที่ผู้บริโภคชาวไทยมีความต้องการด้วย ขอบคุณเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจดี ๆ จากธุรกิจสายรักษ์โลก “STROM” รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบรนด์ไทยในครั้งนี้ ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์และสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้บริโภคชาวไทยได้เป็นอย่างดีเยี่ยม
สามารถติดตามผลงานได้ที่ FB : Strom พัฒนาและจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รถไฟฟ้า และยานยนต์ไฟฟ้าทุกรูปแบบ หรือสอบถามเพิ่มเติมโทร.081-555-5523
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *